Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

370

 

น่าจะเห็น TECHNICAL REBOUND ในระยะสั้น
หลากหลายแรงกดดันที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันทำการแรกๆ ของปี 2568 ทำให้SET INDEX ลงไปอยู่ที่บริเวณใกล้ 1350 จุด ซึ่งเราเห็นว่าเป็นระดับที่มีนัยสำคัญทาง TECHINCAL ขณะที่เป็นระดับที่ให้MARKET EARNINGYIELD GAP ช่วง 4.5 –4.8% ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว ทั้งนี้หากพิจารณาปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ เห็นว่ามีน้ำหนักค่อนไปทางบวก และน่าจะสร้าง SENTIMENT หนุนให้เกิดTECHNICAL REBOUND ขึ้นมาได้ในระยะสั้น เริ่มจากกระแสข่าวเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสะท้อนผ่านตัวเลขการของรับการส่งเสริมการลงทุน BOI ปี2567 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.13 ล้านล้านบาท ตามด้วยมุมมองเชิงบวกจากการที่ ครม.เห็นชอบ ENTERTAINMENT COMPLEX รวมถึงการเสนอแนวคิดในการฟื้นตลาดหุ้นของ อดีตนายกฯทักษิณเป็นไปได้ที่จะเห็น TECHNICAL REBOUND ในระยะสั้นจากแรงหนุนของหลายๆ เหตุการณ์ แต่อย่างไรก็ตามในระยะกลางยังมีความผันผวนสูงกรอบ 1350 –1370 จุด TOP PICK เลือก BEM, BJC และ PTTGC

 

ปัจจัยแวดล้อมยังกังวลว่า FED จะลงดอกเบี้ยช้า
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% ซึ่งมีหลายปัจจัยเข้ามาช่วยผลัก ทั้งภาพตลาดแรงงานที่ยังดูแข็งแกร่ง รวมถึงเห็นสัญญาณจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยวานนี้ BRENT ดีดตัวขึ้นนมายืนเหนือ 80 เหรียญฯ/บาเรลแล้ว และทำจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงนโยบายภาษีศุลกากรของ TURMP ล่าสุดทีมเศรษฐกิจของ TRUMP กำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเพิ่มขึ้นราว 2% -5% ต่อเดือนภาวะข้างต้น หนุนให้ตลาดการเงินมองว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยช้ากว่าเดิมสะท้อนจาก BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.78% (สูงกว่า POLICYRATE ที่ 4.50%) ซึ่งกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P500 ร่วงลงกดดัน จนกลับมา
อยู่จุดเดียวกับตอน TRUMP ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 6 พ.ย. 67 แล้ว

 

ด้านผลสำรวจของ FEDWATCH TOLL มีการเลื่อนคาดกาณ์ปรับลดดอกเบี้ยของFED ออกมาเรื่อยๆ โดยล่าสุดคาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี2568 ในเดือน ก.ย. 68(เดิมคาดเดือนมิ.ย. 68) และจะเกิดขึ้นเพียงแค่ 1 ครั้ง


สรุป เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% หนุนให้ตลาดการเงินมองว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยช้ากว่าเดิม ด้านผลสำรวจของ FEDWATCHTOLL คาด FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยเดือน 9 (เลื่อนจากเดิมเดือน 6)

 

 


งาน CHAT WITH TONY มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกัน
วานนี้ ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นปาฐกถาเวที “CHAT WITH TONY” ขับเคลื่อนตลาดทุนสู่ภาวะกระทิงซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจหลายอย่าง
• ปฏิรูปตลาดทุน ต้องสร้าง TRUST, CONFIDENCE และ SENTIMENT ที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงต้องเพิ่มบริษัทใหม่เข้าตลาดฯ ซึ่งอาจมาจากบริษัท
ต่างประเทศก็ได้ และอยากนำกองทุน LTF กลับมาอีกครั้ง
• ปฏิรูปภาษี GLOBAL MINIMUM TAX ให้เก็บ 15% ไปก่อน แล้วให้ BOI หามาตรการไปช่วย ส่วนภาษีนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา กำลังศึกษาเพื่อจูง
ใจให้เกิดการลงทุน โดยถ้าลดนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา จะต้องไปเพิ่มVATแทน
• เพิ่มความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ต้องแก้ปัญหา PM 2.5 ที่เกิดขึ้นทุกปี ,จัดการ SCAM, CALL CENTER และยาเสพติด

