
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 ธันวาคม 2567 )-------ปีเก่า 2567 กำลังจะผ่านพ้นไป ปีใหม่ ปี2568 หรือตรงกับปีนักษัตรปีมะเส็งหรือปีงูเล็ก กำลังจะล่วงเข้ามาทุกขณะ เหล่าบริษัทจดทะเบียน(บจ.) จะมียุทธศาสตร์ มีแผนกลยุทธ์ รวมถึงตั้งรับกับปัจจัยต่างๆ ที่ท้าท้าย ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า สหรัฐ-จีน รอบใหม่ ความขัดแย้งระหว่างทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ทิศทางดอกเบี้ย เงินเฟ้อ อย่างไร? ทีมข่าวหุ้นอินไซด์รวมเด็ดบจ.เปิดแผนปีมะเส็งมาให้คุณผู้อ่านทุกท่าน ที่นี่ทีเดียวไปติดตามกันเลยค่ะ....
BBIK กางแผนธุรกิจปี 68 รับเทรนด์ AI Transformation ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาด มั่นใจโตมากกว่า 20%
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์---บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เปิดแผนธุรกิจปี 2568 มุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาดผ่านกลยุทธ์ผสานทุกบริการหลักเข้ากับ AI (Bundled Services) รับกระแสการปรับใช้เทคโนโลยี AI ในองค์กรที่จะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ 3 – 5 ปีนับจากนี้ โดยภาคธุรกิจจะเร่งเปลี่ยนผ่านกระบวนการดำเนินธุรกิจด้วย AI หรือ AI Transformation เพื่อลดต้นทุนพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปัจจัยดังกล่าวนี้จะส่งผลบวกต่อธุรกิจและหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2568 เติบโตตามเป้าที่วางไว้ 20%
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์การใช้ AI ในภาคธุรกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้น AI Transformation จะยังอยู่ในช่วงขาขึ้นนับจากนี้ รายงานล่าสุดของการ์ทเนอร์ ระบุว่า ความต้องการใช้ AI สำหรับองค์กรทั่วโลกเติบโตเฉลี่ย 16.9% ต่อปี (ตั้งแต่ปี 2566 - 2570) และจะทะยานแตะ 4.43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570 โดยบริษัทฯ ประเมินว่าองค์กรที่เริ่มปรับใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อน จะสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง และกดดันให้ธุรกิจต้องมุ่งปรับใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์ในที่สุด จากโอกาสดังกล่าวนี้ผนวกกับศักยภาพของบลูบิค ทั้งในแง่ความพร้อมด้านกำลังพลผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเฉพาะด้านมากกว่าพันคน ประสบการณ์ และกลยุทธ์ Bundled Services ที่มีบริการด้าน AI เป็นแกนหลัก จะสามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ และบรรลุวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการด้านดิจิทัลขององค์กรลูกค้าได้
"บลูบิค ได้ทำการศึกษาแนวโน้มเกี่ยวกับเทคโนโลยีและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พบว่า AI กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนผ่านกระบวนการทำงานของธุรกิจยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม เราพบว่าการทำ AI Transformation นั้นมีอุปสรรคมากมายที่ทำให้การลงทุนด้าน AI มีโอกาสล้มเหลว ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนด้าน AI ที่ไม่สอดรับกับกลยุทธ์องค์กร การขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่สามารถรองรับการใช้งาน AI ในอนาคต การพัฒนาโมเดล AI ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการขาดมาตรการด้านความปลอดภัยไซเบอร์และแนวทางนำ AI มาปรับใช้ให้เกิดขึ้นจริงในองค์กร" นายพชร กล่าว
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Bundled Services จะช่วยจัดการกับอุปสรรคต่าง ๆ และทำให้แผนงานด้าน AI Transformation ของลูกค้าประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น ในขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ จากโครงการที่มีขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูงขึ้นอีกด้วย
โดยกลยุทธ์ Bundled Services มีบริการ AI ขั้นสูงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนและเชื่อมโยงกับบริการหลักของบลูบิคอย่างครบวงจร ประกอบไปด้วย
1) ด้านกลยุทธ์ - การวางกลยุทธ์เพื่อนำ AI ไปประยุกต์ใช้ และเลือกลงทุนในเครื่องมือ AI ที่เหมาะสม ให้สอดรับกับเป้าหมายของแต่ละองค์กร ตั้งแต่กลยุทธ์ธุรกิจ (Business Strategy) กลยุทธ์ด้านข้อมูล (Data Strategy) ไปจนถึงกลยุทธ์ด้าน AI (AI Strategy) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ
2) ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที - การพัฒนาแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการทำงาน และการใช้งานโมเดล AI ที่มีความซับซ้อนได้อย่างราบรื่น เพื่อรองรับการขยายตัวของระบบดิจิทัลขององค์กรในอนาคต (Scalability)
3) ด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร (ERP) - การพัฒนาระบบ ERP โดยนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน จะทำให้การนำข้อมูลมาใช้ประมวลผล วิเคราะห์ และประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจเป็นไปอย่างฉับไวและเฉียบคมยิ่งขึ้น
4) ด้านการบริหารจัดการโครงการ - การบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ด้าน AI เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความท้าทาย โดยผลักดันให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพนักงานนำเทคโนโลยีไปใช้จริงตลอดทั้งองค์กร (AI Adoption) รวมถึงมีแนวทางที่เหมาะสมตั้งแต่การสื่อสารและจัดการความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้โครงการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจภายใต้กรอบเวลาและงบประมาณที่กำหนด
5) ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ - การพัฒนาแนวทางด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย AI Solutions สามารถช่วยตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันความเสียหายจากภัยไซเบอร์ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับการรองรับกลยุทธ์ Bundled Service และการเติบโตในปีหน้า บริษัทฯ ได้เดินหน้าแผนบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยในเครือทั้งหมด โดยตั้งเป้าเพิ่ม Utilization Rate ของพนักงานบริษัทในเครือเป็น 60% ใกล้เคียงกับบริษัทแม่ พร้อมลุยขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะตลาดขนาดกลาง ผ่านผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือ รวมถึงเดินเครื่องขยายการให้บริการในตลาดที่มีศักยภาพสูงและต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และใช้เทคโนโลยีทันสมัย อาทิ ภาครัฐ อุตสาหกรรมการผลิต และตลาดต่างประเทศ ที่ความต้องการปรับใช้เทคโนโลยีอยู่ในระดับสูง เช่น ประเทศเวียดนาม
"นับจากนี้ การเดินหน้าปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันได้กลายเป็นพันธกิจสำคัญของธุรกิจ ในฐานะที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เราเชื่อมั่นว่ากระแส AI Transformation จะเปิดโอกาสให้ บลูบิค สามารถแสดงศักยภาพการให้บริการ และก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 อย่างเต็มภาคภูมิ ผ่านการขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้าน AI ซึ่งการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมไปถึงนักลงทุน" นายพชร กล่าวทิ้งท้าย
TKC กางแผนปี 68 ตั้งธงรายได้โตไม่น้อยกว่า 20% รับนโยบายรัฐหนุนดิจิทัลโซลูชัน โฟกัส New Business - JV และ M&A
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์----TKC กางแผนธุรกิจปี 68 ตั้งธงรายได้โตไม่น้อยกว่า 20% ชูแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก จาก Core Business - New Business - JV และ M&A โดยโฟกัสการขยายไปยังธุรกิจใหม่ และความร่วมมือกับพันธมิตร มุ่งหา S-Curve รับปัจจัยสนับสนุนจากโอกาสในงานภาครัฐและเอกชน ที่ยังคงลงทุนด้านดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น รวมถึง 7 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนจากภาครัฐที่ประกาศออกมา
