Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

324

 

 

รอดูACTION ของ ปธน. สหรัฐฯ คนใหม่
ประเด็นที่นักลงทุนรอดูทั้งในมุมของ เศรษฐกิจ และการเมือง โลก คือการเข้ารับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐฯ คนใหม่ ในวันที่ 20 ม.ค.68 ซึ่งต้องดูว่าจะมีการออกมาตรการเร่งด่วนอะไรออกมาหรือไม่ ซึ่งในสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะ WAIT & SEE ส่วนประเด็นอื่นที่อยู่ในความสนใจวันนี้ เริ่มจากการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอล กับ ฮามาส ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันในระยะสั้นส่วนตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน มีการประกาศตัวเลข RETAIL SALES และINITIAL JOBLESS CLAIM ของสหรัฐ ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดมุมมองที่เปลี่ยนไปของทิศทางดอกเบี้ย โดย FEDWATCH TOOL ยังแสดงโอกาสที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.68 บ้านเราเป็นเรื่องข้อเสนอของกกพ. ให้ปรับลดค่าไฟฟ้ารอบต่อไป 0.17 บาท มาอยู่ที่ 3.98 บาท/หน่วยประเมินว่า SET INDEX น่าจะผันผวนในกรอบแคบรอดู ACTION ที่จะออกมาหลัง ปธน.สหรัฐคนใหม่รับตำแหน่งคาด SET INDEX อยู่ในกรอบ1340-1358 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BJC, CPAXTและ WHA

 

 

นับถอยหลัง 4 วัน!! เตรียมเข้ายุค TRUMP 2.0
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีDONALD TRUMP (สมัยที่ 2) มีกำหนดจัดขึ้นไว้ในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2025 ช่วงเที่ยงวัน ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการประกาศนโยบายเร่งด่วน (EXCLUSIVE ORDER)อะไรออกมาบ้าง? และนโยบายจะเป็นไปตามที่หาเสียงไว้มากน้อยเพียงใด?สำหรับปัจจัยที่สร้างความกังวลไม่น้อยให้กับนักลงทุน เห็นจะเป็นเรื่อง “TRADEWAR และ TECH WAR” โดยในช่วงปี 2018 การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ –จีน สร้างความเสียหายมหาศาลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นปีที่กดดันFUND FLOW ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากสุดเป็นประวัติการณ์ 2.89 แสนล้านบาท นอกจากนี้ TECH WAR อาจกดดันให้หุ้น TECH โลกและ MAG7 ผันผวนได้เพราะมี P/E อยู่ในระดับสูง

 


โดยกรณีที่มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากต่างประเทศ 10% และจีน 60% ทาง IMFประเมินว่าจะกดดัน GDP GROWTH ทั่วโลกราว 0.4% - 0.6% สำหรับคาดการณ์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจแต่ละทวีปในยุค TRUMP 2.0 สรุปได้ดังนี้สหรัฐฯ
• ดุลทางการค้าของสหรัฐฯ มีแนวโน้มขาดดุลลดลง จากนโยบายกีดกันทางการค้า
• อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้ออาจมีแนวโน้มสูงขึ้น หรือเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ช้าลงจากต้นทุนสินค้านำเข้าสูงขึ้น รวมถึงการจ้างแรงงานภายในประเทศมีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงยาวนาน จนกระทบต่อผู้บริโภค และธุรกิจ รวมทั้ง GDP GROWTH ในระยะข้างหน้าได


ยุโรป
• สหรัฐฯ ขาดดุลทางการค้ากับยุโรปในปี 2023 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2018โดยเพิ่มขึ้นราว +17% สะท้อนการพึงพิงด้านการค้าระหว่างกันมากขึ้น
• การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ อาจทำให้ยุโรปส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯลดลง และมองหาตลาดใหม่ทดแทน
• ภาวะการเงินมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น ท่ามกลางเศรษกิจที่เติบโตต่ำ และเงินเฟ้อสูงกว่ากรอบเป้าหมายเอเชีย
• หลายประเทศในเอเชียมีแนวโน้มการพึ่งพาส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ สูงขึ้นเมื่อเทียบระหว่างปี 2018 และ 2023 อาทิ เวียดนาม, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินเดีย,ไทย ฯลฯ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบต่อภาคส่งออก
• ขณะที่จีนมีการค้ากับสหรัฐฯ มากสุดในโลก ปี 2023 2.6 แสนล้านเหรียญแต่ลดลงจากปี 2018 ที่ 3.8 แสนล้านเหรียญ แสดงว่า จีนพึงพาสหรัฐน้อยลงทำให้การขึ้นภาษีจีนรอบนี้ อาจจะไม่กระทบหนักทางตรงเฉกเช่นในอดีต

