Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

609

 

"Cyclical Play"

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "แกว่งตัวในกรอบ" ต้าน 1400/1410 จุด รับ1380/1375 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 -1.1% กดดันจาก PMI ภาคบริการ (ISM) ธ.ค. 24 ดีกว่าคาด อยู่ที่ 54.1 จุด โดยดัชนีราคา พุ่งขึ้น สู่ 64.4 สูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2023 ทำให้ตลาดกังวลวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ย โดย US Bond Yield 10 ปี +5 bps ปิดที่ 4.68% สูงสุดตั้งแต่ เม.ย. 24 มีโอกาสทำให้ Fund Flow ต่างชาติที่ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง 3 วันสะดุด รอติดตามปัจจัยสำคัญรายงานภาคแรงงานปลายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ภายในเป็นบวก โดยเฉพาะการประชุม ครม. ที่เห็นชอบมาตรการหนุนเศรษฐกิจต่อ เห็นชอบกรอบงบประมาณปี 2569 ขาดดุล -4.3% ของ GDP ใกล้เคียงปี 2568 บ่งชี้สัญญาณเร่งกระตุ้น ผสาน การเดินหน้าโครงการ Mega Projects ส่วนต่อขยายรถไฟสายสีแดง 6.47 พันล้านบาท (เห็นชอบ 2 โครงการใหญ่ติดใน 2 รอบประชุม ครม.ล่าสุด), ให้ Soft Loan สินเชื่อ SMEs ราว 2.0 หมื่นล้านบาท และเดินหน้ากองทุนหมู่บ้าน 1.2 หมื่นล้านบาท ประเมิน SET ประคอง แกว่งตัวในกรอบ หุ้นนำ คือ หุ้น Cyclical กลุ่ม Domestic ธนาคาร ค้าปลีก หุ้นอิงงบลงทุนรัฐ และหุ้น Dividend Plays วันนี้แนะนำ KTB, PTTEP, ADVICE เด่น

 

 

Daily outlook: "แกว่งตัวในกรอบ" ต้าน 1400/1410 จุด รับ 1380/1375 จุด

What happened around the world?

(*/-) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฯพลิกร่วงหลัง US Bond yields เพิ่มขึ้นต่อรับเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยดัชนี Dow jones -0.42% และดัชนี S&P500 -1.1% และดัชนี Nasdaq -1.88% โดย Sector ในดัชนี S&P500 กลุ่มหลักๆที่ปรับขึ้นคือ Energy, Health care ฯลฯ ส่วน Sector ที่กดดัชนีคือ IT, Consumerdiscretionary, ICT ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ กลุ่ม Tech ปรับลงนำโดย NVDIA -6%, Tesla -4% หลังจากปรับขึ้นแรงเมื่อวันก่อน , Microstrategy -10% รับราคาเหรียญ โดยเฉพาะ Bitcoin ปรับลง 3% ฯลฯ

(+) US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแกร่ง 1.)ตัวเลขแรงงาน JOLTS (Job Openings and Labor Turnover Survey) เดือน พ.ย. อยู่ที่ 8.1 ล้านราย (เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน) สูงกว่าตลาดคาด หลักๆมาจากการเพิ่มขึ้นในหมวด 1.)ภาคบริการธุรกิจ และ 2.)การเงินและประกันภัย ส่วนอัตราการลาออก ลดลงเหลือ 1.9% บ่งชี้ว่าผู้คนมีความมั่นใจน้อยลงในการหางานใหม่ 2.)ISM เผยดัชนี PMI ภาคบริการ ในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 54.1 จุดดีกว่าตลาดคาดและดัชนีราคา พุ่งขึ้น สู่ระดับ 64.4 สูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2023 (ทำให้ตลาดกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ) และคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5 จุด สู่ระดับ 54.2 ขณะที่ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น 4.5 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

(*) China Tension : Tencent และ CATL 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนถูกสหรัฐเพิ่มเข้า "บัญชีดำ" เพราะมีความเชื่อมโยงกับกองทัพจีน (PLA) KSS ประเมินจิตวิทยาลบระยะสั้นต่อหุ้น Tech จีน ทั้งในสหรัฐและตลาดฮ่องกง

(*/-) CH PMI : Caixin/S&P Global เผย PMI ภาคการผลิตของจีน เดือน ธ.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.5 จุด จากระดับ 51.5 จุดพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 51.7

(+) WCI & Frieght : กระแสคาดการณ์ว่าคนงานท่าเรือชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ จะกลับมาประท้วงหยุดงานในวันที่ 15 ม.ค.25 คาดว่าจะมีการปิดท่าเรือและโกดังเก็บตู้คอนเทนเนอร์ทั่วชายฝั่งตะวันออกและอ่าวสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ค่าระวางเรือขนส่งข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเพิ่มสูงขึ้น KSS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มเรือ Container และ logistic โดยตัวเลขสัปดาห์ก่อน WCI ปรับเพิ่มขึ้นทำ New high ในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ 3905 เหรียญต่อ 40 ft และปรับขึ้นเกือบทุกเส้นทางเรือ ติดตามสัปดาห์นี่ตัวเลขจะประกาศทุกคืนวันพฤหัสบดี ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้)

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 8 ม.ค. Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดจะประชุมกับวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันในเรียกร้องให้มีการรวบรวมเป้าหมายสำคัญต่าง ๆ ของเขาไว้ในร่างกฎหมายขนาดใหญ่ฉบับเดียว 10 ม.ค. ติดตามรายงานภาคการจ้างงานสหรัฐฯ ธ.ค. 24 1) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ธ.ค.24 ตลาดคาด 1.53 แสนตำแหน่ง vs prev. 2.27 แสนตำแหน่ง 2) อัตราว่างงาน ธ.ค. 24 ตลาดคาด 4.2% ทรงตัวจาก prev. ที่ 4.2%

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐปรับขึ้นต่อรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง อิง อายุ 2 ปี แกว่งตัวใกล้เคียงเดิม อยู่ที่ 4.28% และอายุ 10 ปีปรับขึ้น 5 bps อยู่ที่ 4.68% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร SCB BBL KBANK และประกันชีวิต BLA TLI ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อบริเวณ 108.5 จุด

(*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบเป็นขาขึ้น อิง น้ำมัน Brent +1.23%d-d ปิดที่ USD 77.24/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.94%d-d ปิดที่ USD 74.25/barrel มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นน้ำมัน PTTEP, PTT เน้น trading หุ้น PTTEP

(*) Natural Gas : ก๊าซธรรมชาติ NYMEX -6.07%d-d ปิดที่ USD3.449/MMBtu ระยะสั้นเป็นจิตวิทยาบวกต่อ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งราคาหุ้นปรับลงมาตั่ง แต่ต้นสัปดาห์จากประเด็นลดค่าไฟ เน้น GULF

 

What happened in Thailand?

(-) SET Index SET Index วันทำการล่าสุด ปรับลง -12 จุด กลุ่มกดดัน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC, BGRIM) กังวลต่อแนวคิดการลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 3.7 บาท กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) กังวลผลกระทบจากความเสี่ยงต้องประมูลคลื่นใหม่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มเป็นกำลังให้บริการระยะกลาง-ยาว จากเดิมที่ตลาดประเมิมได้ประโยชน์สูง จากการประมูลคลื่นเดิมกลับมาในต้นทุนทีต่ำลง กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, KCE, HANA) จิตวิทยาบวกหุ้นเทคฯ ต่างประเทศเด่น หลังกระแสการขยายการลงทุนในกลุ่ม AI Data Center ของบริษัทขนาดใหญ่ หลัง Microsoft ประกาศลงทุน AI Data Center ในปี 2025 สูง 80 พันล้านเหรียญฯ (vs CAPEX ปี 2024 ที่ 53 พันล้านเหรียญฯ) ผสาน รัฐบาลขยายความครอบคลุม Trade-in Program ครอบคลุม Smart Devices กลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) จิตวิทยาบวกเงินเฟ้อ ธ.ค. 24 ขยับขึ้นสู่กรอบเป้าหมายของ BOT แม้อยู่ในช่วงขอบล่าง ผสาน ใกล้ช่วงฤดูกาลจ่ายเงินปันผล

(*/-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ซื้อหุ้น 18.7 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -76.3 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short -9,331 สัญญา เงินบาทอ่อนค่า 34.6+/- บาท

(*) TH Tourism: นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์แรกของปี 2025 (30 ธ.ค. 24 – 5 ม.ค. 25) อยู่ที่ 7.29 แสนคน แม้หดตัว -22.7%w-w แต่เราประเมินเป็นภาวะปกติ จากฐานช่วงพีคเทศกลางปีใหม่ แต่การเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนราว 20%y-y โดยรวมบ่งชี้สัญญาณเชิงบวกนักท่องเที่ยวปี 2025F กลับสู่ระดับ Pre-COVID ที่ 40.0 ล้านคน (+12.5%y-y) ตามที่ Krungsri Research ประเมิน อย่างไรก็ดี ระยะสั้นต้องติดตามประเด็นที่สร้างจิตวิทยาลบ กรณี สื่อต่างประเทศรายงานข่าวว่า นักท่องเที่ยวสาวชาวสเปน ถูกช้างทำร้ายขณะอาบน้ำให้ช้างในประเทศไทย ก่อนจะเสียชีวิต เชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นชะลอลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวไปก่อน

(*/+) Retail Sentiment Index: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก ธ.ค. 24 ปรับตัวเพิ่ม m-m และทำระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นทุกองค์ประกอบ ประเภทร้านค้าที่เด่น คือ ร้านจำหน่ายสนิค้าจำเป็น ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร ส่วนวัสดุก่อสร้างอ่อนลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นช่วง 3 เดือนข้างหน้า แม้อ่อนลง แต่เป็นการรอมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ ซึ่งหากอิงการอนุมัติมาตรการกระตุ้นบริโภค+การเบิกจ่ายลงทุน+ใช้จ่ายรัฐฯต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี เชิงกลยุทธ์ ทิศทางดังกล่าวเราประเมินเป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีก เน้น CPALL, HMPRO, CRC

(*/+) Village Fund: "บอร์ดกองทุนหมู่บ้าน" คิกออฟโครงการ "เอสเอ็มแอล" ก.พ.นี้ ให้ชุมชนประชาคม เสนอโครงการ คาดกดปุ่มเงิน 1.2 หมื่นล้านบาททยอยลงในพื้นที่ตั้งแต่ มี.ค. 24 ประเมินบวกต่อหุ้น Domestic อิงฐานราก อาทิ CPALL GLOBAL DOHOME

(*/+) Cabinet: ที่ประชุม ครม. วานนี้ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้

1.) กรอบงบประมาณปี 2569 (สิ้นสุด ก.ย. 69) อนุมัติกรอบงบประมาณปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท +0.7%y-y ขาดดุล -8.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.3% ของ GDP ใกล้เคียง prev. ที่ 4.5% ก่อนที่มีแผนลดขาดดุลลงเหลือ -7.2 แสนล้านบาทในปี 2570 สะท้อนว่ารัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจต่อในปี 2569

2.) เห็นชอบมาตรการสินเชื่อ 2 หมื่นล้าน เสริมสภาพคล่องธุรกิจ SME ประเมินเป็นบวกต่อธนาคารที่มีฐานสินเชื่อ SME สูง ได้แก่ KBANK (28% ของสินเชื่อ) BBL (18%) SCB (17%) เน้น KBANK SCB

3.) มีมติเห็นชอบ โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงินลงทุน 6.47 พันล้านบาท จุดสำคัญ คือ เป็นการอนุมัติ Mega Project โครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่องเป็นโครงการที่ 2 ต่อจากโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน ของกรมทางหลวง หรือ M5 มูลค่า 7.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งอนุมัติรอบประชุม ครม. นัดสุดท้ายของปี 2024 เราประเมินน่าจะเริ่มหนุนกระแสหุ้นอิงเม็ดเงินลงทุนรัฐฯ เด่นขึ้น ทั้งกลุ่มรับเหมา เน้นกลุ่มเสาเข็มที่ได้ประโยชน์ก่อน PYLON หุ้นธนาคารที่อิงงบรัฐฯ KTB กลุ่ม Home Improvement ที่เน้นสินค้าวัสดุฯ

(*) To Monitor : ประเด็นที่ต้องติดตาม

1.) 7-13 ม.ค. ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย เดือน ธ.ค. (ไม่มีคาด) prev. 50.4 จุด มองมีโอกาสเร่งขึ้น หนุนจากภาคท่องเที่ยว จากนักท่องเที่นวชาติชาตเข้ามาเร่ง ผสานกับช่วงปลายปี 2024 หลายเทศกาลทั้งคริสมาสตร์และปีใหม่ โดยรวมคาดหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก BJC, HMPRO

