Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

686

 

 

"Domestic Plays"

 

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1395/1400 จุด รับ 1375/1370 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นต่อ ดัชนี S&P500 +0.73% หุ้นเทคโนโลยีนำ หนุนเศรษฐกิจสหรัฐประคองได้และไม่ร้อนแรงจนเกินไป ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค. 24 ปรับตัวลดลงมาที่ 104.7 จุด ต่ำกว่าคาด vs prev. 112 จุด (vs ช่วงเศรษฐกิจถดถอยอยู่ในช่วง 86-90) ประเมินปัจจัยต่างประเทศเป็นกลางถึงบวกอ่อนๆ จากนี้ต่างประเทศจะเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุด SET น่าจะถูกขับเคลื่อนปัจจัยภายใน วันนี้ (24 ธ.ค.) การประชุม ครม. คาดอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการ Easy E-Receipt, Digital Wallet เฟส 2 และอาจจะมีเรื่องใหม่ คือ การปรับเพิ่มค่าแรง หลังคณะกรรมการไตรภาคีสรุปเรื่องวานนี้ปรับเพิ่มเฉลี่ยทั่วประเทศ +2.9% โดยมี 4 จังหวัดที่แตะ 400 บาท vs เดิมตลาดมองการปรับทั้งประเทศสู่ 400 บาท ประเมินเป็นบวกต่อแรงกดดันต้นทุนต่ำคาด ขณะที่รายงานส่งออกพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) คาดออกมาบวกจากการเร่งส่งออกก่อน Trump 2.0 ผสาน สัญญาณยอดสินเชื่อกลุ่มธนาคาร พ.ย. 24 ขยายตัว 2 เดือนติดบ่งชี้ภายในฟื้นตัว ยังเอื้อ SET วันนี้ โดยมีหุ้นนำ หุ้น Domestic อาทิ ธนาคาร ค้าปลีก ท่องเที่ยว และ หุ้นส่งออกคาดมีแรงเก็งกำไรก่อนรายงานยอดส่งออก วันนี้แนะนำ BTS, CRC, KTB

 

 

Daily outlook: "Rebound" ต้าน 1395/1400 จุด รับ 1375/1370 จุด

What happened around the world?

(*/+) US Stock : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นติดต่อเป็นวันที่ 3 นำโดยหุ้น Tech และ "Magnificent Seven" อิงดัชนี Dow jones +0.16% ดัชนี S&P500 +0.73% และดัชนี Nasdaq +0.93% โดย Sector โดยกลุ่มที่เคลื่อนไหวเด่น คือ กลุ่ม ICT, IT, Health care, Energy ฯลฯ Sector ที่ปรับลงหลักๆคือ Consumer staples, Materials หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ NVDIA +3.6%, AMD +4.5% , Broadcom +5.5% มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นชิ้นส่วนไทยวันนี้, Eli Lillyบริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐฯ +3.7% หลังจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ(FDA) อนุมัติการใช้ยาลดน้ำหนัก Zepbound สำหรับรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ในทางตรงข้ามคือ Microstrategy -8.8% หลัง Bitcoin แกว่งตัวลงบริเวณ 9.5 หมื่นเหรียญ $ ต่ำราคา 1 แสน$ ฯลฯ

(*) US Econ : 1.) ดัชนีความเชื่อมั่น Conference Board ธ.ค. พลิกลง 104.7 จุดต่ำคาด 113.0 จุด vs prev. 111.7 จุด 2.)ยอดขายบ้านใหม่(New home Sales) เดือน พ.ย. พลิกบวก 5.9%m-m อยู่ที่ 6.64 แสนหลัง สูงกว่าตลาดคาดที่ 6.5 แสนหลัง 3.)ใบอนุญาตการก่อสร้าง (Building permit) เดือน พ.ย. พลิกขยายตัว +5.2%m-m ต่ำคาดที่ 6.1% ที่ 1.49 ล้านหลัง

(*) UK Econ : GDP Growth อังกฤษ 3Q24 +0.9%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด prev. 0.7% แต่แนวโน้ม 4Q24 ธนาคารอังกฤษ (BoE) คาดเศรษฐกิจจะไม่ขยายตัว ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นอังกฤษ

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 24 ธ.ค. ติดตามยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน พ.ย. คาด -0.3%m-m vs prev. +0.3%m-mยอดขายบ้านใหม่ พ.ย. คาด 6.63 แสนหลัง vs prev. 6.1 แสนหลัง ฝั่งญี่ปุ่น 27 ธ.ค. ติดตามอัตราการว่างงาน พ.ย. คาด 2.5% เท่าเดือนก่อน, ดัชนีค้าปลีก พ.ย. คาด +1.7%y-y vs prev. +1.6%y-y ฝั่งจีน27 ธ.ค. ติดตามการรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรม พ.ย. คาด -5.0%y-y vs prev. -4.3%y-y

