เราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567F จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 203 ล้านบาท (+24% y/y, +86% q/q) โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) รายได้ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 620 ล้านบาท (+14% y/y, +19% q/q), 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 65.0% (เทียบกับ 63.6% ในไตรมาส 4/2566 และ 57.0% ในไตรมาส 3/2567), 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ลดลงเป็น 27.9% (เทียบกับ 28.3% ในไตรมาส 4/2566 และ 33.2% ในไตรมาส 3/2567) และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาท (เทียบกับ 5 ล้านบาทในไตรมาส 4/2566 และ 10 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567) สำหรับปี 2567F คาดกำไรสุทธิที่ 506 ล้านบาท (+22% y/y)
คาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 จะเติบโต 19% สู่ระดับ 599 ล้านบาท โดยมาจากรายได้เติบโต 14% y/y ซึ่งได้รับแรงหนุนหลักจากการเติบโตของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่ 30% y/y ขณะที่คาดกาณณ์รายได้คนไข้ไทยเติบโตเพียง 6% y/y เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมความงาม
ผลตอบแทนจากการลงทุนยังค่อนข้างต่ำและน่าจะต้องใช้เวลาในการเพิ่มสู่เป้าหมาย MASTER ได้ลงทุนจำนวน 2.1 พันล้านบาทใน 15 บริษัท โดยมีการถือหุ้นในสัดส่วนระหว่าง 15-40% ซึ่งคิดเป็น 52% ของสินทรัพย์รวม ณ ไตรมาส 3/2567 บริษัทคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 10% ภายในสามปีข้างหน้าเทียบกับประมาณการที่ 2% สำหรับปี 2567F และจะมีการลงทุนซื้อกิจการเพิ่มอีกใน 2H68F โดยมีแหล่งเงินทุนจากการออกหุ้นกู้
มีความไม่แน่นอนว่า 4 กองทุนที่ซื้อหุ้น Big lot จะขายออกมาหลังหมด Silent period หรือไม่ ทั้งนี้เมื่อ 16 ม.ค. 68 ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล มีการขายหุ้น Big lot ให้กับกองทุนต่างประเทศ 4 กองทุน จำนวน 11.36 ล้านหุ้น (3.78% ของหุ้นเรียกชำระแล้ว) ที่ราคา 37 บาท/หุ้น โดยมีระยะเวลาห้ามจำหน่าย 6-12 เดือน
ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ (เดิมซื้อ) โดยให้ราคาพื้นฐานใหม่ 37 บาท (DCF, WACC 10.9%, TG 1.5%)
นักวิเคราะห์ : ศศิกานต์ อุดมเวศย์ : sasikarnu@th.dbs.com : Tel. 02 857 7833