Market Wrap-Up
- SET วันที่ 2 ม.ค.68 ปิด -20.36 จุด อยู่ที่ 1,379.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,852 ลบ. สถาบันขาย 169 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 283 ลบ. ต่างชาติขาย 1,258 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,710 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 292 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น PTTGC,CPALL,PTTEP,GULF,KTB และยอดขายหุ้น DELTA,TRUE,BH,PTT,AAV มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,937 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ MDX,JMART,AWC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 26,407 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 240 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.36%, S&P500 -0.22%, Nasdaq -0.16% จากแรงขายกลุ่มสินฟุ่มเฟือย -1.27%, วัสดุ -1.14% โดย Tesla -6.1% หลังยอดส่งมอบรถยนต์ลดลงใน Q4/67 และเกิดเหตุรถ Cybertruck ระเบิดนอกโรงแรมทรัมป์ โฮเตล ส่วน Apple -2.6% หลังปรับลดราคาขาย Iphone รุ่นใหม่ในจีน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.60% ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ +2.3% และกลุ่มสาธารณูปโภค & กลาโหม +1.5%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 9,000 อยู่ที่ 211,000 ต่ำกว่าคาดที่ 222,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 67 บ่งชี้ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง ส่งผลให้การประชุมเฟดวันที่ 29 ม.ค. คาดยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25 – 4.5% ซึ่งเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่ม Growth ทางด้านข้อมูล S&P Global PMI ภาคการผลิตสหรัฐ ธ.ค. อยู่ที่ 49.4 & พ.ย. 49.7 อยู่ในโซนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยค่ำวันนี้ติดตาม ISM ภาคการผลิตสหรัฐ ธ.ค. คาด 48.3 & พ.ย. 48.4 และสัปดาห์หน้าติดตามข้อมูลตลาดแรงงาน เช่น ตัวเลขเปิดรับสมัครงาน, การจ้างงานภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ธ.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ +2.3% ปรับขึ้นตาม WTI +2% รับข่าว ปธ.จีนเผยจะใช้ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกในปีนี้ เพื่อรักษาการเติบโตของ GDP จีนปีไว้ที่ 5% กอปรกับราคาก๊าซในยุโรปปรับขึ้น หลังยูเครนปิดท่อส่งก๊าซจากรัสเซีย ส่งผลให้กลุ่มยุโรปต้องนำเข้าก๊าซจากเยอรมัน & อิตาลีที่มีต้นทุนสูงขึ้น ด้านข้อมูล PMI ภาคการผลิตยูโรโซน ธ.ค. อยู่ที่ 45.1 & พ.ย. 45.2 โดยคำสั่งซื้อใหม่ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลง นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -2.66%, ฮั่งเส็ง -2.18% หลัง Caixin เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตจีน ธ.ค. ลดลงอยู่ที่ 50.5 & พ.ย. 51.5 โดยนักลงทุนรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในการประชุม NPC จีนในช่วง มี.ค. นี้ ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้ปิดทรงตัว -0.02% ยังถูกกดดันจากวิกฤตการเมืองภายในประเทศ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังปิดทำการจนถึงวันจันทร์หน้า
- SET วานนี้ปิด -1.45% ปริมาณการซื้อขาย 3.6 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,258 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 283 ลบ. สถาบันขาย 169 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,710 ลบ. ดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA -8.8% ส่งผลลบต่อดัชนี -13.7 จุด จากความกังวลจะถูกเรียกเก็บภาษีตาเกณฑ์ Global Minimum Tax ที่ 15% จากปัจจุบันจ่ายภาษีที่ระดับ 5.5% ซึ่งอาจส่งผลให้กำไรปีนี้ของบริษัทลดลงราว 10% ส่วนหุ้นที่ Outperform ในปีที่ผ่านมาเช่น GULF,INTUCH,ADVANC ก็ถูกแรงขายทำกำไร กอปรกับความกังวลกองทุน LTF ที่ครบกำหนดสามารถขายได้ในปีนี้มูลค่าราว 6 หมื่น ลบ. แม้ว่าผลกระทบคาดจะไม่มาก เนื่องจากต้นทุนการถือครองกองทุนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับดัชนี SET ที่ 1,600 จุด ซึ่งต้นทุนยังสูงกว่าระดับดัชนีในปัจจุบัน โดย Fund Flow ต่างชาติยังชะลอการลงทุนระหว่างรอประเมินผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,370 – 1,375 แนวต้าน 1,385 – 1,390 คาดดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน ระหว่างรอประเมินผลกระทบจาก ม.ทรัมป์ 2.0 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอุปโภค & ส่งออก เช่น CBG,COCOO, MALEE,ITC,AAI คาดยังได้แรงหนุนจากกำลังซื้อในประเทศ & ต่างประเทศ / พลังงาน & ปิโตร เช่น PTTEP,PTTGC,IVL คาดได้ปัจจัยหุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน/ เก็งกำไร VGI,BTS,PLANB,MASTER มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
- PLANB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.55 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 282 ล้านบาท +7%QoQ, +8%YoY ตามรายได้สื่อโฆษณานอกบ้านและรายได้การบริหารสิทธิกีฬา Olympic อย่างไรก็ตาม GPM ปรับตัวลดลงเหลือ 27% เพราะ margin ของงาน Olympic ต่ำกว่าธุรกิจปกติ ข้ามมาที่ 4Q67 คาดกำไรฟื้นตัวเด่น QoQ, YoY เนื่องจากเป็น high season ของการใช้สื่อนอกบ้าน U-rate กลับมาที่ 80% และ GPM จะฟื้นตัวไม่มี Olympic มาฉุด โดยบริษัทคงเป้าหมาย core revenue +6-8%, GPM 29-31%, NPAT margin >11% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อิงจาก consensus อยู่ที่ 05 พันล้านบาท +15%YoY และ 1.2 พันล้านบาท +14%YoY
- MASTER* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 58.92 บาท) กำไรสุทธิ 9M67 อยู่ที่ 303 ลบ.,+20%YoY หนุนด้วยรายได้ศัลยกรรมและรายได้ต่างชาติ รวมถึง Equity Income ที่สูงขึ้น ขณะที่ 4Q67 คาดการดำเนินงานยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการจัดอีเว้นท์ในต่างประเทศ ส่วนภาพรวมปี2568 นี้ ทางผู้บริหาร MASTER วาง เป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดย เป็นการโตแบบ Organic ในสัดส่วน 80% และอีก 20%เติบโตแบบ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) ทั้งนี้ ตลาดคาด กำไรสุทธิปี67 และ 68ของ MASTER* ที่ 501 ลบ.( +22%YoY) และ 624 ลบ.(+25%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.พ. +$1.41 อยู่ที่ $73.13 / บาร์เรล, Brent ก.พ. +$1.29 อยู่ที่ $75.93/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนจากถ้อยแถลงของ ปธ.จีนที่จะใช้ ม.เชิงรุกในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนปีนี้ ขณะที่ EIA เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 1.2 ล.บาร์เรล น้อยกว่าคาดที่ 2.4 ล.บาร์เรล
Gold Update(+) Comex Gold ก.พ.+28.0 อยู่ที่ $2,669.0 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากปัจจัยเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ รัสเซีย – ยูเครน กอปรรอประเมินผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -48.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -36.69 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -15.13 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +3.75 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.567 %
(+) ดัชนี BDI ปิด +32 อยู่ที่ 1,029
(+) BitCoinเช้านี้ +2.08% อยู่ที่ 96,808 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
06 ม.ค. สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน สรุปผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์
แนวโน้มการลงทุน ไตรมาส 1/68
08 ม.ค. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
09 ม.ค. สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย แถลง "สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ปี
2567 และแนวโน้มปี 2568"
สัปดาห์ที2 กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ต่างประเทศ
06 ม.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ธ.ค.)
07 ม.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ธ.ค.)
US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (พ.ย.)
08 ม.ค. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ธ.ค.)
09 ม.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
10 ม.ค. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ธ.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ธ.ค.)
US อัตราการว่างงาน (ธ.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio December 2024: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th