2.) ประชุม ครม. นัดแรกของปี 7 ม.ค. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 'DE" ชงเพิ่มโทษอาชญากรรมออนไลน์ มองเป็นเพียง Sentiment ลบ เรามีมุมมองเป็น กลาง ต่อ ธนาคาร และ กลุ่ม ICT เพราะ 1.ธนาคารมีการพัฒนาระบบ mobile และ internet banking อยู่แล้ว ซึ่งมีอยู่ในงบการลงทุนทางด้าน IT 2.ช่วงที่ผ่านมาธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการเพิ่มคำเตือนก่อนโอน เผื่อเป็นการเตือนลูกค้าในระบบหนึ่ง ดังนั้น หากมีกฎระเบียบที่เพิ่มเติม เรามองว่าธนาคารสามารถปฏิบัติตามได้

 

 

Daily Strategy : KTB, PTTEP, ADVICE

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "แกว่งตัวในกรอบ" แม้มีปัจจัยกดดันตลาดเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง ทำให้ US Bond Yield เร่งขึ้น แต่ในทางกลับกันคาดสร้างโอกาสลงทุนหุ้นในกลุ่ม Cyclical อาทิ พลังงาน ที่มีโอกาสตอบรับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผสาน ภายในโมเมนตัมเศรษฐกิจยังไปในทางบวก ทั้งกรอบงบประมาณปี 2569 ที่บ่งชี้ภาพการเร่งเศรษฐกิจ รวมถึงมติ ครม. ที่เริ่มเดินหน้า Mega Projects ต่อเนื่อง (เห็นชอบ 2 โครงการใหญ่ต่อเนื่องใน 2 รอบประชุม ครม.ล่าสุด) ผสาน แนวทางการแก้ไขหนี้กลุ่มเปราะบาง โดยรวมทำให้มองหุ้นนำวันนี้ คือ หุ้น Cyclical กลุ่ม Domestic ธนาคาร ค้าปลีก หุ้นอิงงบลงทุนรัฐ และหุ้น Dividend Plays

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
•Jan 2025 Stock Picks : ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, BTS, GULF, MALEE

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

Strategy Update: คาด Global Minimum Tax กระทบจำกัดกว่าตลาดกังวล โอกาสลงทุนหุ้น Infra Tech

จากกรณี ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.ก. ภาษีขั้นต่ำ หรือ Global Minimum Tax 15% สำหรับ บ. ข้ามชาติที่มีรายได้มากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี และ ร่าง พ.ร.ก. กองทุนส่งเสริมการแข่งขัน เป็นกองทุนสนับสนุนเงินที่ บ.ข้ามชาติที่ต้องเสียภาษีเพิ่ม เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2025 ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัย KSS จึงได้ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากมาตรการดังกล่าวที่มีต่อบริษัทที่อาจจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม โดยเราใช้เกณฑ์ 1) รายได้ปี 2023 สูงกว่าระดับ 2.6 หมื่นล้านบาท และ 2) อัตราภาษี Effective Tax Rate ประเมินโดย Bloomberg ต่ำกว่าระดับ 15.0% หากใช้สมมติฐานกรณีเลวร้าย คือ ให้ทุกบริษัทเสียภาษีเพิ่มเป็น 15% โดยไม่ได้รับผลชดเชยด้านอื่น พบว่า กำไรปี 2025F ของบริษัทที่จะถูกกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างมีนัยยะ ได้แก่ EA (คาดกำไรปี 2025F จะลดลง -11.96%) GULF (-11.82%) HANA (-10.37%) AH (-10.09%) DELTA (-9.5%) TU (-3.28%) ขณะที่หากรวมเป็นผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรตลาดจะอยู่ราว -8.6 พันล้านบาท หรือ -0.7% ของกำไรตลาดปี 2025F ที่เราประเมิน 96 บาท

 

ในเชิงกลยุทธ์ เราประเมินหุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว EA (YTD2025 Return +0.5%) GULF (-6.3%) HANA (+0.4%) AH (-3.07%) CK (-4.69%) DELTA (-4.92%) TU (-3.08%) แต่หากอิงโอกาสที่รัฐฯน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve ของไทยระยะถัดไป หากราคาปรับลงมา ได้แก่ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC

Strategy Update : Dividend Plays 2H24

ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. 2025 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 3.5% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1 - 2 เดือนแรกของปี ใน "Theme Dividend Play"

Key Ideas : KSS มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงต้นปีเนื่องจาก

o KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67%

o SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)

กลยุทธ์ : ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ

1.) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)

2.) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต/กระแสเงินสดมั่นคง /อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 อาทิ Theme เศรษฐกิจไทยปี 2025F เติบโต อาทิ กลุ่มธนาคาร หรือ อยู่ในอุตสาหกรรม Up Cycle อาทิ Sector ICT หรือ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มอสังหา กลุ่มการเงิน ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ

พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ SCB (TP Max Con 135.0, Yield 2H24F 8.6%), TTB (TP25-2.2,Yield 2H24F 7.2%) HMPRO (TP25-13.5,Yield 2H24F 4.3%) INTUCH (TP25-108,Yield 2H24F 4.2%), ADVANC (TP25-305, Yield 2H24F 3.7%),
หุ้น Mid Cap ได้แก่ AP (TP25-11.8., Yield 2H24F 7.65%), TISCO (TP25-97.0, Yield 2H24F 5.84%), SC (TP25-3.2, Yield 2H24F 5.52%), JMT (TP25-22.8, Yield 2H24F 2.3%),

หุ้นปันผลสูงครึ่งหลังปี 2024 ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, HMPRO,JMT AP, SC, TISCO

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ยอยู่ราว 1% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลาย ๆ ครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

• PTTEP (Trading Buy, TP25F-140): เรามอง slightly negative ต่อแนวโน้มการปิดซ่อมหลุมเอราวัณบางส่วนต่อเนื่องใน 4Q24-1Q25F เพื่อคงระดับการผลิตใน 2025F ให้เป็นไปตามสัญญาที่ 800 mmscfd (หลุมมีอายุจึงต้องมีการลงทุนเพิ่ม ซึ่งเรารวมไว้ในประมาณการแล้ว) ที่อาจทำให้ตลาดกังวลต่อความไม่แน่นอนของการผลิตและค่าปรับ shortfall ทั้งนี้ด้านกำไร 4Q24F ทรงตัว y-y q-q ไม่มีค่าใช้จ่ายด้อยค่าฯเข้ามาฉุด คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F = 140.0 บาท/หุ้น มองเป็นตัวเลือกเก็งกำไรประเด็นราคาน้ำมันดิบที่คาดฟื้นตัวใน 1H25F หลัง supply U.S. และ OPEC+ ไม่ได้ออกมาเร็ว ส่งให้ supply ตึงตัวมากขึ้น คาดกำไรยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1H25F คาดปันผลราว 4.75 บาท/หุ้น yield ราว 4%

• SIRI (Buy, TP25F-2.34): มุมมอง slightly positive ต่อ 4Q24 presale ที่ 10.2 พันลบ. (-14%y-y,-1% q-q) ถึงแม้ลด y-y แต่มาจากกลุ่ม condo ที่ลดลง ตามการเปิดโครงการใหม่ลดลง ในขณะที่ low-rise presale ยังโตได้ +28% y-y สะท้อนกำลังซื้อฐานลูกค้า SIRI ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวตลาดบน สำหรับ 2024 presale อยู่ที่ 40.8 พันลบ. (+9% y-y) โตได้ y-y สวนทางกลุ่มฯ แนวโน้ม 4Q24F Norm. profit คาดที่ราว 1.2 พันลบ. ลด y-y, q-q จาก % NPM ที่ลดลง ทำให้ Norm. profit 2024F น่าจะมี downside ราว 5% มาที่ 4.9 พันลบ. (-4% y-y) ในขณะที่ Norm. profit 2025F เรายังคงที่ 5.2 พันลบ. (+7% y-y) ซึ่งคาดเป็น new high เราคง BUY ที่ TP25F ที่ 2.34 บาท คงเป็น top pick ของกลุ่มฯ โดยมอง story ใน 2025F ยังดีจาก business direction ใน 2025F ที่น่าจะยัง aggressive กว่าคู่แข่ง ทำให้มีโอกาสเพิ่ม market share ได้ต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 2025F เพียง 6.2x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ในขณะที่คาดปันผลจ่ายเฉลี่ย 9.4% ใน 2025F เรามองผลตอบแทนน่าสนใจบน downside ที่จำกัด

• Consumer IT (Bullish): Regarding to CES event, the biggest tech event in the world, There are some interesting announcement from PC component and smartphone producer about their new product in 2025. We have a positive view on those new products that could boost the demand for switching their item into the new one this year. Maintain BULLISH on sector. ADVICE is our top pick.

• SYNEX (Buy, TP25F-17.8): We have a slightly positive view on SYNEX following the analyst briefing yesterday. The company guided that its revenue in 4Q24 remains strong, while 2025 revenue growth should continue with the similar momentum in 2024. We maintain BUY with the same TP of Bt17.80.

 

 

2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้