---รายได้ที่โตแกร่งหนุนกำไรปี 24F---
คาดกำไรสุทธิ 4Q24F เติบโต +16.6% y/y; +6.1% q/q เป็น 1.05 พันล้านบาท ปัจจัยหนุนการเติบโต y/y คือรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น (สินเชื่อเติบโต ดีขึ้น และ NIM กว้าง ขึ้น ซึ่งมาจาก Yield ที่ดีขึ้น แม้ว่าต้นทุนการเงินจะสูงขึ้นก็ตาม ) รายได้ค่าธรรมเนียม สูงขึ้น (จากยอดขายเบี้ยประกันที่เติบโตขึ้น ) และ credit cost ลดลง ส่วนการขยายตัว q/q มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น และ credit cost ลดลง
สำหรับกำไรสุทธิทั้งปี 2024F คาดไว้ที่ 4.2 พันล้านบาท (+11.8% y/y) มาจากสินเชื่อขยายตัว รายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น แม้ว่า credit cost จะเพิ่มจากปี 2023 ก็ตาม
การเติบโตของสินเชื่อดีขึ้นใน 4Q24F เราคาดว่าสินเชื่อขยายตัว +8.1% y/y และ +2.6% q/q ใน 4Q24F ดีขึ้นจากที่หดตัว q/q ใน 3Q24 โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ รถ 4 ล้อ และรถบรรทุกรวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกฟื้นตัวด้วย
TIDLOR เปิดสาขาใหม่ทั้งหมด 100 แห่งในปี 2024 เทียบกับที่เปิด 50 แห่งในปี 2023 ) ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้จำนวนสาขารวมอยู่ที่ 1,778 แห่ง ณ สิ้นปี 2024
คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น จากประสิทธิภาพในการเรียกเก็บหนี้ที่ดีขึ้น การระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงที่ผ่านมาเราคาดการณ์ NPL ratio สิ้น 4Q24F ลดเป็น 1.85% (จาก 1.88% ในสิ้น 3Q24) และคาด credit cost ไว้เท่ากับ 3.52% ใน 4Q24F (ลดจาก 3.91% ใน 3Q24) ซึ่งเป็นผลมาจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นและการตัดหนี้สูญลดลงในไตรมาสนี้ สำหรับทั้งปี 24 ประเมิน credit cost ไว้ที่ 3.58% (เพิ่มจาก 3.34% ในปี 2023) คาด coverage ratio สิ้นปี 24 ไว้ที่ 244% ลดลงจาก 282% ในสิ้นปี 23 แต่ก็ยังสูงมาก
คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 21 บาท อิงกับ P/BV ปี 25F ที่ 1.7 เท่า (Mean-1SD) เราเชื่อว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดว่า ผลประกอบการจะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโดยรวม
นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@dbs.com : Tel. 02 857 7837