สรุป การเข้าสู่ยุค TRUMP 2.0 ช่วงสัปดาห็หน้าเป็นต้นไป ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการประกาศนโยบายดังเช่นที่หาเสียงไว้มากน้อยเพียงใด? ซึ่งอาจส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนได้

ปัจจัยอื่นๆที่ควรทราบต่อการลงทุนมีอะไรบ้าง ... มาดูกัน
วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT / WTI ลดลง 0.83% และ 1.70% หลังจากมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มฮูตีอาจจะประกาศยุติการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงหลังจากอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตามเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้นำฮูตีกล่าวว่าจะจับตาดูว่าอิสราเอลดำเนินการตามข้อตลงหยุดยิงหรือไม่ หากพบว่าอิสราเอลระเมิดข้อตกลง ก็พร้อมที่จะโจมตีอีกระลอกทันที โดยวันนี้หุ้นในกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น อาจสร้างแรงกดดันต่อ SET บ้างในวันนี้

 

ส่วนอีก 1 ประเด็นที่ควรทราบ คือ วานนี้ กกพ.มีมติเสนอแนวทางลดค่าไฟ โดยรับซื้อไฟจากรายเล็กเพื่อให้การอุดหนุน ADDER และ FEED IN TARIFF (FIT) สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และทำให้ค่าไฟสามารถปรับลดลงได้ทันทีประมาณหน่วยละ 17 สตางค์ จากค่าไฟฟ้าในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท/หน่วย เหลือ 3.98 บาท/หน่วย ซึ่งกระบวนการถัดไป คือ กกพ.เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯ โดยเร็วที่สุด เพื่อพิจารณาทบทวนนโยบายดังกล่าว ขณะที่ในฝั่งราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GULF BGRIMGPSC ฝ่ายวิจัยฯ ASPS คาดว่าไม่น่าตอบสนองเชิงลบมากนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้รับ ข่าวร้ายลดค่าไฟ 3.70 บาท/หน่วยไปก่อนหน้านี้แล้ว

สรุป ปัจจัยอื่นๆที่ควรทราบต่อการลงทุนในวันนี้ คือ ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง และค่าไฟมีโอกาสลด17 สต. เหลือหน่วยละ 3.98 บาท ซึ่งดูจากปัจจัยแล้วไม่น่าจะหนุนให้SET INDEX ขยับขึ้นได้มากนัก โดยวันนี้คาดแกว่งตัวอ่อนในกรอบ 1340-1358 จุด

เริ่มเห็นผู้บริหารและบริษัทเรียกความเชื่อมั่นเล็กๆ
เปิดปี 2025 มาได้ ครึ่งเดือน SET INDEX ลง 48 จุด หรือ -3.4%YTD มาอยู่ที่ 1352จุด แรงกดดันหลักๆ มาจากความกังวลและจับตาต่อประเด็นการวางหลักประกันมาร์
จิ้น และการวางนโยบายระยะยาวของทรัมป์ในช่วง 100 วันแรก ของการเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. 67แม้ภาพรวมจะมีประเด็นให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอยู่บ้าง แต่ก็เห็นบางบริษัทเริ่มเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ดังนี้

1. บริษัททยอยซื้อหุ้นคืน 18 บริษัท มีมูลค่ารวม 987 ล้านบาท ในครึ่งเดือนแรกของปี 2025 เช่น TU ซื้อหุ้นคืน 522 ล้านบาท ทุนเฉลี่ยที่ราคา 12.42 บาท,TOA, SNNP, TKN, MAJOR เป็น 5 หุ้นที่บริษัทซื้อหุ้นคืนมากสุด


2. ผู้บริหารมีการทยอยซื้อหุ้นบริษัทตัวเอง มูลค่ารวม 550 ล้านบาท เช่นSPALI ผู้บริหารซื้อหุ้น 197 ล้านบาท ทุนเฉลี่ยที่ราคา 17.29 บาท รองลงมาคือ A5, RJH, SPA, PHG, RCL, TKN, ADVICE, FM เป็นต้น

 


ภายใต้ตลาดเผชิญแรงกดดัน แต่บริษัทหลายบริษัทก็ส่งสัญญาณว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจจากการทยอยซื้อหุ้นคืน รวมถึงผู้บริหารซื้อหุ้นเพิ่มด้วย ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นถูกๆ อีกเยอะสะท้อนจากมีหุ้นใน SET 100 ถึง 40 บริษัท มี PBVไม่เกิน 1 เท่า

 


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เฟด คงดอกเบี้ย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย พัก แบบปรับฐาน ในเช้าวันนี้ หลังจากวานนี้ ดัชนฯพุ่งแรง ประกอบกับ เฟด ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้