AT THE OPEN (#ATO)
SET Index อยู่ในช่วงผันผวนสร้างฐาน
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งผันผวนตามกรอบ 1330-1340 จุด สภาพแวดล้อมวันนี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักความชัดเจนของนโยบายของสหรัฐฯหลังคุณทรัมป์จะเข้ารับพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ด้านปัจจัยในประเทศจะผันผวนไปตามการรายงานงบ 4Q67 ของกลุ่มธนาคาร สำหรับหุ้นเด่นที่เราเลือกลงทุนในสัปดาห์นี้ CPALL ส่วนหุ้นวันนี้ชอบ CPF
ปัจจัยต่างประเทศประเด็นสำคัญวันนี้อยู่ที่การประกาศนโยบายของคุณทรัมป์ในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะนโยบายทางด้านภาษีนำเข้า ซึ่งเราประเมิน 3 แนวทางที่มีโอกาสเป็นไปได้ 1) ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการ โดยอัตราภาษีจะแตกต่างกันเป็นรายประเทศ 2) ประกาศทยอยขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการ โดยอัตราแตกต่างกันเป็นรายประเทศ และ 3) ประกาศจะขึ้นภาษีแต่ไม่ระบุแนวทางที่ชัดเจน โดยหากเกิดแนวทางที่ 1) จะถือเป็น Worst Case Scenario ที่ทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลง แต่โอกาสเกิดขึ้นไม่มาก เนื่องจากเป็นความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯเอง และเชื่อว่าโอกาสที่จะมาในแนวทางที่ 2 หรือ 3 เป็นไปได้มากกว่าเพราะสหรัฐฯจะสามารถใช้ประเด็นทางภาษีเป็นข้อต่อรองในการเจรจาการค้าต่อไป หากเกิดขึ้นเชื่อว่าตลาดหุ้นจะเริ่มสร้างฐานจากความกังวลต่อความเเสี่ยงเศรษฐกิจ เงินเฟ้อที่ลดลง
ด้านปัจจัยในประเทศอยู่ที่การรายงานงบ 4Q67 ของกลุ่มธนาคาร โดยเราคาดกำไรกลุ่มธนาคาร 7 แห่ง ที่เราศึกษา ทำกำไรสุทธิ 4.86 หมื่นล้านบาท หดตัว -11%QoQ แต่ขยายตัว 14%YoY การหดตัว QoQ เป็นผลจาก OPEX ที่สูงขึ้นซึ่งเป็นไปตามปัจจัยทางฤดูกาล ขณะที่การขยายตัว YoY มาจาก Credit Cost ที่ลดลง โดยธนาคารที่เราคาดว่าจะขยายตัว YoY โดดเด่นกว่ากลุ่มคือ KTB คาดกำไรขยายตัว 66%YoY และ KKP ที่กำไรขยายตัว 38% โดยหุ้น Top Pick กลุ่มธนาคารของเราหากเป็นธนาคารขนาดใหญ่ยังชอบ KTB ที่พอร์ตสินเชื่อเสี่ยงต่ำ แนวโน้มกำไรเติบโตดีและปันผลปี 67/68 คาดสูงในช่วง 5-6% และ KKP สำหรับธนาคารขนาดกลาง-เล็กที่กำไรปี 68 คาดเติบโต 24%YoY เด่นสุดในกลุ่มฯ พร้อมปันผล 2H67/68 ที่คาด 3.4%/8% ตามลำดับ
Market Summary
SET Index ติดลบ 12 จุดหรือเกือบ 1% แรงกดดันมาจากการกลุ่มโรงไฟฟ้าจากประเด็น กกพ. เสนอค่าไฟฟ้า 3.98 บาท โดย BGRIM -4% GPSC -1.6% EA -10.8% BCPG -2.2% กลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP -5.7% แม้จีนรายงาน GDP 4Q67 ขยายตัวได้ดีกว่าตลาดคาด กลุ่ม ICT ที่เริ่มมีแรงขายทำกำไร ADVANC -2% INTUCH -1.5% กลุ่มโรงแรมยังกังวลต่อการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนกดดัน ERE -2.5% CENTEL -1.6% AWC -1.3% หุ้นที่ปรับขึ้น CPAXT +2.7% จากบริษัทคาดผล Synergy หลังปรับโครงสร้างภายในดีกว่าคาด COM7 +0.4% จากบริษัทชี้แจงผู้ถืออันดับ 1 ไม่ได้นำหุ้นวางมาร์จิ้น
DAILY Stock Pick
CPF
สถิติย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา CPF เป็นหุ้นที่มักจะปรับขึ้นก่อนเทศกาลตรุษจีน สำหรับปีนี้ เราเชื่อว่าโอกาสที่ปรับขึ้นยังมีจาก Sentiment บวกของราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าใกล้เทศกาลตรุษจีน โดยราคาไก่และหมูไทยสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 12.8%MoM และ 1.4%MoM