 

ขณะที่ในมุมเศรษฐกิจคาดหวัง GDP ปี 2025 โต 3% ปี 2026 โต 4% และปี 2027 โต5% การเติบโตแบบขั้นบันไดที่สูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะหนุนให้ FLOW ต่างชาติเข้ามาและหนุน SET INDEX OUTPERFORM ตลาดหุ้นอื่นๆได้ซึ่งรายละเอียดนโยบายมีดังนี้

การกระตุ้นภาคบริโภค(C) ค่าไฟฟ้า 3.7 บาท/หน่วย, รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย,99 ปี ทรัพย์อิงสิทธิ, จูงใจสำนักงานใหญ่สู่ต่างจังหวัด ดีต่อหุ้น CPALL CRC BJC
BEM BTS LH AP SC

การกระตุ้นภาคเอกชน(I) ค่าไฟ 3.7 บาท/หน่วย จูงใจบริษัท TECH เข้ามาลงทุน,ENTERTAINMENT COMPLEX, ถมทะเล, AI LITERACY, SAND BOX BIOTECH
ดีต่อหุ้น AMATA WHA GULF INTUCH BE8 BBIK MEDEZE SKY DITTO

การกระตุ้นภาคส่งออก(X) SAND BOX BITCOIN ที่ภูเก็ต รองรับนักท่องเที่ยวรวย,ENTERTAINMENT COMPLEX, หาตลาดใหม่ พัฒนาคุณภาพสินค้า ดีต่อหุ้นAOT CENTEL MINT ERW VGI BTS MBK

 


SET 1350 จุด ไม่แพง ภายนอกผ่อนคลาย ภายในเชื่อมั่นขึ้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน มี 4 ส่วนหลักหนุนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นจาก 1350 จุดได้
1. ได้รับ SENTIMENT ปัจจัยภายนอกที่ผ่อนคลายมากขึ้น จาก TRUMP มีโอกาสทยอยตั้งภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไป ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่มีการรีบาวน์ขึ้นมาบาง

2. ได้รับความเชื่อมันมากขึ้น จากทักษิณ ให้มุมมองทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ในงาน CHAT WITH TONY (รายละเอียดตามหัวข้อก่อนหน้า)

3. ในเชิงเทคนิค ณ SET 1350 จุด เป็นแนวรับสำคัญ เนื่องจาก แม้ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงมาต่อเนื่อง แต่เริ่มเข้าใกล้ และทดสอบแนวรับสำคัญ หรือ จุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 1349 จุด


4. ในมุม VALUATION ณ 1350 จุด ถือว่าถูกมาก อิงกรอบ EPS68F ที่ 85 –89 บาท/หุ้น จะมี MARKET EARNING YIELD GAP EX DELTA ในกรอบ4.6% - 4.9% หรือ คิดเป็น P/E ที่ 13.9 – 14.6 เท่า ขณะเดียวกันหุ้นขนาดใหญ่ อย่างในดัชนี SET100 มีหลายบริษัทถูกมาก โดยมี P/BV ไม่เกิน 1 เท่าถึง 39 บริษัท

 

 

กลยุทธ์ระยะกลางยาว แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี P/BV ไม่เกิน 1 เท่า อย่างPTTGC, RCL, SCC, BBL, AP, SIRI, KBANK, KTB, BJC, SJWD, PTT, SCB,TU, SCGP เป็นต้น

 

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้