News Feed

HotNews: SGP ส่งซิกล่วงหน้ากำไรปีนี้โตก้าวกระโดด -TMILL จ่ออัพเป้ากำไรปีนี้

1 ก.ย. 2560 16:54:57 1,053

HotNews: SGP ส่งซิกล่วงหน้ากำไรปีนี้โตก้าวกระโดด

-TMILL จ่ออัพเป้ากำไรปีนี้

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 1 กันยายน 2560 ) -------- TMILL จ่อปรับเพิ่มเป้ากำไรสุทธิปีนี้ จากเดิมคาดโต 20% หลังครึ่งปีแรกกำไรโตทะลุ 100% เตรียมขยายเครื่องจักรลำเลียงในคลังสินค้าช่วง Q4/60 คาดใช้งบไม่เกิน 10ลบ.

SGP คาดกำไรปีนี้โตก้าวกระโดด รับแนวโน้มราคา LPG พุ่งต่อเนื่องคาดครึ่งปีหลังผลงานโตต่อเนื่อง ตามดีมานด์เพิ่มขึ้น มั่นใจโกยรายได้เข้าเป้า 6 หมื่นลบ. คาดปริมาณขายปีนี้ทะลุเป้า 3.2 ล้านตัน จากปีก่อน 3 ล้านตัน เจรจาพาร์ทเนอร์เมียนมาร์ ร่วมทุน ตั้งบริษัทใหม่ รองรับแผนขยายฐานลูกค้า เตรียมสร้างคลังสินค้า ในมาเลย์ ใช้งบ 300 ลบ. เริ่มก่อสร้างต้นปี61

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้ากำไรสุทธิปีนี้ จากเดิมคาดโต20% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.50 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถทำกำไรสุทธิได้แล้ว 66.11 ซึ่งถือว่าเติบโตได้108% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีและเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก โดยมีแรงหนุนจาก จากการปริมาณการขายแป้งสาลีที่เพิ่มขึ้น และ เร่งขยายลูกค้ารายใหม่ๆเพิ่มเติม

ขณะที่บริษัทได้ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70% โดยหากรวมลูกค้าทั่วไปจะส่งผลให้ใช้กำลังการผลิตสูงถึง 80% จากกำลังการผลิตของบริษัททั้งหมด 500 ตันข้าวสาลีต่อวัน โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อแป้งสาลีล่วงหน้าไปจนถึงเดือนก.ย. 61 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"ปีนี้เราจะมุ่งเน้นสร้างกำไรสุทธิเป็นหลัก ตามยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นและยังได้มาร์จิ้นที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมุ่นเน้นบริการหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าเดิมมีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงมีฐานลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม และเรายังมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยทางบริษัทตั้งใจจะเพิ่มกำลังการผลิตปีละประมาณ 10% สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และที่สำคัญคือเรามีการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในเกณฑ์ที่เหมาะสม ด้านอัตราการแลกเปลี่ยนที่ผันผวนนั้น ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเราแต่อย่างใด เพราะเราได้ทำการขายสินค้าล่วงหน้าแล้ว และมีการจัดการที่ดีเยี่ยม " นายชาญกฤช กล่าว

พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมขยายเครื่องจักรลำเลียงในคลังสินค้า ในช่วงไตรมาส 4/2560 โดยคาดจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถลดการใช้แรงงานคนได้ 12 คน/วัน

ส่วนการลงทุน แขนกลลำเลียงสินค้าขึ้นรถบรรทุกเฟสที่2 จะเริ่มลงทุนในปี 61 และ เฟสที่ 3 จะลงทุนเครื่องบรรจุสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งจะเริ่มลงทุนในปี 62 อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 เฟสอยู่ระหว่างการจัดทำงบประมาณในการลงทุน

ทั้งนี้มั่นใจว่าบริษัทจะยังคงครองแชมป์ความเป็นโรงงานโม่แป้งสาลีที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน

สำหรับผลประกอบการของ TMILL ในรอบ 6 เดือน ของปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 679.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.82 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 โดยมีปริมาณการขายแป้งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 และมีผลกำไรสุทธิ 66.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 108.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของกำลังการผลิตมวลรวมครึ่งปีแรกนี้ มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.52 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยลดลง จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็นร้อยละ 21.3 จากร้อยละ 14.4 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่าบริษัทคาดแนวโน้มกำไรปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อนที่ทำได้ 1.18 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทคาดว่าแนวโน้มราคาก๊าซ LPG จะปรับตัวต่อเนื่องตามแนวโน้มราคาน้ำมัน โดยปัจจุบันราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเฉลี่ยเดือนกันยายนอยู่ที่ 490 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับขึ้นจากเดือนสิงหาคมจำนวน 50 เหรียญต่อตัน รวมไตรมาสที่3ราคาก๊าซปรับตัวขึ้น 102.5 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากไตรมาสที่2 ที่ผ่านมา ประกอบกับการที่รัฐบาลได้ลอยตัวราคา LPG ทั้งระบบตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2560 สนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทสามารถบริหารจัดการเรื่องต้นทุนสินค้า และการบริหารจัดการเรื่องของระบบการลำเลียงขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันได้