แนวผลประกอบการ 4Q67 ถึง 1H68 เชื่อว่าจะขยายตัวได้ดี YoY จากแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่ยังคาดอยู่ในระดับสูง ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์มีโอกาสปรับลดลง
ระดับ Valuation ไม่แพง เพราะซื้อขายอยู่บน P/BV68 ต่ำเพียง 0.81 เท่า , P/E68 ที่ 11.3 เท่าเท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ประกอบกับราคาหุ้นตอนนี้ที่ 22.40 บาท ใกล้เคียงราคาหุ้นช่วงที่บริษัทอนุมัติซื้อหุ้นคืนตอน มี.ค. 2563 ที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 22.00 บาท จึงอาจเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ Sentiment บวกต่อความคาดหวังการประกาศซื้อหุ้นได้ในระยะถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28.75 บาท
CPALL
คาดแนวโน้มกำไร 4Q67 จะยังสามารถเติบโตได้ QoQ และ YoY หนุนกำไรทั้งปี 67 เติบโต 31.7%YoY และยังคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 68 ที่ 9.6%YoY
ระยะสั้นมีปัจจัยบวกหนุนจาก 1) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ทั้ง Easy E-Receipt และแจกเงินสด 1 หมื่นบาทเฟส 2 วงเงิน 3-4 หมื่นล้านบาท 2) ค่าไฟฟ้าที่มีโอกาสลดลงหลังจาก กกพ. เสนอลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.98 บาท จากปัจจุบัน 4.15 บาท จะเป็นการประหยัดต้นทุนค่าไฟซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1-3% ของยอดขายของ CPALL 3) CPAXT เผยผลบวกของ Amalgamation น่าจะมาเร็วกกว่าคาดและกำไร 4Q67 แข็งแกร่งซึ่งเป็นบวกกับ CPALL ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CPAXT
ขณะที่ Valuation ไม่แพงซื้อขายบน P/E68 ที่ 19.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -1.3 S.D.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 81 บาท
KEY FACTOR
มุมมองตลาดน่าจะให้น้ำหนักไปที่การขับเคลื่อนนโยบายการค้า และการต่างประเทศ หลังการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ Donald Trump ในวันนี้ (20 ม.ค.) ซึ่งน่าจะลงนามปรับขึ้นภาษีนำเข้าจาก จีน ที่ระดับ 60% เม็กซิโกและแคนาดา ที่ระดับ 25% และกับสินค้านำเข้าส่วนใหญ่อย่างน้อยที่ระดับ 10%
ตลาดการเงินโลกในช่วงที่ผ่านมาถือว่าตอบรับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวมาแล้วมากพอสมควร 1) อัตราผตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงตั้งแต่ ต.ค. (เป็นช่วงที่ตลาดเริ่มเห็นสัญญาณกระแสและโอกาสชัยชนะการเลือกตั้งของ Donald Trump) เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ในช่วงเดือน ต.ค. จากจุดต่ำสุดที่ทำไว้ระดับ 3.61% สู่จุดสูงสุดช่วงต้น ม.ค. ที่ 4.79% 2) Dollar Index จากจุดต่ำสุดประมาณ 100.38 จุด แตะระดับ 110 จุด 3) ส่วนดัชนี MSCI Asia ex Japan ในช่วงตั้งแต่ ต.ค. – ปิดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง -9% ดังนั้น ในช่วงถัดไปตลาดน่าจะพิจารณารายละเอียดและผลกระทบของมาตรการแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
EYES ON
ในสัปดาห์ รายงานงบฯ 4Q67 กลุ่มธนาคาร
20 ม.ค. Donald Trump เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.,
จีนกำหนดดอกเบี้ย LPR อายุ 1 และ 5 ปี
24 ม.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ ของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