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐปรับลง อายุ 2 ปี ปรับขึ้น 2 bps อยู่ที่ 4.34% และอายุ 10 ปีปรับขึ้น +6 bps อยู่ที่ 4.589%ทำจุดสูงสุดในรอบราว 5 เดือน (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มประกันชีวิต TLI, BLA. กลุ่มธนาคาร KBANK SCB KTB ส่วน Dollar Index แกว่งตัวบริเวณ 107.8 จุด

(*)Oil : น้ำมันดิบ Brent +0.08%d-d ปิดที่ USD 73/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.32%d-d ปิดที่ USD 69.24/barrel

(*/-) ถ่านหินล่วงหน้า Newcastle -1.41%d-d , -9.6%mtd ปิดที่ USD 125.5/ตัน ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นที่มีรายได้อิงจากถ่านหิน อาทิ BANPU, LANNA

(*) Natural Gas : ก๊าซธรรมชาติ NYMEX -2.45%d-d ปิดที่ USD3.656/MMBtu ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีต้นทุนก๊าซ อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF

 

What happened in Thailand?

(*/-) SET : SET Index วันทำการล่าสุดปิดปรับเพิ่มขึ้น +21.84 จุด หรือ +1.6% ปิดที่ 1386.91 จุด เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 วันทำการล่าสุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH, TRUE) หุ้น High Yield เด่นในเชิงเปรียบเทียบ หลัง US Bond Yield ชะลอการปรับขึ้น หลังเร่งขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, CRC, HMPRO) ฟื้นตัวรับการชี้แจงของ CPAXT ต่อการลงทุนโครงการใหม่ และได้กระแสบวกจาก กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติโครงการกระตุ้นการบริโภคในประเทศสัปดาห์นี้ Easy E-Receipt และ Digital Wallet เฟส 2 คาดมีโอกาสสร้าง Upside ทางบวกต่อกำไร กลุ่มถ่วง ส่วนใหญ่กลุ่มหุ้นที่ไม่มีน้ำหนักที่มีนัยฯต่อตลาด อาทิ กลุ่มเหล็ก กลุ่มแฟชั่น

(*/+) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลเข้า ซื้อหุ้น +65.8 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -30.2 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short 2,541 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าเล็กๆ 34.28 +/- บาท

(+) Santa's Rally: เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2024 เราประเมินองค์ประกอบหลายด้านสนับสนุนมีโอกาสเกิด Santa's Rally ดังเช่น 5 ปีย้อนหลังมักเกิด Santa' Rally ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก 100% และให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +1.5%นำโดย 1.) ตลาดหุ้นปรับฐานลงมาต่อเนื่อง จนล่าสุดอยู่ในโซนลงทุนระยะกลาง-ยาว คือ มี Current Equity Risk Premium 4.0% ขณะที่มี Forward Equity Premium ที่ 4.71% vs ระดับค่าเฉลี่ย AVG + 1 S.D. ที่มักเป็นจุดกลับตัวของตลาดกรณีไม่มีภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ 2.) คาดเม็ดเงินลงทุนระยะยาวในประเทศ กองทุน ThaiESG น่าจะเร่งขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี และ 3.) เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว คาด GDP งวด 4Q24 ขึ้นทำจุดสูงสุดของปี 2024 +4.0% หนุนทั้งปีเติบโต 2.7% และเติบโตต่อเนื่องอีก 2.9% ในปี 2025F โดยยังไม่รวม Upside เพิ่มเติมมาตรการกระตุ้นบริโภคที่รัฐฯจะอนุมัติเพิ่มเติมสัปดาห์นี้

(+) TH Tourism: สัญญาณภาคบริการปลายปี 2024 ต่อเนื่องต้นปี 2025F เราประเมินเป็นภาพบวกต่อเนื่อง อิงรายงานสำนักตรวจคนเข้าเมือง พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของ ธ.ค. เร่งขึ้นชัดเจน 22 ธ.ค. ขยับสู่ 1.39 แสนราย จาก 19 ธ.ค. ที่ 1.25 แสนราย และ 1-15 ธ.ค. เฉลี่ย 1.05 แสนคน นักท่องเที่ยว 2024YTD ถึง 22 ธ.ค. ปัจจุบันสูง 34.38 ล้านคน ประเมินหากโมเมนตัมช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปียังอยู่ในระดับ 1.3-1.4 แสนคน นักท่องเที่ยวทั้งปีจะอยู่ในกรอบที่ตลาดประเมิน 35.5-36.0 ล้านคน ส่วนปี 2025F คาดเพิ่มสู่ระดับ Pre-COVID ใกล้เคียง 40 ล้านคน นอกจากนี้ ระยะถัดไปคาดตลาดยังน่าจะเชื่อมั่นต่อโอกาสภาคบริการระยะกลาง-ยาวเพิ่มขึ้น จากการพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์(Entertainment Complex) คาดว่า กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม. ราวต้นปี 2025 และน่าจะมีความคืบหน้าตลอดทั้งปี 2025 เราประเมินความคืบหน้าดังกล่าวจะหนุนตลาดเริ่มเชื่อมั่นต่อโอกาสเติบโตภาคบริการระยะกลางเพิ่มขึ้น ประเมินหุ้นเด่นในธีมเด่นดังกล่าว AWC, VGI, AOT, BA, BTS, MBK, CPALL เน้น AOT BTS CPALL

(*/+) Government Stimulus: วันนี้ (24 ธ.ค.) ติดตามการประชุม ครม. คาดว่าจะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ Easy E-Recipt, Digital Wallet เฟส 2

กรณี Easy E-Receipt แม้เม็ดเงินจะถูกแบ่งให้ใช้งานเป็น 2 ส่วน คือ 30,000 สำหรับใช้จ่ายทั่วไป+ท่องเที่ยว และ 20,000 บาท สำหรับ สินค้า SMEs, วิสาหกิจชุมชนหรือ OTOP แต่เราคงมุมมองเม็ดเงินกระจายทั่วถึงขึ้น ทั้งกลุ่มค้าปลีก เน้นกลุ่มที่มียอดขายต่อบิลสูง CRC, HMPRO, COM7 บัตรเครดิต KTC ท่องเที่ยว เน้น ERW, CENTEL และกลุ่มธนาคารที่มีฐานสินเชื่อ SME ต่อสินเชื่อรวมสูง เน้น KBANK, SCB, BBL
กรณี Digital Wallet เฟส 2 คาดส่งผลบวกหุ้นอิงกลุ่มลูกค้าฐานราก ค้าปลีก CPALL, CPAXT, BJC กลุ่มเช่าซื้อที่การแจกรอบก่อนเห็นผลบวกชัดเจนจากการนำเงินไปคืนหนี้ เน้น SAWAD, JMT
นอกจากนี้ แนะนำติดตามว่าจะมีการพิจารณา Mega Projects หรือไม่ อาทิ มอเตอร์เวย์ M5 สายรังสิต-บางปะอิน มูลค่า 3.13 หมื่นล้านบาท ที่เดิมมีกระแสข่าวจะเข้า ครม. ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน รวมถึงโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วง รังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงินลงทุน 6.47 พันล้านบาท หากทยอยเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่เราประเมินเป็นบวกต่อหุ้นธนาคารที่เชื่อมโยงกับงานรัฐฯ KTB หุ้นรับเหมา CK, STECON, PYLON เน้น KTB และ PYLON ที่เริ่มมีสัญญาณ Backlog เร่งขึ้น

(*/+) Minimum Wage: ที่ประชุมบอร์ดไตรภาคี ได้มีมติปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 2568 เพิ่มขึ้นวันละ 7–55 บาท หรือเฉลี่ยร้อยละ 2.9 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ, กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 380 บาท ใน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา, กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตราวันละ 372 บาท ในเขตท้องที่ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด เพิ่มจากเดิม +2.5% และ กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 67 จังหวัด ที่เหลือให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เพิ่มขึ้นจากเดิม +2.0% vs เดิมตลาดมองการปรับขึ้นทั้งประเทศสู่ 400 บาท หรือ +12-15% เราประเมินเป็นบวกต่อแรงกดดันต้นทุนน้อยกว่าคาด ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงค่าแรงสูง อาทิ อสังหา, รับเหมา, สถานีบริการน้ำมัน และร้านอาหาร

(*/+) Mass Transit: สัญญาณการเร่งเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทเดินหน้าต่อเนื่อง หลังที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) รับทราบรายงาน 8 เรื่อง โดย 1 ใน 8 เรื่องที่น่าสนใจ คือ ผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นในการใช้มาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ถนนในเขตพื้นที่การจราจรหนาแน่นในกรุงเทพมหานคร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เตรียมการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก United Kingdom Partnering for Accelerated Climate Transition (UKPACT) ประเมินจิตวิทยาบวกต่อ BTS ที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากความคืบหน้าต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการใช้ถนนในเขตพื้นที่การจราจรหนาแน่น ถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐฯจะใช้เป็นกลไกในการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท

(*) TH Politic: วันนี้คุณสนธิฯ อดีต แกนนำกลุ่มพันธมิตรจะเข้าสอบถามนายกฯ ถึงข้อเรียกร้องการแก้ไข MOU44 หลังจากครบกำหนดที่ขอให้มีการพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงจากที่มีการเข้าไปเรียกร้องข้อเสนอในช่วงก่อนหน้า ประเมินเป็นประเด็นที่ติดตามต่อเนื่อง หากการเรียกร้องเป็นไปตามกลไกของระบบ และไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น คาดเป็นกลางต่อตลาดที่สะท้อนเรื่องดังกล่าวบ้างแล้ว

(*) To monitor: สัปดาห์นี้ปัจจัยภายใน ติดตาม 1.) 24 ธ.ค. ประชุม ครม. นัดสุดท้ายของปี และรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ 2.) 25 ธ.ค. ติดตามยอดส่งออก - นำเข้า พ.ย. 24 ตลาดคาด +7.0%y-y , 1.2%y-y vs prev. 14.6%y-y, +15.9%y-y

 

Daily Strategy : BTS, CRC, KTB เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "Sideways/Up" ประเมินตลาดหุ้นวันนี้แกว่งขึ้นได้ต่อแรงหนุนสัปดาห์นี้น่าจะมาจากปัจจัยภายใน 1.) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ อาทิ ค้าปลีก ท่องเที่ยว 2.) กลุ่มธนาคารที่สัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายในชัดเจนขึ้น หลังยอดสินเชื่อเติบโต 2 เดือนติด 3.) กลุ่มส่งออกเก็งกำไรก่อนรายงานยอดส่งออกพรุ่งนี้ คาดช่วงปลายปียังมีแนวโน้มดี จากการเร่งส่งออกก่อนคุณ Trump เข้ารับตำแหน่ง

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
• DEC24 Best Picks : ADVANC, BJC, BTS, GULF, AOT, IVL, MALEE

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

KSS Strategist Comment: SET UPDATE ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัวจากแนวรับทางเทคนิคบริเวณ 1360-65 จุด สอดคล้องมุมมองเราประเมินความผันผวนอยู่ในช่วงปลายแล้ว อิงระดับ Current Equity Risk Premium ใกล้ AVG + 1S.D. เชิงกลยุทธ์ แนะนำให้เริ่มทยอยสะสมรอการฟื้นตัวรอบใหม่ ส่วนระยะสั้นหากเน้นเก็งกำไรเราประเมินสัปดาห์หน้า SET มีโอกาสฟื้นตัว จากแรงหนุน

1.) ครม. เตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ Easy E-Receipt และ Digital Wallet เฟส 2 ลุ้นเปิด Upside ของ GDP ปี 2025F

2.) อิงสถิติ 5 ปีย้อนหลัง มักเกิด Santa' Rally ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก 100% และให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +1.5% โดยรอบนี้เรามองมีโอกาสเกิดเช่นกัน จากตลาดที่อยู่ในโซนลงทุน และคาดเม็ดเงินลงทุนภายในลดหย่อนภาษีระยะกลาง-ยาวจะเร่งขึ้นส่งท้ายปี

3.) Current Equity Risk Premium อยู่ที่ 4.0% +/- ใกล้ AVG + 1S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวในภาวะปกติ สอดคล้องสัญญาณ Fund Inflows เริ่มกลับมาเป็นบวก วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย ขณะที่วันนี้ซื้อพันธบัตรต่ออีก 1.89 พันล้านบาท

Strategy: เราคงมุมมองตลาดหุ้นปัจจุบันประเมินความผันผวนช่วงปลายแล้ว และปัจจุบันอยู่ใน Value Zone (1345-1370 จุด) เชิงกลยุทธ์แนะนำเริ่มทยอยสะสมหุ้นเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว ส่วนการลงทุนระยะสั้น เราประเมิน SET มีโอกาสฟื้นตัวจากปัจจัยบวกที่รอในสัปดาห์หน้า โดยเน้นหุ้นในธีม Domestic

o กลุ่มธนาคาร KBANK, KTB,

o กลุ่ม ICT ADVANC, TRUE

o กลุ่มขนส่ง BTS,

o กลุ่มค้าปลีก BJC, CPALL, HMPRO, CRC

o กลุ่มท่องเที่ยว AWC

o กลุ่มปิโตรเคมี IVL

• SET50/100 Rebalance Update: ตลาดประกาศผลการ Rebalance ดัชนี SET50/100 รอบ 1H25 คาดการ Rebalance มีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025

