สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 มกราคม 2568)------ นางสาวพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) COCOCO   เปิดเผยว่า ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 27 มกราคม2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์โดยกำหนดมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 430 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิให้สอดคล้องกับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นและตอบสนองต่อยอดคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยภายหลังการลงทุนโครงการดังกล่าว จะทำให้กำลังการผลิตสูงสุดของผลิตภัณฑ์กะทิเพิ่มขึ้นจากเดิม99,000 ตันต่อปี เป็นประมาณ 155,000 ตันต่อปี

บริษัทฯ จะดำเนินการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ผ่านบริษัทย่อยที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ตามกฎหมายของประเทศประเทศฟิลิปินส์ภายใต้ชื่อ “Novococonut” โดยการทำสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาวเป็นระยะเวลา 25 ปี ใน Anflo IndustrialEstate (AIE) เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงานสำหรับไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์กะทิและส่งออกสินค้าดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯนอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีการลงทุนในอาคาร เครื่องจักร และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 430ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าการก่อสร้างอาคารโรงงานและการติดตั้งเครื่องจักรจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการผลิตได้ประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2569

โครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์จะทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งผลิตมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำและสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เนื่องจากบริษัทฯ สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่นASEAN Free Trade Area (AFTA) และบริษัทฯ มีแผนให้บริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ขอรับสิทธิประโยชน์จากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งหากได้รับการอนุมัติดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ สามารถใช้ประโยชน์จากจากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนอื่น ๆ นอกจากนี้ การลงทุนตั้งโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทฯสามารถน าส่งวัถตุดิบน้ำมะพร้าวกลับมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การเข้าทำรายการครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินสัดส่วนร้อยละ 90 และกระแสเงินสดภายในบริษัทฯ สัดส่วนร้อยละ 10