อนึ่งกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.07พันล้านบาท

พร้อมกันนี้บริษัทคาดแนวโน้มผลงานการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ คาดต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มราคา LPG ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะปรับตัวสูงขึ้นจากปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว และทำให้รายได้ในปีนี้ของบริษัทจะเติบโตเพิ่มขึ้นได้ไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 4.83หมื่นล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 2.79 หมื่นล้านบาท

สำหรับปริมาณการขายในก๊าซ LPG คาดจะทำได้มากกว่าเป้าที่วางไว้ 3.2 ล้านตันหรือเติบโต5-6% จากปีก่อนที่ 3 ล้านตัน เนื่องมาจากปริมาณการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจ LPG ในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดจีน ปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 5-10% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.2 ล้านตันเช่นกันกับในตลาดมาเลเซียที่บริษัทฯคาดว่ายังมีศักยภาพในการขยายตัวได้ดี

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจรากับพันธมิตรในประเทศเมียนมาร์ เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนมาช่วยขยายตลาดในประเทศดังกล่าวให้เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีการส่งขายในบริเวณชายแดน ประกอบการขนส่งในปัจจุบันส่งผ่านรถบบรรทุกจึงทำให้มีการปริมาณค่อนข้างน้อย ซึ่งหากหลังจากที่บริษัทร่วมทุนดังกล่าวแล้วจะทำให้บริษัทระบบการลำเลียงขนส่งสินค้าส่งผ่านเรือที่มีปริมาณบรรทุกได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนได้ในเร็วๆนี้

อีกทั้งยังเตรียมสร้างคลังสินค้าก๊าซ LPG ในประเทศมาเลเซียเมืองปีนัง โดยจะทำให้มีก๊าซ LPG สำรองได้ 3 พันตันเพื่อรองรับความต้องการใช้ได้จากการสร้างคลังดังกล่าว โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 300 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตถมที่ดินและคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 61

"ปีนี้ยอดขายคาดว่าการเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 5.2 จากปีก่อน หรือที่ประมาณ 3.2 ล้านตัน อีกทั้งมีความมั่นใจว่าผลประกอบการจะดีกว่าปีก่อนแน่นอนจากปริมาณการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับบริษัทสามารถบริหารจัดการสินค้าและต้นทุนได้เป็นอย่างดี ส่วนการทำธุรกิจ LPG ในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดจีน ปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 5-10% และตลาดมาเลเซีย ขยายตัวได้ดี" นางจินตณา กล่าว

นางจินตณา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่รัฐบาลได้ลอยตัวราคา LPG ทั้งระบบตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2560 ที่ผ่านมา บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทสามารถบริหารจัดการเรื่องต้นทุนสินค้า และการบริหารจัดการเรื่องของระบบการลำเลียงขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันได้ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ขออนุญาตจากกรมธุรกิจพลังงานเพื่อนำเข้า LPG มาจำหน่ายในประเทศแล้ว 44,000 ตัน/เดือน และนำเข้า LPG เพื่อส่งออกอีกราว 3 พันตัน/เดือน โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 24.6% เป็นอันดับ 2 ของตลาดก๊าซแอลพีจีในประเทศ

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจ LPG ในประเทศจะยังมีการแข่งขันอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของ LPG ภาคขนส่ง เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งลดลง ส่งผลให้ผู้ค้าที่อยู่ในภาคขนส่งมีการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งยอดขาย ซึ่งอาจมีการแข่งด้านราคาอยู่ ซึ่งบริษัทเองเห็นว่าเพื่อลดผลกระทบจากธุรกิจก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งที่เกิดขึ้น บริษัทได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการน้ำมันรายใหญ่จำนวน 2 ราย ในการลงทุนทำสถานีบริการน้ำมันในสถานีบริการก๊าซ LPG ของบริษัท โดยตั้งเป้าไว้ทั้งสิ้น 10 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภค นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการเน้นการจำหน่ายก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือน และอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันปริมาณขายของบริษัทเติบโตได้มากกว่าตลาดรวมที่คาดโต 2-3%

----จบ---

https://www.hooninside.com/cache/author/1548402004_200x200_4.jpeg