Market Wrap-Up
- SET วันที่ 21 ม.ค.68 ปิด +12.03 จุด อยู่ที่ 1,352.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,004 ลบ. ต่างชาติซื้อ 170 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 112 ลบ. สถาบันขาย 19 ลบ.และรายย่อยขาย 39 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 2,132 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,KBANK,SCB,MINT,SAWAD และยอดขายหุ้น CCET,TTB,BCP,BDMS,MTC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,778 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ PTTGC,TU,TGE โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,733 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 26,750 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 4,154 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.24%, S&P500 +0.88%, Nasdaq +0.64% นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรม และสาธารณูปโภค หลัง ปธ.ทรัมป์ยังไม่ได้ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล ( Universal Tariff ) ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.40% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ +1.5% นำโดย Novo Nordisk +4% และกลุ่มสินค้าหรูหรา +1.5% คลายความกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลัง ปธ.ทรัมป์ยังไม่ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล แต่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก และแคนาดาที่อัตรา 25% ในวันที่ 1 ก.พ. สาเหตุจากปัญหาผู้อพยพเข้าสหรัฐผิดกฏหมาย รวมถึงปัญหาลักลอบค้ายาเสพติดตามแนวพรมแดน ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอาจสูงขึ้น หากตัดสินใจขึ้นภาษีแบบครอบจักรวาล โดย Goldman Sachs ชี้มีโอกาส 25% ลดลงจากเดิม ธ.ค. คาด 40% ที่สหรัฐจะเก็บภาษีแบบครอบจักรวาล ส่วนรายงานกำไร บจ.สหรัฐวานนี้ 3M +4.16% หลังกำไร Q4/67 ดีกว่าคาดการณ์ และรอรายงานกำไร บจ.หลัก ๆ เช่น Netflix, J&J, P&G สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น US PMI ภาคการผลิต & บริการ เบื้องต้น ม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ Stoxx600 +0.4% ปิดสูงสุดในรอบ 3 เดือน คลายความกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีของทรัมป์ โดยทรัมป์ต้องการเจรจากับ EU ให้นำเข้าพลังงานจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อลดยอดขาดดุลระหว่างสหรัฐ & EU ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ ZEW เผยดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมัน ม.ค. ลดลงอยู่ที่ 10.3 & ธ.ค. 15.7 สาเหตุจากการใช้จ่ายผู้บริโภคชะลอตัว, อุปสงค้ภาคก่อสร้างลดลง และการเมืองขาดเสถียรภาพ จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ECB มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 30 ม.ค. สัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคการผลิต & บริการยูโรโซน, อังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส เบื้องต้น ม.ค.
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับขึ้น หลัง ปธ.ทรัมป์ยังไม่ปรับขึ้นภาษีศุลกากรกับจีนทันทีในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ช่วยลดความกังวลต่อภาวะสงครามการค้าสหรัฐ – จีน กอปรกับการพูดคุยเบื้องต้นระหว่าง ปธ.ทรัมป์ กับ ปธ.สี จิ้นผิง อยู่ในทิศทางบวก โดยวันศุกร์นี้รอผลการประชุม BOJ มีโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินเยนผันผวน
- SET วานนี้ +0.90% ปริมาณการซื้อขาย 3.8 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 170 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 112 ลบ. รายย่อยขาย 39 ลบ. และสถาบันขาย 19 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +1.67% หลัง ปธ.ทรัมป์ยังไม่ได้ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.59% กอปรกับ ปธ.ทรัมป์ได้ยกเลิกคำสั่งห้ามการส่งออกชิปของไบเดน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่นเดียวกับกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับขึ้น ตอบรับ US Bond Yield ลดลง, ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และต้นทุนค่าพลังงานของกลุ่มโรงไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลง จาก ม.สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันของทรัมป์ โดยนักลงทุนที่เก็งกำไรด้าน Short เริ่มปิดสถานะ หลังปัจจัยเสี่ยงจากการปรับขึ้นภาษีแบบครอบจักรวาลของทรัมป์เริ่มลดลง และนักลงทุนกลับมาให้ความสนใจต่อรายงานกำไร Q4/67 ของ บจ.ในกลุ่มค้าปลีก และพลังงาน หลังรายงานกำไร Q4/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย 8 แห่ง +14.2% YoY, -7.7% QoQ และดีกว่า Consensus +5.5% โดยกำไรที่เติบโตได้ดี YoY มาจากสำรอง ECL ลดลง
