ภายนอกไม่สดใส ส่วนภายในไม่มีแรง
เข้าใกล้วันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐฯ ดูเหมือนความกังวลในตลาดการเงินจะเพิ่มขึ้น โดยนอกจากจะเป็นเรื่องTRADE WAR ที่จะเข้มข้นขึ้นผ่านการตั้งกำแพงภาษีรอบใหม่ ยังมีเรื่องความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกสื่อออกมาหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นกรณีคลองปานามา,กรีนแลนด์ หรือ ตะวันออกกลาง ภาวะดังกล่าวอาจทำให้ตลาดการเงินผันผวนได้ตลอดเวลา และในอีกทางหนึ่งก็สร้างความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่จะส่งผลต่อเนื่องให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงได้ยาก ส่วนปัจจัยในบ้านเราภาพใหญ่ยังไม่มีปัจจัยหนุนโดยยังรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนในตลาดหุ้นระยะต่อไปคงเป็นการประกาศงบ 4Q67 ซึ่งหวังว่าจะดีขึ้นทั้ง YOY และ QOQ อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการปี 2568 ในช่วงหลังประกาศงบ
ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ดูยังไม่มีแรงหนุนให้กับ SET INDEX โดยปัจจัยภายนอกมีน้ำหนักค่อนไปทางลบ ส่วนภายในไม่มีเรื่องใหม่ คาด
กรอบ 1380-1393 จุด TOP PICK เลือก CBG, INTUCH และ KKP

การเปลี่ยนแปลงการเมืองโลก TRUMP 2.0ใกล้เข้ามาทุกที
การกลับมาของ DONALD TRUMP ในสมัยที่ 2 ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 กำลังมาพร้อมกับการผลักดันนโยบาย AMERICAN FIRST ทำให้ทั่วโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า และคงหนี้ไม่พ้นเรื่อง “ความเสี่ยงสงครามทางการค้า (TRADE WAR)” ซึ่งล่าสุดสำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ ปธน. สหรัฐฯ มีแผนประกาศภาวะฉุกเฉินเปิดทางใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษี ขณะที่จีน เห็นสัญญาณการเบาเทาความเสี่ยงผ่านการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะๆ

นอกจากนี้ ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังล่าสุดTRUMP ประกาศจุดยืนด้านต่างประเทศหลายเรื่อง โดยมีทั้งย้ำคำเตือนถึงกลุ่มฮา
มาสว่า "นรกทุกขุมจะแตกในตะวันออกกลาง" หากตัวประกันอิสราเอลไม่ได้รับการปล่อยตัวภายในวันที่ 20 ม.ค. นี้อีกทั้งยังมีการขู่ใช้กำลังทหารยึด “คลองปานามากรีนแลนด์” พรอมกับแสดงความต้องการว่า อยากได้แคนาดา เป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

ในมุมของตลาดการเงิน เจ้าหน้าที่ FED แสดงความกังวลว่า นโยบายการกันทางภาษีที่เข้มงวดและการเนรเทศผู้อพยพบางส่วน อาจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจแลพเพิ่มการว่างงาน นอกจากนี้ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ขยับออกห่างกรอบเป้าหมาย และสูงกว่าคาดในช่วงที่ผ่านมา บวกกับความไม่แน่นอนในนโยบายของ TRUMP อาจยืดเวลาการต่อสู้กับเงินเฟ้อ ส่วนในมุมของนักลงทุนคาด FED จะลดดอกเบี้ย ปีนี้แค่ 1ครั้ง และเกิดขึ้นในช่วง 2H68

สรุป การเมืองโลกใกล้เปลี่ยนแปลงไปในยุค TRUMP 2.0 โดยนโยบายต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ และเสี่ยงแพร่กระจายไปทั่วโลก (ไม่ใช่แค่จีนประเทศเดียว) นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนในมุมตลาดการเงิน FED แสดงความกังวลว่า นโยบายของ TRUMPอาจยืดเวลาการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

VOLUME บางไม่พอผลักตลาดขึ้น รอพัฒนาการที่ดีขึ้น
หลังจากที่มีกระแสข่าว ก.ล.ต. เปิดเฮียริ่งปรับเกณฑ์ปล่อย MARGIN LOAN จนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 68 จึงทำให้หุ้นที่มีการใช้ MARGIN ในระดับสูงถูกกดดันวานนี้ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนหายไป เพิ่มเติมต่อจากเรื่องอื่นๆเช่น GLOBAL MINIMUM TAX, ค่า ไฟฟ้า 3.7 บาท/หุ้น, ไวรัส HMPV, คนจีนหายตัวกดดันให้VOLUME ของตลาดฯ ยังคงเบาบางในช่วงต้นปี โดยค่าเฉลี่ย VOLUME 5วันแรก ของปี 68 อยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 22%YOY และคิดเป็น TURNOVERต่อปี แค่50.7% น้อยกว่าปีอื่นๆ ทำให้ตลาดยังขาดเม็ดเงินที่ขับเคลื่อนในช่วงนี้

อย่างไรก็ตามในระยะถัดไปมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 4Q67 น่าจะเติบโตทั้ง QOQ และ YOY จากฐานที่ต่ำกว่าระดับปกติที่2.5 แสนล้านบาทต่อไตรมาส โดยงวด 4Q66 อยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท และกำไรงวด3Q67 ที่ 1.9 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีหุ้นราคาถูกอยู่เต็มตลาดสะท้อนได้จาก มีหุ้นที่มีPBV <= 1 โดยมีถึง37 บริษัท อาทิ IRPC TOP PTTGC BAM BANPU RCL BBL STA BCPG SCC และหุ้นตัวอื่นๆ

สรุป ความเชื่อมั่นนักลงทุนหดหาย ประเด็นกดดัน GLOBAL MINIMUM TAX, ค่าไฟฟ้า 3.7 บาท/หุ้น, ไวรัส HMPV, คนจีนหายตัว, กังวลหุ้นวางมาร์จิ้นเยอะ ส่งผลให้FLOW ยังไม่ไหลเข้าในช่วงสั้น และกดดัน VOLUME เบาบางในช่วงต้นปี อย่างไรก็ตามยังพอมีหุ้นราคาถูกที่น่าทยอยสะสมอยู่บ้าง และกำไรงวด 4Q67 ที่จะทยอยประกาศออกมามีโอกาสที่จะเติบโตทั้ง QOQ และ YOY

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์