Market Wrap-Up
- SET วันที่ 16 ม.ค.68 ปิด -0.61 จุด อยู่ที่ 1,352.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,377 ลบ. สถาบันซื้อ 2,965 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 13 ลบ. ต่างชาติขาย 1,239 ลบ. และรายย่อยขาย 1,739 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 229 ลบ. โดยมียอดซื้อKBANK,DELTA,PTTEP,BGRIM,MASTER และมียอดขาย GULF,BBL,BDMS,INTUCH,HMPRO มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,599 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ LVMH01,BCH,AOT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,466 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 33,294 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 689 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.16%, S&P500 -0.21%, Nasdaq -0.89% โดย UnitedHealth บริษัทประกันสุขภาพ -6.04% หลังรายได้ไตรมาสที่ผ่านมาต่ำกว่าคาด และ Apple -4.04% หลังยอดขาย Iphone ในจีนปรับลดลง ขณะที่ Morgan Stanley +3.9% ตอบรับกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.98% นำโดยดัชนี CAC-40 ฝรั่งเศส +2.14% หลังหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา +6.7% สูงสุดในรอบ 4 เดือน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับฐาน หลังวันก่อนปรับขึ้นรับตัวเลข US Core CPI ธ.ค. อยู่ที่ 3.2% & คาดที่ 3.3% ช่วยลดความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อสูง ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.615% โดย CME FedWatch ชี้มีโอกาส 44.6% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม มิ.ย. นี้ สอดคล้องกับความเห็นของ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ คณะกรรมการเฟดที่ชี้เฟดอาจลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ยอดค้าปลีกสหรัฐ ธ.ค. +0.4% & คาด +0.6% MoM และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 14,000 อยู่ที่ 217,000 สูงกว่าคาดที่ 210,000 ราย ซึ่งบ่งชี้การใช้จ่ายและตลาดแรงงานสหรัฐก็มีสัญญาณชะลอตัวลง นักลงทุนรอการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค. ว่าจะออกคำสั่งโดยใช้ กม.IEEPA เพื่อปรับขึ้นภาษีศุลกากรมากน้อยแค่ไหน
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดยดัชนี CAC-40 ฝรั่งเศส +2.14% หลังหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา +6.7% สูงสุดในรอบ 4 เดือน นำโดย LVMH +9.1%, Dior +8.6% และกลุ่มเทคโนลยีผู้ผลิตชิป +1.9% หลัง TSMC รายงานกำไรไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ระดับสูงสุด โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ชิป AI ทางด้านข้อมูล GDP อังกฤษ พ.ย. +0.1% & +0.2% MoM ส่งผลให้ตลาดคาด BOE อังกฤษมีโอกาส 84% จะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 6 ก.พ.
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ฮั่งเส็ง +1.2%, Kospi +1.2% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ ธ.ค. มีสัญญาณชะตัว ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลง ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ +0.33% ปรับขึ้นน้อยกว่าดัชนี้ภูมิภาค หลัง ปธ.BOJ เผยอาจพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 24 ม.ค. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ติดตาม GDP จีน Q4/67 คาด 5.0% & Q3/67 ที่ 4.6% YoY และ YTD +4.9% YoY / ผลผลิตภาคอุต ฯ , ยอดค้าปลีก, การลงทุนสินทรัพย์ถาวร และอัตราว่างงานจีน ธ.ค.
- SET วานนี้ -0.05% ปริมาณการซื้อขาย 0 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 2,965 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 13 ลบ. ต่างชาติขาย 1,239 ลบ. และรายย่อยขาย 1,739 ลบ. โดยช่วงเปิดตลาดดัชนีปรับขึ้นไปที่ระดับสูงสุดที่ 1,363.55 จุด ตามดัชนีภูมิภาค แต่ถูกแรงขายกำไร หลังหุ้น MASTER ปรับลดลงต่ำสุดไปที่ระดับ Floor จากการทำรายการ Biglot จำนวน 11.3 ล.หุ้น ที่ราคา 37 บาท ส่งผลให้นักลงทุนกังวลอาจเกิดสาเหตุการถูกบังคับขาย จากธุรกรรมจำนำหุ้น โดยทางบริษัทได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในช่วงบ่าย จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลลบไปยังหุ้น Big Cap.ในกลุ่มอิเล็ก ฯ, พลังงาน, ธนาคาร และขนส่ง โดยนักลงทุนยังรอความชัดเจนของ กลต.ในการออก ม.คุมเข้ม Margin Loan และการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมจำนำหุ้นของ บจ.ต่าง ๆ ขณะที่กลุ่มช่วยหนุนดัชนี คือ ค้าปลีก +1.68% ตอบรับ ม.กระตุ้นกำลังซื้อ และ ICT +0.96% ที่เป็นกลุ่ม Defensive โดยภาพรวมนักลงทุนยังรอประเมินผลกระทบ หลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. และรายงานกำไร Q4/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
Daily Strategy
- ประเมินดัชนี SET มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,340 – 1,345 แนวต้าน 1,360 – 1,365 ระหว่างรอประเมินผลกระทบหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง และรอความชัดเจนจาก กลต.ใน ม.ควบคุม Margin Loan แนะนำ Selective Buy กลุ่มอุปโภคบริโภค เช่น CPALL,CPAXT,HMPRO,MOSHI,CBG,OSP ได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อ/ ADVANC,INTUCH,GULF จากนโยบายภาครัฐที่เน้นการลงทุนด้าน Data Center
- OSP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.50 บาท) แนวโน้มรายได้และกำไร 4Q67 จะกลับมาเติบโต QoQ, YoY หนุนจากกลุ่มเครื่องดื่มและ personal care ที่ฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้คาดมีกำไรจากการขายโรงงานแก้วในพม่า 130 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปี 67 รายได้ตามน่าจะตามเป้าผู้บริหารขยายตัวราว 4%YoY ที่ 8 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 68 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต mid single digit การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพทำให้รักษาระดับ GPM 37% ได้ ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์กำไรปี 67-68 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท -13%YoY และ 3.2 พันล้านบาท +54%YoY
- CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย50 บาท) แนวโน้มการดำเนินงานปกติช่วง 4Q67 เรายังประเมินว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีแรงหนุนตาม Seasonal Effect ขณะที่ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจะมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้น, ม.กระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ, การเพิ่มขึ้นของยอดขาย Omnichannel, และ กำลังซื้อที่ฟื้นตัวในไทย/เวียดนาม ด้านค่าใช้จ่าย คาด SG&A ยังสามารถคุมได้ดีต่อเนื่องดังที่เห็นในช่วงที่ผ่านมา(เช่น การต่อรองขอลดค่าเช่า) ส่งผลให้ SG&A to Rev. ลดลง ส่วนช่วงถัดไป 1Q68 ยังมีปัจจัยเสริมต่ออีกจากม. Easy E-Receipt และ ม.แจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส2
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.พ. -$1.36 อยู่ที่ $78.68 / บาร์เรล, Brent มี.ค. -$0.74 อยู่ที่ $81.39/บาร์เรล หลังอิสราเอล & ฮามาสสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ส่งผให้กลุ่มฮูตีอาจจะยุติการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง
Gold Update(+) Comex Gold ก.พ.+33.10 อยู่ที่ $2,750.90 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.615% หลังข้อมูล US Core CPI ธ.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 3.2% & คาดที่ 3.3% YoY ส่งผลให้เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม พ.ค. หรือ มิ.ย. นี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -28.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -35.81 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +26.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -18.70 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 34.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.609 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -40 จุด อยู่ที่ 1,023
(+) BitCoinเช้านี้ +0.19% อยู่ที่ 100,070 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
14 ม.ค. ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
สัปดาห์ที3 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม.
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ต่างประเทศ
14 ม.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ธ.ค.)
15 ม.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ธ.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
16 ม.ค. US ดัชนียอดขายปลีก (เดือนต่อเดือน) (ธ.ค.)
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ม.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
17 ม.ค. CN ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ปีต่อปี) (ไตรมาส 4)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ธ.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th