Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

418

 

หุ้นไทย แพงกระจุก ... ถูกกระจาย
ตลาดหุ้นไทยหากเผินๆ จากค่า TRAILING P/E (ค่า P/E ที่คำนวนจากฐาน EPS ย้อนหลัง 4 ไตรมาส) อาจเห็นว่าสูงมากโดยล่าสุดอยู่ที่ 19.34เท่า แต่หากดูเข้าไปในรายละเอียดจะเห็นว่ามีหลายสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นเราอาจไม่ได้แพงอย่างที่เห็น สัญญาณที่ 1 พบว่าในช่วงปี 2567ที่กำลังจะผ่านไปค่า P/E เพิ่มจาก 18.42 เท่า มาเป็น 19.34 เท่า แต่กลับพบว่ามีหุ้น 60 บริษัทใน SET100 กลับมีค่า PER ลดต่ำลง สัญญาณถัดมา เราเห็นอิทธิพลของ DELTA ที่ MARKET CAP และค่า PER สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก โดยหากดูค่า TRAILING P/E ที่ไม่รวม DELTA พบว่าอยู่ที่17.68 เท่า และไปดูSET50FF ที่มีน้ำหนักของ DELTA ต่ำกว่าปกติอยู่ที่16.63 เท่า ภาวะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยอาจไม่ได้แพงอย่างที่เห็น ยังมีหุ้นอีกมากที่ VALUATION ถูก (แพงกระจุก ถูกกระจาย)อิทธิพล SANTA RALLY จะค่อยๆ ลดลง ขณะที่ยังไม่เห็นแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ จากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐาน คาด SET INDEX ผันผวนในกรอบ
1393-1405 จุด TOP PICK เลือก ERW, PTTGC และ SJWD


ความเสี่ยง RECESSION ในปีหน้า แอบขยับขึ้นในหลายประเทศ
เศรษฐกิจโลกในปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตเติบต่อเนื่องเฉลี่ย 3.1% ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ โดยเฉพาะการเดินหน้านโยบายการค้าสหรัฐฯ ในยุค TRUMP 2.0ผ่านการปรับเพิ่มภาษีน้ำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ (ความเสี่ยง TRADE WARระลอกใหม่) พร้อมกับผลักดันให้เกิด AMERICAN FIRST
ขณะที่ BLOOMBERG เผยผลสำรวจโอกาสเกิด RECESSION ในอีก 1 ปีข้างหน้าด

โดยสหรัฐฯ ถูกปรับลดโอกาสเกิด RECESSION เหลือ 20% (เดิม30%) สวนทางกับหลายประเทศในเอเชียที่ถูกปรับเพิ่มโอกาสเกิด RECESSION อาทิ
ญี่ปุ่น 30% (เดิม 25%), จีน 15% (เดิม 12.5%), อินโดนีเซีย 5% (เดิม 1%)เป็นต้น ส่วนบ้านเรา BLOOMBERG คาดความน่าจะเป็นไว้ที่ 10%

 


ความเสี่ยงทางการค้ากับสหรัฐฯ ในปีหน้า ทำให้หลายประเทศต้องเตีรยมกับมือ โดยล่าสุด PBOC คงดอกเบี้ย MLF 2% ไว้เท่าเดิม เพื่อเก็บกระสุนไว้ใช้ในอนาคต และยังเห็นความพยายามของรัฐบาลจีนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ไปพร้อมๆ กัน ผ่านทางข้อตกลง REVERSE REPO ประเภทอายุ 7 วัน มุ่งรักษาสภาพคล่องระบบธนาคาร โดยการอัดฉีดเงิน 1.923 แสนล้านหยวน เข้าสู่ระบบการเงินนอกจากนี้ ในผลการประชุมเชิงปฏิบัติการของหน่วยงานกำกับดูแลที่อยู่อาศัยของจีนเมื่อวันที่ 24-25 ธ.ค. 67 ระบุว่า จีนจะยังคงมุ่งรักษาเสถียรภาพและป้องกันไม่ให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลงไปอีกในปี 2568


สรุป เศรษฐกิจโลกในปี 2025 เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่รออยู่ โดยเฉพาะความเสี่ยง TRADE WAR ระลอกใหม่ ทำให้หลายประเทศในเอเชียที่ถูกปรับเพิ่มโอกาสเกิดRECESSION ในปีหน้า


ปัจจัยภายในประเทศ มีอะไรที่น่าสนใจ
วานนี้ตัวเลขส่งออก/นำเข้าไทย พ.ย. 67 ออกมาต่ำตลาดคาด +8.2%YOY และ+0.9%YOY ตามลำดับ หนุนให้ดุลการค้าของไทย 11M67 ยังขาดดุลต่อเนื่อง อยู่ที่ -224 ล้านเหรียญฯ หรือ -6.27 พันล้านบาท จึงทำให้ประเทศไทยมีแนวโน้ม “ขาดดุลการค้า” ต่อเนื่อง 3 ปีติดกัน(2022-2024) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกังวลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดในลำดับถัดไป และถือเป็นปัจจัยที่ทำให้นโยบายการคลังอาจจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้น้อยลง และต้องเพิ่งพานโยบายการเงินช่วยพยุงเศรษฐกิจแทน


ขณะที่วานนี้มีประเด็น คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ ตีตกชื่อ "คุณกิตติรัตน์"ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ด ธปท.เหตุมีพฤติกรรมดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะทำให้การใช้นโยบายการเงินช่วยดันเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้หายไป อาทิ การแก้กฎหมายแบงก์ชาติ, โยกหนี้ FIDF ไปบัญชี ธปท., หาช่องใช้ทุนสำรอง และแซนด์บ็อกซ์เงินดิจิทัล ซึ่งแนวทางการแก้ไขมีอยู่ 2 แนวทาง

 

1. เลื่อนชื่อลำดับรองขึ้นมาแทน(ลำดับ 2 และ 3)
2. เสนอชื่อใหม่ โดยแบ่งเป็นของ ก.คลัง 1 รายชื่อ,ธปท. 2 รายชื่อ

ด้วยประเด็นข้างต้นทั้งตัวเลขดุลการค้าที่ไม่ดีนัก และมีความไม่แน่นอนของแนวทางการใช้นโยบายการเงินของ ธปท. จึงทำให้ FLOW ต่างชาติอาจยังไม่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยมากนัก และกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าตามกลไกดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น เน้นหุ้นที่มีสินค้าส่งออกขยายตัวหลักๆ คือ
ยางพารา +14%YOY บวกต่อ STA, NER
อาหารสัตว์เลี้ยง +18.1%YOY บวกต่อ AAI, ITC , ASIAN CPF
ไก่สด แช่เย็น แช่เย็น +12%YOY บวกต่อ GFPT TFG CPF


ตลาดหุ้นไทย ถูกบดบังว่า P/E แพง แต่จริงๆ หุ้นมีหุ้นย่อตัวน่าสะสมจำนวนมาก
ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยที่ 1400 จุด มีแต่ TRAILING P/E ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 19.34 เท่า (ต้นปี 18.42 เท่า) ดูเหมือนแพงถ้าเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ทำให้นักลงทุนไทยและต่างชาติไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนได้ แต่จริงๆ P/E อาจจะไม่แพงอย่างที่คิด เพราะหากดูหุ้นใน SET100 มีหุ้นถึง 60 บริษัทที่ P/E ลดลง โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน P/E ที่ดูแพงถูกบดบังด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้ ด้วยรายละเอียดดังนี้


1. TRAILING EPS ที่ต่ำกว่าปกติเกินไป เหลือ 72.4 บาทต่อหุ้น เพราะมีกำไรถึง

2 งวดที่ต่ำกว่าระดับปกติที่ 2.5 แสนล้านบาท งวด 4Q66 ที่ 1.7 แสนล้านบาท และกำไรงวด 3Q67 ที่ 1.9 แสนล้านบาท จากแต่ถ้ากำไรกลับมาที่ระดับ
ปกติ P/E จะค่อยๆ ลดลง

2. หากไม่รวม DELTA EPS ของตลาดจะปรับตัวขึ้นมาเกือบ 7 บาท/หุ้นเนื่องจาก DELTA เป็นหุ้นขนาดใหญ่อันดับ 1 ของตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาเร็ว
ผลักทำให้ P/E ตลาดสูง แต่ถ้าไม่รวม DELTA จะหนุนให้ P/E ตลาดลดลง และEPS ของตลาดสูงขึ้นได้เกือบ 7 บาทต่อหุ้น


3. หากตัดผลตอบแทน DELTA ปีนี้ออกจากดัชนี SET INDEX พบว่า ปัจจุบันSET INDEX ที่ 1400.85จุด จะเหลือ 1338.11จุด ลดลง -5.5%YTD


ทั้งหมดที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าจริงแล้ว ตลาดหุ้นไทยเป็นเพียงการแพงกระจุก แต่หุ้นถูกยังกระจาย ซึ่งมีหุ้นขนาดใหญ่ใน SET100 ที่ลงแรงกว่าตลาดในปีนี้ถึง 63บริษัท

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ตะวันออกกลาง คลี่คลาย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตะวันออกกลาง คลี่คลาย ตลาดหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยเช่นกัน..

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC จัดเต็มโรดโชว์ จ.นครปฐม เดินหน้าเข้าเทรดใน SET ปีนี้ เตรียมเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC จัดเต็มโรดโชว์ จ.นครปฐม เดินหน้าเข้าเทรดใน SET ปีนี้ เตรียมเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้