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,345 – 1,350 แนวต้าน 1,360 – 1,365 คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังสหรัฐยังไม่ได้ปรับขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล ช่วยลดกระทบต่อภาคส่งออกไทย แนะนำทยอยซื้อ ADVANC,INTUCH,GULF,CPALL,CPAXT เป็นกลุ่มได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ
- PCE* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N/A) งวด 9M67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 397 ล้านบาท +103%YoY ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไรปกติในงวด 4Q67 จะยังดีขึ้น QoQ จากราคา CPO ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาในตลาดโลก ช่วยชดเชยปริมาณขาย B100 ที่ถูกกระทบจากการปรับสัดส่วนเป็น B5 ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.67 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะรักษาระดับได้และผันผวนน้อยกว่าคนอื่นเนื่องจากธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ โดยทั้งปี 67 ผู้บริหารคาดรายได้จะเติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย ส่วนในปี 68 แม้ในประเทศจะถูกกระทบจาก B5 แต่จะได้ประโยชน์จากตลาดส่งออกในช่วง 1H ที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงจากนโยบายปรับส่วนผสมไบโอดีเซลของอินโดนีเซียเพิ่มเป็น B40 ส่วน PCE เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่มี Market Share อันดับ 1 ของไทย มีความได้เปรียบการแข่งขันที่ตอนนี้ไทยยังไม่มีการเก็บ export tax
- CPAXT (ซื้อ / Bloomberg Consensus 34.07 บาท) BB Consensus ประเมินกำไร 4Q67 อยู่ที่ 3,816 ลบ. (+17%YoY, +95%QoQ) ได้แรงหนุนตามฤดูกาล, สินค้ากลุ่มอาหารสด, การขายผ่าน Omnichannel, และ ม.กระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ซึ่งคาดว่าแรงหนุนเหล่านี้จะต่อเนื่องไปยัง 1Q68 ด้วย จากเทศกาลตรุษจีนและม.แจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส 2 รวมถึง ม.Easy E-Receipt ด้าน CPAXT* เอง วางเป้าปี68 SSSG +high single digit%, GPM +60bsp, สัดส่วน Omnichannel 22%, และขยายสาขา 50 สาขา ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรปี67 และ 68 ของ CPAXT* ที่ 10,422 ลบ.( +21%YoY) และ 12,545 ลบ.(+20%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.พ. -$1.99 อยู่ที่ $75.89 / บาร์เรล, Brent มี.ค. -$0.86 อยู่ที่ $79.29/บาร์เรล หลัง ปธ.ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติ เพื่อเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน, วางท่อน้ำมัน และตั้งโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อลดราคาน้ำมันเบนซิน และค่าไฟฟ้าให้กับชาวอเมริกัน โดย EIA คาดการณ์ราคาน้ำมันจะปรับลดลงในปีนี้และปีหน้า โดยถูกกดดันจากาภาวะอุปทานล้นตลาด
Gold Update(+) Comex Gold ก.พ. +$10.50 อยู่ที่ $2,759.20 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -1.2% โดยทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -21.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +5.02 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -23.50 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.97 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.592 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -29 จุด อยู่ที่ 928
(+) BitCoinเช้านี้ +4.03% อยู่ที่ 105,608 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
20 ม.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
31 ม.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
20 ม.ค. US วันหยุด-วันรำลึกมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
23 ม.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
24 ม.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ธ.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th