วันจันทร์ที่ผ่านมาดัชนี Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีแรงหนุนจากสหรัฐเผยดัชนีเงินเฟ้อ PCE ปรับตัวขึ้นต่่ากว่าคาดการณ์ ท่าให้เงินบาทแข็งค่า หนุน Fund Flowนักลงทุนต่างชาติไหลเข้า มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่ม Big-Cap ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่1,386.91 จุด +21.84 จุด +1.60% มูลค่าการซื้อขาย 43,625.40 ลบ. Program Trading +1,775.35 ลบ.ต่างชาติ +2,249.73 ลบ. TFEX -2,541 สัญญา ตราสารหนี้ -1,032.69 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นค่าสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ ซึ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค.
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 42,906.95 จุด เพิ่มขึ้น 66.69 จุด หรือ +0.16%ได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงหรือ "Magnificent Seven" ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายในตลาดที่เบาบางเนื่องจากใกล้ถึงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส
+ สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 5.9%MoM +8.7%YoY สู่ระดับ 664,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 660,000 ยูนิต จากระดับ 627,000 ยูนิตในเดือนต.ค.
+/- เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวต่อรัฐสภาอิสราเอลว่า การเจรจาปล่อยตัวประกันจากฉนวนกาซาก่าลังมีความคืบหน้าแต่ไม่ทราบว่าอีกนานเท่าใดจะมีการบรรลุข้อตกลง

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้่ามันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.32%ปิดที่ 69.24 ดอลลาร์/บาร์เรลถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้่ามันล้นตลาดในปีหน้า
- รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มด่าเนินการตรวจสอบเซมิคอนดักเตอร์พื้นฐานที่ผลิตโดยจีนซึ่งอยู่ภายใต้มาตรา 301 ของกฎหมายการค้าของสหรัฐฯ ปี 2517จากสมมติฐานว่าจีนยังคงใช้แนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและ
บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอเมริกัน
- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 104.7 ในเดือนธ.ค. ต่่ากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 113.8 จากระดับ 112.8
ในเดือนพ.ย.
-บอร์ดไตรภาคีมีมติเอกฉันท์เห็นชอบปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่่าเป็น 400 บ. ที่จ.ภูเก็ต-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง และ อ.สมุย และปรับขึ้น 7-55 บาทในจังหวัดอื่น มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีปรับตัว Sideway เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคและยอดค่าสั่งซื้อสินค้าคงทนอย่างไรก็ตามยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวขึ้นดีกว่าคาด และ Fund Flow ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยรวมถึงมาตรการEasy E-receipt ที่จะเข้าครม.วันนี้เป็นตัวหนุนต่อดัชนี มองกรอบดัชนี 1,380-1,395 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หลักทรัพย์ส่าหรับค่านวณดัชนี SET50/SET100/SET ESG รอบ 1H68 : SET50 เข้า BANPU CCET COM7 SAWADออก BCP CENTEL EA TIDLOR SET100 เข้า CCET COCOCO JTS PR9 ออก MBK RBF TIPH TOA SET ESG เข้าASK BBGI BTG DELTA DITTO JMART JMT KCE KCG MBK MOSHI PSH SCCC SCGD SGC SMPC SNNP SSPTASCO TLI TU VIH ออก BAFS BRI ERW ETC GFPT IRPC KEX KSL M-CHAI NOBLE NRF NYT TOG
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL