ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

สรุปภาพตลาดวานนี้

SET กลับมาดิ่งถ้วนหน้า เหลือเพียง DELTA กลุ่มธนาคาร และ REIT ที่ยืนในแดนบวกได้ โดยหุ้นใหญ่ต่างลงกระจายตัวทุกกลุ่มทั้ง GULF ADVANC ปิโตรฯ IVL PTTGC SCC กลุ่มซีพี TRUE CPAXT CPALL เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีแรงขายแบบรุนแรงในกลุ่มหุ้นกลาง-เล็กหลายตัว เช่น VGI JMART JMT SINGER SGC PROEN KGEN IVF โดยคาดว่าจะมีการขายลดกังวลกรณีหุ้นมี Margin กลัวถูก Force Sell เหมือน RS (แม้ยังไม่เกิดขึ้น)

แนวโน้มตลาดวันนี้
ปัญหาเดิม ซ้ำเติมตลาดหุ้นไทย
SET ลงมาเมื่อวานนี้ มีข้อสังเกต-คำอธิบายว่าเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ในภาพรวมแล้วประเด็นในประเทศจะเป็นปัญหาลักษณะคล้ายเดิมทั้ง
1) ความกังวลปัญหาการเมืองภายในประเทศ และยังทำให้โบรกเกอร์ต่างชาติลดน้ำหนักหุ้นไทยจากเหตุผลนี้ด้วย
2) ความไม่เชื่อมั่นของระบบตลาดทุนจากกรณี Force Sell หุ้น RS กลับมาอีกครั้ง ซึ่งลามไปสู่ความกังวลหุ้นขนาดกลางเล็กอื่นๆ ดูได้จากราคาหุ้นกลุ่มนี้ที่ปรับตัวลงมาแรงมาก (ชิงขายกันก่อน แม้ยังไม่มีปัญหา)

ส่วนประเด็นในต่างประเทศกรณี CNN รายงานข่าวว่าทรัมป์ อาจจะประกาศอัยการศึกทางเศรษฐกิจหลังเข้ารับตำแหน่งที่ยังมีความไม่แน่นอน เราคิดว่าประเด็นนี้อาจไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับ 2 เรื่องแรกเนื่องจากว่าถ้าไปดูในตลาดในภูมิภาคหลายๆตลาดก็ไม่ได้ปรับตัวลงแรงตามขนาดเท่าหุ้นไทย
และถ้าหากประเมิน SET index โดยไม่รวม DELTA จะพบว่าปัจจุบันกลับมาใกล้ระดับก่อนที่จะปรับตัวขึ้นช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว (เหมือนรีเซ็ตใหม่) แล้วสัปดาห์หน้านอกจากจะคาดหวังประเด็นลบต่างๆคลี่คลาย หรือไม่มีประเด็นใหม่แล้ว นักลงทุนยังจับตาการพูดของอดีตนายกฯ ในวันที่ 13 ม.ค. ในงานของข่าวหุ้น ว่าจะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นให้ตลาดกลับมาได้หรือไม่อย่างไร
ดังนั้น วันนี้จึงคาดว่านักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้นและยังไม่ได้กล้าลุยเก็บหุ้นรอบใหม่เหมือนที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า แต่อาจจะมีแรงซื้อเก็งกำไรรีบาวน์บ้างในบางกลุ่ม (แต่จะเป็นลักษณะเข้าไวออกไวภายในวัน และน่าจะไม่ค่อยถือข้ามวันหยุด)
อย่างไรก็ตาม พบว่าหุ้นกลุ่มธนาคารก็ยังแข็งกว่าตลาด นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่เหวี่ยงน้อยแล้ว ยังมีเรื่องของปันผลปลายปีเป็นตัวค้ำยันราคาหุ้นไปด้วย

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกสะสมหุ้นกลุ่มเด่นที่เราคาดว่าจะมี Flows หมุนเข้ามาเล่น และหุ้นรายตัวที่มีประเด็นสนับสนุน

วิเคราะห์ทางเทคนิค
Foreign net sell ขายสุทธิ 2 พันล้าน…ขายเยอะและต่อเนื่องวันที่ 2 กด SET ร่วง หุ้นใหญ่ฉุดดัชนี ได้แก่ ADVANC PTTEP, CPAXT, IVL และ GULF เป็นต้น ส่งผลให้ตลาดลงแต่ไม่หลุด low(กราฟสีเขียวอ่อน) แต่!หากหักหุ้น DELTA ออกจะพบว่าดัชนีณ.ปัจจุบัน เหลือเพียงแค่ 1,207 จุด หลุด low ลงแล้ว (กราฟเขียวเข้ม) ส่วนภาพโมเมนตัมบ่งชี้ความเสี่ยง หากดัชนีหลุด low ต่ำกว่า 1.361 จุด อาจมีแรง panic sell ตามมา แนะระมัดระวัง! Note: หุ้นแนะนำ มีวิธีแก้พอร์ตไว้ให้

What to watch
CNN รายงานว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อให้เขามีอำนาจในการใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า (ที่มา: อินโฟเควสท์) ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะใช้วิธีการใด โดยทรัมป์จะสาบานตนฯ วันที่ 20 ม.ค. นี้
วันที่ 13 ม.ค. อดีตนายกฯ ทักษิณ จะร่วมให้วิสัยทัศน์ในงานของ “ข่าวหุ้น” คาดนักลงทุนจับตาเป็นพิเศษ ว่าจะมีประเด็นบวกต่อหุ้นกลุ่มไหน รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย (วันนี้เรามีออกรายงานฯ เก็งหุ้นดัก Event นี้)
โบรกต่างชาติบางราย Downgrade หุ้นไทย มองความไม่แน่นอนของการเมือง กดดันปัจจัยบวก และ Upside ให้จำกัด
การเมืองในประเทศ: แม้นายก สยบข่าวลือปรับ ครม. กระเทือนพรรคร่วมฯสะท้อนเสถียรภาพรัฐบาลยังเหนียวแน่น แต่ก็มีข่าวใหม่เกี่ยวกับ กกต. ระบุว่า การหาช่วยหาเสียง อบจ. ของอดีตนายกฯ ที่ผ่านมา อาจจะมีประเด็นเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง
โจ ไบเดน เตรียมจำกัดการส่งออกชิป AI จากบริษัทต่าง ๆ เช่น Nvidia Corp. อีกรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีขั้นสูงอยู่ในมือจีน-รัสเซีย // ทั้งนี้ มีการแบ่งประเทศเป็นกลุ่ม โดยไทยอยู่ใน Tier 2 ที่ไม่นับเป็นคู่แข่ง ซึ่งสามารถเพิ่มโควต้าได้ แบบมีเงื่อนไข

หุ้นแนะนำวันนี้

SCB หุ้นกลุ่มธนาคารแข็งกว่าตลาด มีแนวโน้มปันผลสูงค้ำยันราคาหุ้นไว้(S 118 R 122 SL 117)

รายงานพื้นฐานวันนี้

Tactical Idea
เก็งหุ้นดักการโชว์วิสัยทัศน์ของลุง Tony
วันที่ 13 ม.ค. "ข่าวหุ้น" จะมีการจัดงาน “Chat with Tony” โดยจะมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาบรรยายในงาน เราคาดว่าประเด็นในงานนี้จะเน้นเรื่องกลยุทธ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทย ตลาดทุน และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี พร้อมการวิเคราะห์ผลกระทบต่อกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ และเทคนิคไม่เสียหายมาก ไว้ในแต่ละประเด็น (รายละเอียดในรายงาน) ดังนี้
#1 การเสริมความน่าสนใจให้ตลาดทุนไทย (หุ้นรับประโยชน์ คาดกลุ่ม Blue-chip ในกลุ่ม SET50/SET100)
#2 แผนการเติบโตเศรษฐกิจระยะยาว (โครงสร้างพื้นฐานและเทคฯ สีเขียว เช่น GULF, THCOM, DELTA, LTS, BCPG, Entertainment Complex: BTS, VGI, MBK)
#3 เร่งรัดการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ลดต้นทุนพลังงาน สนับสนุน SMEs (กลุ่มธนาคาร เช่น KBANK, KTB, BBL)
#4 ผลักดันอุตสาหกรรมดาวเด่น (การท่องเที่ยว การแพทย์ ห้างฯ การเกษตร อาหาร และบันเทิง: ERW, PR9, CRC, VGI, PLANB, AU)
#5 การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น (BJC, CRC)
#6 เศรษฐกิจใหม่ (Data Center, AI, และ Smart Grids: GULF, TRUE, DELTA, THCOM, ROCTEC, LTS, BBIK, SKY, BE8)
#7 นโยบายการเงินที่ช่วยการคลัง (MTC, SAWAD, SIRI)
#8 ความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย
Tactical view: ในบรรดาหุ้นที่ได้รับประโยชน์เราเลือก 4 หุ้นเด่น สำหรับเก็งกำไรในปีนี้ โดยมองในเชิงปัจจัยบวกประกอบกับการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ได้แก่ VGI CRC MBK LTS พร้อมทั้งให้จุด Stop Loss และ Take Profit ไว้ในรายงาน

SCC
ปูนซิเมนต์ไทย
ระยะสั้น ยังอ่อนแอ
คาดการณ์ผลขาดทุนหลัก 4Q24 อยู่ที่ 923 ล้านบาท (ขาดทุนเพิ่ม QoQ และพลิกจากกำไรหลัก YoY) และผลขาดทุนสุทธิ 1,056 ล้านบาท โดยธุรกิจเคมีคาดว่าจะอ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ จากส่วนต่างราคาที่ลดลงและต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM) คาดว่ากำไร จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ได้แรงหนุนจากปริมาณขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น
ส่วนแนวโน้ม 1Q25 แนวโน้มดีขึ้น QoQ แต่ยังถูกกดดัน YoY โดยจากแนวโน้มส่วนต่างปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2025 ลง 32% เหลือ 6,465 ล้านบาท
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำถือ และปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2025 จาก 220 บาท เป็น 170 บาท

CPALL
ซีพี ออลล์
การปรับตัวที่เหนือชั้นช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไร
คาดว่า 7-ELEVEN จะมี SSSG ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มค้าปลีกที่ 3-4% YoY ใน 4Q24 จากยอดขายที่ดีของอาหารพร้อมทาน (RTE) สินค้าสุขภาพและความงาม และสินค้าอุปโภค โดยยอดขายเฉลี่ยต่อวันคาดว่าจะอยู่ที่ 83,600 บาท/สาขา สูงกว่าระดับก่อนโควิดใน 4Q19 (82,928 บาท/สาขา) นอกจากนี้ การจัดการสินค้าและต้นทุนที่ดี ยังช่วยหนุนอัตรากำไรขึ้นมาด้วย
ส่วนแนวโน้มปี 2025 เราคาดว่ากำไรหลักจะเติบโตต่อ 10% YoY (หลังเติบโตสูง 35% YoY ในปี 2024) และประเด็นค่าไฟ หากเหลือ 3.7 บาทจริง จะช่วยดัน Upside กำไรได้อีกราว 6% อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร CPALL เกี่ยวกับกลยุทธ์การเติบโตและการใช้ประโยชน์จากโครงการเงินดิจิทัลในงาน BLS Thai Corporate Day วันที่ 16 ม.ค.
Fundamental view: เรายังคงให้คำแนะนำซื้อ ในเชิงพื้นฐาน ราคาเป้าหมาย 78 บาท

NER
นอร์ทอีส รับเบอร์
ประเด็นน่าติดตามในงาน BLS Thai Corporate Day
ผู้บริหาร NER เตรียมเข้าร่วมงาน BLS Thai Corporate Day วันที่ 13 ม.ค. โดยเน้นประเด็นการฟื้นตัวของธุรกิจยางพารา (NR) ใน 4Q24 ที่ได้รับแรงหนุนจากราคาขายและปริมาณที่เพิ่มขึ้น พร้อมเป้าหมายการเติบโตยอดขายปี 2025 การขยาย GM และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ประเด็นสำคัญที่ควรติดตามในปี 2025
1) อุปสงค์-อุปทานยางธรรมชาติ: แนวโน้มราคายางโลกที่ชะลอตัว และปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบ
2) ความต่างระหว่างราคาขายกับต้นทุนใน 1H25: โอกาสเพิ่ม GM
3) แผนการขยายธุรกิจและโรงงานใน Ivory Coast: การเจาะตลาดที่เติบโตสูง
4) ผลกระทบจาก EUDR: การเลื่อนบังคับใช้จากสิ้นปี 2024 เป็นสิ้นปี 2025 และผลต่อ NER
5) ความยั่งยืน: การปรับตัวเพื่อสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ซื้อทั่วโลก

สรุปประเด็นจาก Quick take

CPAXT
ซีพี แอ็กซ์ตร้า
กลต.ระบุการลงทุนโครงการ Happitat ไม่เข้าข่ายรายการเกี่ยวโยงกัน
ผู้แทนจาก กลต.ให้ความเห็นว่าการลงทุนใน The Happitat ของ CPAXT ไม่ใช่รายการเกี่ยวโยงกัน ขณะที่ สมาคม บลจ.เตรียมนัดทบทวนเอาออกจาก watchlist

View From Fundamental: เรามีมุมมองบวกต่อความเห็น กลต. ที่ออกมา คาดช่วยปลดล็อค overhang ที่เกิดราคาหุ้น CPAXT ช่วงก่อนหน้าได้โดยปัจจุบันปรับลงเหลือ 26.25 บาท (ลง 8.5 บาท/หุ้นนับจากวันประกาศข่าว) อีกทั้ง เชิงปัจจัยพื้นฐาน คาดกำไรหลัก 4Q24 จะโต YoY และ QoQ จึงมองเป็นจังหวะลงทุน ราคาเปัาหมายสิ้นปี 25 ที่ 37 บาท

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน