Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

377

 

หุ้นไทย แพงกระจุก ... ถูกกระจาย
ตลาดหุ้นไทยหากเผินๆ จากค่า TRAILING P/E (ค่า P/E ที่คำนวนจากฐาน EPS ย้อนหลัง 4 ไตรมาส) อาจเห็นว่าสูงมากโดยล่าสุดอยู่ที่ 19.34เท่า แต่หากดูเข้าไปในรายละเอียดจะเห็นว่ามีหลายสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นเราอาจไม่ได้แพงอย่างที่เห็น สัญญาณที่ 1 พบว่าในช่วงปี 2567ที่กำลังจะผ่านไปค่า P/E เพิ่มจาก 18.42 เท่า มาเป็น 19.34 เท่า แต่กลับพบว่ามีหุ้น 60 บริษัทใน SET100 กลับมีค่า PER ลดต่ำลง สัญญาณถัดมา เราเห็นอิทธิพลของ DELTA ที่ MARKET CAP และค่า PER สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก โดยหากดูค่า TRAILING P/E ที่ไม่รวม DELTA พบว่าอยู่ที่17.68 เท่า และไปดูSET50FF ที่มีน้ำหนักของ DELTA ต่ำกว่าปกติอยู่ที่16.63 เท่า ภาวะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยอาจไม่ได้แพงอย่างที่เห็น ยังมีหุ้นอีกมากที่ VALUATION ถูก (แพงกระจุก ถูกกระจาย)อิทธิพล SANTA RALLY จะค่อยๆ ลดลง ขณะที่ยังไม่เห็นแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ จากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐาน คาด SET INDEX ผันผวนในกรอบ
1393-1405 จุด TOP PICK เลือก ERW, PTTGC และ SJWD


ความเสี่ยง RECESSION ในปีหน้า แอบขยับขึ้นในหลายประเทศ
เศรษฐกิจโลกในปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตเติบต่อเนื่องเฉลี่ย 3.1% ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ โดยเฉพาะการเดินหน้านโยบายการค้าสหรัฐฯ ในยุค TRUMP 2.0ผ่านการปรับเพิ่มภาษีน้ำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ (ความเสี่ยง TRADE WARระลอกใหม่) พร้อมกับผลักดันให้เกิด AMERICAN FIRST
ขณะที่ BLOOMBERG เผยผลสำรวจโอกาสเกิด RECESSION ในอีก 1 ปีข้างหน้าด

โดยสหรัฐฯ ถูกปรับลดโอกาสเกิด RECESSION เหลือ 20% (เดิม30%) สวนทางกับหลายประเทศในเอเชียที่ถูกปรับเพิ่มโอกาสเกิด RECESSION อาทิ
ญี่ปุ่น 30% (เดิม 25%), จีน 15% (เดิม 12.5%), อินโดนีเซีย 5% (เดิม 1%)เป็นต้น ส่วนบ้านเรา BLOOMBERG คาดความน่าจะเป็นไว้ที่ 10%

 


ความเสี่ยงทางการค้ากับสหรัฐฯ ในปีหน้า ทำให้หลายประเทศต้องเตีรยมกับมือ โดยล่าสุด PBOC คงดอกเบี้ย MLF 2% ไว้เท่าเดิม เพื่อเก็บกระสุนไว้ใช้ในอนาคต และยังเห็นความพยายามของรัฐบาลจีนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ไปพร้อมๆ กัน ผ่านทางข้อตกลง REVERSE REPO ประเภทอายุ 7 วัน มุ่งรักษาสภาพคล่องระบบธนาคาร โดยการอัดฉีดเงิน 1.923 แสนล้านหยวน เข้าสู่ระบบการเงินนอกจากนี้ ในผลการประชุมเชิงปฏิบัติการของหน่วยงานกำกับดูแลที่อยู่อาศัยของจีนเมื่อวันที่ 24-25 ธ.ค. 67 ระบุว่า จีนจะยังคงมุ่งรักษาเสถียรภาพและป้องกันไม่ให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลงไปอีกในปี 2568


สรุป เศรษฐกิจโลกในปี 2025 เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่รออยู่ โดยเฉพาะความเสี่ยง TRADE WAR ระลอกใหม่ ทำให้หลายประเทศในเอเชียที่ถูกปรับเพิ่มโอกาสเกิดRECESSION ในปีหน้า


