วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก สูงสุดราว +10 จุด โดยมีแรงหนุนจากการประชุมครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่โครงการ Easy E-receipt และโครงการ Digital Wallet เฟส 2มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก และพลังงาน อย่างไรก็ตามมีแรงขายมากในหุ้น DELTA เป็นปัจจัยกดดันดัชนีส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,394.67 จุด +7.76 จุด +0.56% มูลค่าการซื้อขาย 30,447.81 ลบ.Program Trading -732.80 ลบ. ต่างชาติ -1,193.06 ลบ. TFEX +2,746 สัญญา ตราสารหนี้ +665.76 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 390.08 จุด หรือ +0.91% ขณะที่ดัชนี Nasdaq และS&P500 ปิดบวก ได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง และหุ้นเติบโต (Growth Stocks)
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ +1.24% ปิดที่70.10 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มสดใสในปีหน้า และคาดว่าอุปทานน้ำมันจะตึงตัวเล็กน้อย ขณะที่มีรายงานสต็อกน้ ามันดิบและน้ำมันกลั่นรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลและ 2.5 ล้านบาร์เรลตามลำดับ แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล
+ แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐ +3.1%ใน 4Q67 จาก +1.4% ใน Q1, +3% ใน Q2 และ +2.8% ใน Q3
+ ทางการจีนอนุมัติออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษวงเงิน 3 ล้านล้านหยวน(ราว 4.11 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2568 สูงสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อกระตุ้น
เศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
+ ครม.อนุมัติกรอบเงินเฟ้อปี 68 ที่ระดับเดิม 1-3% ค่ากลาง 2%
+ ครม.อนุมัติปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% ของรายรับ ต่อไปอีก 1 ปีระหว่าง 1 ม.ค.ถึง 31 ธ.ค.2568 ให้สอดคล้องกับกิจกรรมAmazing Thailand Grand Tourism Year 2025
+ ครม.อนุมัติแจกเงิน 1 หมื่นบาทสำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงินงบประมาณ40,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มโอนเงินก่อนตรุษจีน หรือภายในวันที่ 29 ม.ค.68
+/- รัสเซียเปิดเผยว่าการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนจะมีขึ้นในปีหน้า แต่จะไม่ใช่เรื่องง่าย

ปัจจัยลบ
- ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯรวมตัวกันฟ้องธนาคารกลางสหรัฐฯกล่าวหาว่ากระบวนการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) มีความไม่โปร่งใสและขัดต่อกฎหมาย
- ส.อ.ท.รายงานว่าเดือน พ.ย.67 ยอดผลิตรถยนต์ลดลง 28%YoY ยอดขายลดลง31%YoY ยอดส่งออกรถยนต์ลดลง 10%YoY ม.ค.-พ.ย.2567 ยอดผลิตรถยนต์ลดลง 20%YoY
- SCB EIC คาดว่า GDP โลกปี 67 +2.7% และ + 2.5% ในปี 68 จากความไม่แน่นอนด้านนโยบายกีดกันการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ปธน.สหรัฐฯที่จะเข้ารับตำแหน่ง 20 ม.ค.68

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ปรับตัวขึ้นตามดัชนีดาวโจนส์โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่งผลให้ในวันนี้หุ้นกลุ่มELECTRONIC ของไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตาม อย่างไรก็ตามเรือบรรทุกสินค้ารัสเซียระเบิด และเกิดระเบิดในโรงงานอาวุธของตุรกีทำให้ความกังวลสงครามเพิ่มขึ้น มองกรอบดัชนี 1,387-1,403 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หลักทรัพย์สำหรับค านวณดัชนี SET50/SET100/SET ESG รอบ 1H68 : SET50 เข้า BANPU CCET COM7 SAWADออก BCP CENTEL EA TIDLOR SET100 เข้า CCET COCOCO JTS PR9 ออก MBK RBF TIPH TOA SET ESG เข้าASK BBGI BTG DELTA DITTO JMART JMT KCE KCG MBK MOSHI PSH SCCC SCGD SGC SMPC SNNP SSPTASCO TLI TU VIH ออก BAFS BRI ERW ETC GFPT IRPC KEX KSL M-CHAI NOBLE NRF NYT TOG
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL