AT THE OPEN (#ATO)
SET Index สงครามการค้ากลับมากดดัน
เลือกหุ้นปันผลสูง Valuation ไม่แพง
Market Strategy
SET Index คาดพักตัว 1300 -1320 จุด แรงกดดันมาจากสงครามการค้า หลังสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเม็กซิโก แคนาดาอัตรา 25% และจีน 10% เป็นลบต่อทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาค ในเชิงกลยุทธ์ยามตลาดผันผวนสูง แต่ Valuation ของ SET Index อยู่ในระดับที่น่าสนใจ มองเป็นจังหวะสะสมหุ้นปันผลสูง INTUCH หุ้นที่ลงแรงเกินพื้นฐาน SPRC
ความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้ากลับมากดดัน หลังจากสหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และจีน 10% เพื่อตอบโต้เรื่องผู้อพยพและการลักลอบนำเข้าเฟนทานิล มีผลเที่ยงคืนวันที่ 4 ก.พ. (หรือตรงกับเที่ยงวันตามเวลาบ้านเราโดยประมาณ) อิงข้อมูลการค้าปี 2566 จะมีผลต่อสินค้านำเข้าสหรัฐฯสูงราว 1.3 ล้านล้านเหรียญฯ หรือ 43% ของมูลค่าการสินค้านำเข้าทั้งหมด ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของทุกฝ่าย ซึ่งหากมุ่งเน้นสหรัฐฯ Bloomberg คาดกระทบต่อ GDP สหรัฐฯ 1.2% หากคู่ค้าตอบโต้ขึ้นภาษีในอัตราเดียวกัน และหนุนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับขึ้น 0.7%
ประเมินความเสี่ยงข้างต้นจะเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว ส่วนระยะสั้นทำให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อลงช้า FED ลดดอกเบี้ยกลับมา ซึ่งอาจทำให้ค่าเงิน Dollar Index แข็งค่า U.S. Bond Yield ทรงตัวระดับสูง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อทิศทาง Fund Flow และเป็น Sentiment ลบต่อกลุ่ม Yield Sensitive ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า ส่วนกลุ่มที่คาดว่า Outperform ดังกล่าว คือ กลุ่มธนาคาร (ชอบ TTB KTB KKP)
ส่วนปัจจัยในประเทศในสัปดาห์นี้ความสนใจหลักอยู่ที่ วันที่ 6 ก.พ. ที่นายกฯเตรียมประชุมกับผู้นำจีนคาดหารือเรื่องการค้าและการลงทุน นอกจากนี้ยังมีการรายงานเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ตลาดคาดขยายตัว 1.3%YoY เร่งขึ้นจาก 1.23%YoY ส่วนการรายงานงบหลักๆอยู่ที่วันศุกร์ 7 ก.พ. ADVANC THCOM TIDLOR
Market Summary
SET Index ปรับลง 21.14 จุด หรือ -1.6% กดดันหลักมาจากกลุ่ม CP นำโดย CPALL -8% CPAXT -4.5% TRUE -1.7% และ CPF -3.5% จากข่าวกลุ่มผู้ก่อตั้ง Seven&i เสนอกลุ่ม CP ร่วมเข้าซื้อกิจการ กลุ่มตกแต่งบ้าน GLOBAL -11.5% DOHOME -7.6% HMPRO -3.9% กังวลต่อ SSSG เดือน ม.ค.68 ฟื้นตัวช้า สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 ปรับขึ้นมีเพียง 5 บริษัท โดย PTTEP +2.4% TTB +1% PTT +1.6% ยืนได้จากปันผล CCET +0.7% BH +2% จากการรีบาวน์ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3.16 พันล้านบาทและสถาบันขายสุทธิ 1.8 พันล้านบาท
DAILY Stock Pick
INTUCH
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 107.40 บาท
ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงจากจุดสูงสุดที่ 113 บาท เมื่อช่วงวันที่ 17 ต.ค. 66 หรือคิดเป็นการปรับลง 14% ทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% ก่อนการควบรวมกิจการเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ใน 2Q68 ซึ่งเราคาดว่า INTUCH จะจ่ายเงินปันผลรวม 6.49 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็นเงินปันผล 2H67 จำนวน 1.99 บาท และเงินปันผลพิเศษ 4.50 บาท โดยคาดว่าทั้งสองส่วนจะจ่ายในไตรมาส 1Q68 เป็นปัจจัยที่จำกัด Downside ของราคาหุ้น
นอกจากนี้การแปลงหุ้น NewCo หากเทียบกับราคาปัจจุบันของ INTUCH ที่ 97.25 บาท บนสมมติฐานที่จ่ายปันผล 2H67 ที่ 6.49 บาท/หุ้น และ GULF ที่ 57.75 บนสมมติฐานจ่ายปันผล 2H67 ที่ 0.96 บาท/หุ้น เราประเมินว่าการแปลงผ่าน INTUCH จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากจะได้ต้นทุนที่ถูกกว่า GULF ที่ 2.8%
WEEKLY Stock Pick
SPRC
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.90 บาท
GRM มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังตรุษจีน โดยในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา มีโอกาส 80% ที่ GRM จะปรับตัวขึ้นภายใน 4 วันหลังตรุษจีน และมีโอกาสสูงถึง 96% ภายใน 14 วัน โดยเฉพาะในปีที่ GRM เริ่มต้นต่ำกว่า 4 ดอลลาร์/บาร์เรล (เช่นปีนี้) ค่าเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นของ GRM อยู่ที่ 1.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายใน 14 วัน
มี 3 ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน SPRC คือ 1) ค่า Premium น้ำมันดิบลดลง 2) โครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น (เพิ่มสัดส่วนดีเซล ลดเบนซินและน้ำมันเตา) และ 3) การกลับมาใช้ท่าเรือ SPM ช่วยลดต้นทุนปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะช่วยให้ SPRC มีค่าการกลั่นดีกว่าเมื่อเทียบกับค่าการกลั่นสิงคโปร์ (GRM)
ด้าน Valuation ต่ำสุดในรอบหลายปี โดยมูลค่าตลาดของ SPRC ขณะนี้เทียบเท่ากับเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและอัตราส่วน PBV ที่ 0.5 เท่า ต่ำกว่าระดับต่ำสุดช่วงโควิด 0.6 เท่า ซึ่งเรามองว่าตอบรับปัจจัยลบต่างๆ มากจนเกินไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.90 บาท
KEY FACTOR
Donald Trump ลงนามในคำสั่งบริหาร ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา สู่ระดับ 25% (กลุ่มพลังงานจากแคนาดา ขยับขึ้นเป็น 10%) และ จีน เป็น 10% มีผลตั้งแต่ 4 ก.พ. ตามที่ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้า ซึ่งสินค้านำเข้าสำคัญ ประกอบด้วย น้ำมันดิบ รถยนต์/ชิ้นส่วน และ คอมพิวเตอร์ เป็นสัญญาณสะท้อนความไม่แน่นอนในช่วงถัดไปต่อโอกาสการตั้งกำแพงภาษีกับประเทศอื่นๆ ที่เป็นเป้า นำโดย EU และรัสเซีย
ตลาดหุ้น ASEAN ในระยะสั้น ยังคงเป็นภูมิภาคที่ Underperform โดยผลตอบแทนตลาดหุ้น YTD อยู่ในช่วง -10.5% ถึง -0.14% สอดคล้องกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิในช่วง -692 ถึง -114 ล้านเหรียญฯ สะสมช่วง YTD สะท้อนมุมมองของนักลงทุนที่ยังเลี่ยงและลดสัดส่วนการลงทุนในตลาด EM
EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67
3 ก.พ. Caixin PMI ภาคการผลิตของจีน, เงินเฟ้อเดือน ม.ค., HCOB PMI ภาคการผลิต
5 ก.พ. Caixin PMI ภาคบริการของจีน, การจ้างงานเอกชน ADP
6 ก.พ. เงินเฟ้อของไทย
7 ก.พ. การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