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% วางกลยุทธ์หลักในการสร้างรายได้และการเติบโตที่ยั่งยืนผ่าน 3 แกนธุรกิจหลัก ประกอบด้วย Core Business - New Business - JV และ M&A โดยธุรกิจหลัก ยังคงสร้างความแข็งแกร่งจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญงานวางระบบ ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน พร้อมทั้ง การขยายเข้าไปในธุรกิจใหม่ๆ และการหาพันธมิตรในรูปแบบ JV และ M&A เพื่อเร่งแผนการโตอย่างก้าวกระโดดได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโอกาสในงานภาครัฐและเอกชนที่ยังคงลงทุนในดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนจากภาครัฐที่ประกาศออกมา 7 นโยบาย ซึ่งตรงกับแผนธุรกิจของ TKC ที่มีความพร้อมในการให้บริการอยู่แล้ว
นโยบายภาครัฐที่ 1 คือ การยกระดับการเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรทันสมัย แนวคิด "ตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" ซึ่ง TKC เรามีโซลูชันด้านทำ Smart Farm มาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี ซึ่ง TKC ทำร่วมกับมูลนิธิรัฐภูมิ ที่จ.ลำปาง
นโยบายภาครัฐที่ 2 การกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรากฐาน สนับสนุนรัฐบาลดิจิทัล พัฒนาโซลูชัน Data Center เพื่อบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง TKC ทำอยู่แล้วในเรื่องของ Data Center ทำระบบคลาวด์ให้กับโครงการใหญ่ๆ ทั้งของกระทรวงพาณิชย์, NT และโรงพยาบาลภาครัฐ เป็นต้น จากการที่ภาครัฐสนับสนุนให้มี Hyperscale รายใหญ่ระดับโลก ซึ่งให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยหลายราย มูลค่าการลงทุนหลายแสนล้านบาท TKC เล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปเป็นพันธมิตร บริษัทอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมกับพันธมิตรต่างประเทศในการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับการเป็น Local Support และมองเป้าหมายในการเป็น Partnership ระดับสูงสุด
นโยบายภาครัฐที่ 3 เพิ่มการเข้าถึงระบบสุขภาพอย่างทั่วถึง บริการสุขภาพที่สะดวกและเท่าเทียม โดย TKC มีโซลูชันด้าน Smart Hospital ที่เราทำเกี่ยวกับ Hybrid Cloud ระบบ Block Chain ระบบเกี่ยวกับ AI ต่างๆ รวมถึงระบบ Telehealth ซึ่งสามารถตอบโจทย์การให้บริการด้านสุขภาพที่สะดวกและเท่าเทียมตามนโยบายภาครัฐ
นโยบายภาครัฐที่ 4 ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานหลัก TKC มีโซลูชันที่ทำแล้วเกี่ยวกับ Green Solution ด้าน Solar Cell, EV Charger และการคำนวณ Carbon Credit ปัจจุบัน TKC ได้เริ่มให้บริการติดตั้งระบบ Solar Cell รวมถึง EV Charger และ Platform ในการบริหารจัดการ Fleet และคำนวณ Carbon Footprint แล้ว ในปี 2568 TKC จะเริ่มมีการบันทึกรายได้ที่มาจากสายงานด้าน Green Solution
นโยบายภาครัฐที่ 5 ลดช่องว่างด้านการศึกษาในชุมชนห่างไกล ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต โดย TKC ได้มีการทำ TKC Smart Learning Platform และระบบ LMS (Learning Management System) ในการ Host Content ด้านการศึกษามากถึง 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ
นโยบายภาครัฐที่ 6 การป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ แพลตฟอร์มสืบสวนเพื่อความปลอดภัยดิจิทัล TKC ได้ร่วมทำโซลูชันด้าน TKC Cyber Security Investigation Platform กับภาครัฐและเอกชน มาหลายปี มีการทำโครงการอบรมด้าน Cyber Security Training phase 1 และ phase 2 ร่วมกับ สกมช. และ NT ในการอบรมบุคลากรด้าน Cyber ให้กับภาครัฐและเอกชนมากกว่า 4,000 คน อีกทั้ง TKC ยังได้ส่งมอบโครงการระบบ Platform แจ้งความ Online ร่วมกับ บช.สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์แล้ว
และท้ายสุด นโยบายภาครัฐที่ 7 เพิ่มความสะดวกในธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปลอดภัย ประหยัดและรองรับการใช้งานทุกที่ทุกเวลา ซึ่ง TKC ได้มีการทำงานร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนา และปัจจุบันพร้อมให้บริการ TKC Digital Document Platform
"ในปี 2568 Core Business, New Business, JV และ M&A จะเป็นกลไกในการหนุนทั้งรายได้และกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ในไตรมาส 4/2566 สัดส่วน 24.90% ได้มีการรับรู้กำไรตามสัดส่วนการลงทุนเข้ามาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจาก 7 นโยบายของภาครัฐที่กล่าวมา จะสนับสนุนรายได้ให้กับ TKC ในปีหน้าในการเติบโตไม่น้อยกว่า 20%" นายสยาม กล่าว
MENA กางแผนขับเคลื่อนธุรกิจปี 68 ลุยเพิ่ม Utilization เพิ่มมาร์เก็ตแชร์ ปักหมุดรายได้โตเกิน 10% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์----บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เปิดแผนขับเคลื่อนธุรกิจปี 68 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ (Utilization) จาก fleet ที่มีอยู่ รองรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ขยายตัว พร้อมเพิ่มมาร์เก็ตแชร์รถมิกเซอร์ (Mixer) เน้นให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ฟากซีอีโอ "สุวรรณา ขจรวุฒิเดช"ตั้งเป้ารายได้โตเกิน 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง รับอานิสงส์ธุรกิจโลจิสติกส์ทุกประเภทขยายตัว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง และภาคอุปโภคและบริโภคยังเติบโต รวมถึงบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) มีแผนขยาย Fleet รถจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายสาขาของบริษัท ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด (CJ) หนุนอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA) ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่าทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวขานรับการขยายตัวของการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2568 ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ (Utilization) จาก Fleet ที่มีอยู่
ทั้งนี้ ปัจจุบัน Utilization ของรถ Mixer อยู่ที่ประมาณ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อไตรมาสต่อคัน (Q per Car) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ เคยทำได้ถึง 920 Q per Car ต่อไตรมาส ดังนั้นหากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นก็จะสามารถเพิ่ม Q per Car ได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2568 นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้แล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้รถขนส่งที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) โดยเฉพาะรถ Mixer
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด เช่น รถ EV ที่ปัจจุบันมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) ที่เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญภายใต้นโยบาย European Green Deal ที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในสหภาพยุโรปและประเทศคู่ค้า โดยบริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นการลงทุนใน EV จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับคู่ค้า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ทิศทางอุตสาหกรรมการก่อสร้างปี 2568 เชื่อว่าจะดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่เริ่มส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง และภาคอุปโภคและบริโภคที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ MENA มีแผนในการขยาย Fleet รถเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายสาขาของบริษัท ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด (CJ) ดังนั้นธุรกิจโลจิสติกส์ คาดว่าน่าจะสดใสไปในทิศทางเดียวกัน
ADVICE ตั้งเป้าปี68 โต20% หลังปีนี้ เดินเกมรุกชิงส่วนแบ่งตลาดสินค้าไอทีไลฟ์สไตล์และสมาร์ทโฟน
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์-----บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน)ADVICE ตั้งเป้าเติบโต 20% ในปี 2568 ด้วยปัจจัยบวกที่มากขึ้นและกลยุทธ์ขับเคลื่อนแบรนด์ที่ครบทุกมิติ
คุณณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ในปีนี้ Advice ได้สร้างโอกาสทางธุรกิจมากมาย ด้วยความไว้วางใจจากลูกค้าและนักลงทุนที่เป็นแรงขับเคลื่อนในความสำเร็จของเราในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการค้าปลีกไอทีที่เราตอบโจทย์ครบวงจร ด้วยการขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้นในทุกระบบปฏิบัติการทั้ง Windows, Android, macOS, และ iOS โดยเรามุ่งสร้างการเข้าถึงผ่านหน้าร้านสาขาที่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Advice IT Store หรือ Advice iStore เอง ซึ่งจุดแข็งของ Advice คือการเป็น 'สิงห์ภูธร' ที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่อย่างลึกซึ้ง โดยคาดการณ์ปีนี้ Advice จะเติบโตสูงถึง 6% และในปีหน้ายังเดินหน้าขยายธุรกิจและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการและพร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดด้านเทคโนโลยีให้กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น”
จากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลดีมานต์ในแต่ละพื้นที่ที่มีสาขาของแอดไวซ์ เราพบโอกาสในการเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้วยสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนและไอทีไลฟ์สไตล์ จึงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการเริ่มต้นของ Advice iStore รูปแบบ Standalone ให้บริการสินค้า Apple ในฐานะ Apple Authorized Reseller โดยภายในปี 67 มีแผนการเปิดทั้งสิ้น 6 สาขา ณ ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วที่จังหวัดพิจิตร ระยอง อุดรธานี และขอนแก่น ตามลำดับ ล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่ ‘Advice iStore สุรินทร์’ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นทั้งในด้านวัฒนธรรม การเรียนรู้ ที่พร้อมเปิดรับการบูรณาการควบคู่ไปกับเทคโนโลยี มุ่งหวังเป็นศูนย์บริการสินค้า Apple ครบวงจรไม่ว่าจะเป็น MacBook, iPad, iPhone และสินค้าอื่น ๆ รวมถึงเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการประยุกต์ใช้งานสินค้า เพื่อผสานความคิดสร้างสรรค์กับเทคโนโลยีอย่างยั่งยืนสำหรับลูกค้าทุกคน นอกจากนี้ในปี 67 ยังมีอีกหนึ่งสาขาที่จะเปิดให้บริการที่จังหวัดเลย
สำหรับคอนเซ็ปต์การดำเนินธุรกิจของ Advice iStore เรามุ่งหวังให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ Apple ที่มีแบรนด์ลอยัลตี้และกำลังซื้อในแต่ละพื้นที่ สามารถรับประสบการณ์ผ่านการบริการและการส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยกิจกรรม Workshop ในทุกสัปดาห์ ซึ่งได้รับผลตอบรับจากกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและลูกค้าทั่วไปในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี ด้วยจำนวนสาขา Advice iStore ที่ขยายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายสินค้า Apple เติบโตขึ้นกว่า 50% ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการเดินหน้ารุกตลาดสินค้าใหม่ในปี 67
ตลอดปี 2567 Advice ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจมากมาย โดย Central Pattana เป็นหนึ่งในพันธมิตรคนสำคัญที่ร่วมสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือในแคมเปญรวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภคด้วย Business Data Solution ผ่านโปรแกรม The 1 BIZ และ Digital Tools ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากแคมเปญผ่าน Loyalty Program แล้ว ยังร่วมจัดงานผ่านอีเว้นท์ต่าง ๆ มากมายเพื่อมุ่งหวังสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
คุณณัฏฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปี 67 นี้ แอดไวซ์ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมสร้างความสำเร็จนี้ขึ้นมา ทั้งลูกค้าผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้บริการของเราอย่างต่อเนื่อง พาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ร่วมมือกันสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และนักลงทุนที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในศักยภาพของแอดไวซ์มาโดยตลอด ความไว้วางใจของท่านคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เราเดินหน้าพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เราจะมุ่งมั่นสรรหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอเมื่อได้มาใช้บริการกับแอดไวซ์ สุดท้ายนี้ผมขอเป็นตัวแทนของพนักงานแอดไวซ์ทุกคนขอบคุณทุกท่านจากใจจริงที่ให้การสนับสนุนแอดไวซ์มาโดยตลอด ขอให้ปี 2568 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความสุขและโอกาสดี ๆ สำหรับทุกท่านครับ"
ยังมีต่อ......