ปัจจัยภายในประเทศ มีอะไรที่น่าสนใจ
วานนี้ตัวเลขส่งออก/นำเข้าไทย พ.ย. 67 ออกมาต่ำตลาดคาด +8.2%YOY และ+0.9%YOY ตามลำดับ หนุนให้ดุลการค้าของไทย 11M67 ยังขาดดุลต่อเนื่อง อยู่ที่ -224 ล้านเหรียญฯ หรือ -6.27 พันล้านบาท จึงทำให้ประเทศไทยมีแนวโน้ม “ขาดดุลการค้า” ต่อเนื่อง 3 ปีติดกัน(2022-2024) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกังวลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดในลำดับถัดไป และถือเป็นปัจจัยที่ทำให้นโยบายการคลังอาจจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้น้อยลง และต้องเพิ่งพานโยบายการเงินช่วยพยุงเศรษฐกิจแทน


ขณะที่วานนี้มีประเด็น คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ ตีตกชื่อ "คุณกิตติรัตน์"ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ด ธปท.เหตุมีพฤติกรรมดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะทำให้การใช้นโยบายการเงินช่วยดันเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้หายไป อาทิ การแก้กฎหมายแบงก์ชาติ, โยกหนี้ FIDF ไปบัญชี ธปท., หาช่องใช้ทุนสำรอง และแซนด์บ็อกซ์เงินดิจิทัล ซึ่งแนวทางการแก้ไขมีอยู่ 2 แนวทาง

 

1. เลื่อนชื่อลำดับรองขึ้นมาแทน(ลำดับ 2 และ 3)
2. เสนอชื่อใหม่ โดยแบ่งเป็นของ ก.คลัง 1 รายชื่อ,ธปท. 2 รายชื่อ

ด้วยประเด็นข้างต้นทั้งตัวเลขดุลการค้าที่ไม่ดีนัก และมีความไม่แน่นอนของแนวทางการใช้นโยบายการเงินของ ธปท. จึงทำให้ FLOW ต่างชาติอาจยังไม่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยมากนัก และกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าตามกลไกดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น เน้นหุ้นที่มีสินค้าส่งออกขยายตัวหลักๆ คือ
ยางพารา +14%YOY บวกต่อ STA, NER
อาหารสัตว์เลี้ยง +18.1%YOY บวกต่อ AAI, ITC , ASIAN CPF
ไก่สด แช่เย็น แช่เย็น +12%YOY บวกต่อ GFPT TFG CPF


ตลาดหุ้นไทย ถูกบดบังว่า P/E แพง แต่จริงๆ หุ้นมีหุ้นย่อตัวน่าสะสมจำนวนมาก
ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยที่ 1400 จุด มีแต่ TRAILING P/E ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 19.34 เท่า (ต้นปี 18.42 เท่า) ดูเหมือนแพงถ้าเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ทำให้นักลงทุนไทยและต่างชาติไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนได้ แต่จริงๆ P/E อาจจะไม่แพงอย่างที่คิด เพราะหากดูหุ้นใน SET100 มีหุ้นถึง 60 บริษัทที่ P/E ลดลง โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน P/E ที่ดูแพงถูกบดบังด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้ ด้วยรายละเอียดดังนี้


1. TRAILING EPS ที่ต่ำกว่าปกติเกินไป เหลือ 72.4 บาทต่อหุ้น เพราะมีกำไรถึง

2 งวดที่ต่ำกว่าระดับปกติที่ 2.5 แสนล้านบาท งวด 4Q66 ที่ 1.7 แสนล้านบาท และกำไรงวด 3Q67 ที่ 1.9 แสนล้านบาท จากแต่ถ้ากำไรกลับมาที่ระดับ
ปกติ P/E จะค่อยๆ ลดลง

2. หากไม่รวม DELTA EPS ของตลาดจะปรับตัวขึ้นมาเกือบ 7 บาท/หุ้นเนื่องจาก DELTA เป็นหุ้นขนาดใหญ่อันดับ 1 ของตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาเร็ว
ผลักทำให้ P/E ตลาดสูง แต่ถ้าไม่รวม DELTA จะหนุนให้ P/E ตลาดลดลง และEPS ของตลาดสูงขึ้นได้เกือบ 7 บาทต่อหุ้น


3. หากตัดผลตอบแทน DELTA ปีนี้ออกจากดัชนี SET INDEX พบว่า ปัจจุบันSET INDEX ที่ 1400.85จุด จะเหลือ 1338.11จุด ลดลง -5.5%YTD


ทั้งหมดที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าจริงแล้ว ตลาดหุ้นไทยเป็นเพียงการแพงกระจุก แต่หุ้นถูกยังกระจาย ซึ่งมีหุ้นขนาดใหญ่ใน SET100 ที่ลงแรงกว่าตลาดในปีนี้ถึง 63บริษัท

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้