• หุ้นที่เข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU SAWAD COM7 และ CCET

• หุ้นที่หลุดออกจาก SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ CENTEL BCP TIDLOR และ EA

• หุ้นที่เข้า SET100 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ JTS, CCET, PR9, COCOCO

• หุ้นที่หลุดออก SET100 รอบนี้ 4 บริษัท คือ MBK, RBF, TIPH, TOA

กลยุทธ์ แนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET50-SET100 เนื่องจากมีความเสี่ยงในการลดน้ำหนักจาก Index Fund ขณะที่แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้เราแนะนำ SAWAD และ BANPU เด่น

• Strategy Update : กองทุนลดหย่อนภาษีเด่นปลายปี 2024 ที่ไม่ควรพลาด

ทีมกลยุทธ์ชวนวางแผนลดหย่อนภาษีช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี ผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี SSF, RMF และ TESG โดยอิงจากน้ำหนักการลงทุน KSS Rating ที่ทีมกลยุทธ์ให้ไว้ในบทวิเคราะห์ Cross Asset Strategy ตามตาราง Exhibit 1 เราเลือกการลงทุนสินทรัพย์ประเภท Fixed Income (ทั่วโลก), Equities (ไทย จีน เอเชีย) เป็น Top pick สำหรับการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีในปี 2024 นี้ และกองทุน Top pick ได้แก่ UGIS-SSF/UGISRMF, KFACHINSSF/KFACHINRMF, K-TNZ-ThaiESG, KFTHAIESGA

สำหรับผู้ที่มีเงินได้ในปี 2024 และต้องการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี และต้องการลงทุนระยะยาว สามารถเลือกลงทุนได้ผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีในทุกประเภท ทั้ง SSF, RMF และ TESG โดยกองทุน RMF และ SSF สามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของรายได้ โดยกองทุนทั้ง 2 ประเภท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 5 แสนบาท ส่วนกองทุน TESG สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของรายได้ และสูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท รายละเอียดเพิ่มเติมแสดงไว้ใน Exhibit 2

สำหรับผู้มีเงินได้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี และใส่ใจในระยะเวลาถือครอง แนะนำสำรวจช่วงอายุของนักลงทุน โดยสำหรับนักลงทุนที่อายุต่ำกว่า 51 ปี กองทุน TESG

กลยุทธ์ Tax Allowance Fund Strategy:

กองทุน SSF และ RMF (ลดหย่อนได้ประเภทละ 30% แต่ SSF ไม่เกิน 200,000 บาท และรวมกันกับ RMF และกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ) แนะนำ UGIS-SSF/UGISRMF (GlobalBond), KFACHINSSF/KFACHINRMF (China)

กองทุน TESG (ลดหย่อนได้ 30% หรือสูงสุด 300,000 บาท) แนะนำ KFTHAIESGA และ K-TNZ-ThaiESG

 

• BTS(Buy, TP-6.49) : We reiterate our Buy rating on BTS and raised our SOTP to Bt6.49 (from Bt5.59) to incorporate debt repayment of Bt14.5b from the cash collection received from BMA (expected within this week). Nonetheless, our blue-sky scenario suggests our TP will increase by another Bt1.86 if BMA pays the remaining liability of Bt30b to BTS. We haven't incorporated this payment into our TP; leaving as the upside risk.

• Bank(Neutral) : เรามีมุมมอง Slightly Positvie ต่อการรายงานสินเชื่อเดือน พ.ย. 24 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง +0.6% m-m จากสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อภาครัฐ เดือนนี้ BBL รายงานสินเชื่อเด่นสุดที่ +1.4% m-m ตามด้วย KTB +1.2% m-m / KBANK +1.0% m-m และ TISCO +0.1% m-m ขณะที่ธนาคารที่รายงานสินเชื่อหดตัว คือ SCB -0.4% m-m และ KKP -0.7% m-m สำหรับ TTB เป็นธนาคารเดียวที่รายงานสินเชื่อทรงตัว m-m ทั้งนี้เราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารที่ NEUTRAL คง KBANK (BUY, TP 180บ.) และ KTB (BUY, TP 24บ.) เป็น Top pick

• Consumer IT(Bullish) : We expect E-Receipt that would propose to the cabinet this week could be a short-term key driver for commerce IT sector given that the sector has a decent performance via this policy in the past three years, providing a positive return after the policy has been approve. We maintain our BULLISH call on the sector.

 

 

 

2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้