Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

433


AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยืนสร้างฐาน
เลือกหุ้นที่มีโอกาสได้แรงหนุนจาก TESG สนับสนุน


Market Strategy
SET Index คาดลุ้นยืนสร้างแนวรับ 1355-1375 จุด แรงกดดันจาก FED ลดดอกเบี้ยช้าจะลดลงหลังรายงานตัวเลข Core PCE เดือน พ.ย. ต่ำคาดประกอบกับการเข้าใกล้วันหยุดช่วงปลายปีน่าจะทำให้แรงขายต่างชาติเริ่มจำกัดลง ส่วนปัจจัยในประเทศอยู่ในช่วงลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีและเม็ดเงินจาก TESG เข้าสนุบสนุน ขณะที่ปัจจัยลบระยะสั้นมองที่ประเด็นเฉพาะตัวของ TOP ที่อาจทำให้มีการปรับพอร์ตของ นักลงทุนสถาบันและต่างชาติในช่วงต้นสัปดาห์ยังมีอยู่ กลยุทธ์วันนี้เลือก ICHI และ MTC
ตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับขึ้นได้แรงเฉลี่ย 1% หนุนจากความกังวลต่อเงินเฟ้อนลดลงหลังการรายงานดัชนี Core PCE เดือน พ.ย. ขยายตัว 2.8%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดขยายตัว 2.9%YoY รวมถึง ส.ส. สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวจนถึง 14 มี.ค. ซึ่งปัจจุบันผ่านชั้นวุฒิสภาและประธานาธิบดีไบเดน ได้ลงนามแล้ว ช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยง Government Shutdown ขณะที่ U.S. Bond Yield 10 ปี ชะลอการขึ้นและ Dollar Index ที่อ่อนค่า -0.54% เรามองภาวะดังกล่าวน่าจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นภูมิภาคในวันนี้
ด้านปัจจัยในประเทศอยู่ในช่วงติดตามมาตรการกระตุ้นช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งสัปดาห์นี้เตรียมเสนอมาตรการ Easy E-Receipt สู่ ครม. พิจารณาซึ่งจากการเปิดเผยรายละเอียดโดย รมช. คลัง ระบุว่าวงเงินลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาท โดยจะมีการปรับเกณฑ์ แบ่งการใช้จ่ายเป็น 2 ตระกร้า คือ ส่วนสินค้าทั่วไปและบริการท่องเที่ยว 3 หมื่นบาท และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน OTOP ตั้งแต่ 2-5 หมื่นบาท เริ่มมี 15 ม.ค.-28 ก.พ.68 คาดช่วยกระตุ้นเงินหมุนเวียน 7 หมื่นล้านบาท และทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 1 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมาตรการแจกเงินผู้สูงอายุวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ที่รัฐบาลเคยเผยว่าจะจ่ายในช่วงตรุษจีน (ปลาย ม.ค.) จึงประเมินเป็นปัจจัยช่วยหนุนภาคบริโภคในประเทศ ช่วง 1Q68 ดีต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก CRC COM7 HMPRO กลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมอย่างไฟแนนซ์ MTC


Market Summary
SET Index ปรับลง 12 จุด หรือเกือบ 1% กดดันหลักมาจาก TOP -22% จากขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพิ่มงบลงทุนโครงการ CFP และ GPSC -7% ที่มีลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่ทำร่วมกับ TOP 1 โรงคือ ERU ต้องเลื่อน COD ไปเป็นปี 2571 จากเดิมคาดเริ่มปี 2569 ส่วนกลุ่มที่บวก สวนตลาด คือกลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จาก Easy e-Receipt HMPRO +4% CRC +0.7% และกลุ่มเครื่องดื่ม OSP +1.4% CBG 1.3% จากส่วนแบ่งตลาดเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ ICHI MTC

MTC
Sentiment ลบจากผลการประชุม FED กดดันราคาหุ้นมากไป
ราคาหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลงแรง 5.5%กดดันจาก FED ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยช้าลง จนหนุน U.S. 10 Yr Bond Yield ทำจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน แต่เราเชื่อว่าตลาดน่าจะซึมซับประเด็นนี้ไปมาก จากFEDWATCH Tool ปรับมุมมอง FED จะลดดอกเบี้ยปีหน้า เหลือ 2 ครั้งเท่ากับ Dot Plot ชอง FED แล้ว ขณะที่ U.S. 10 Yr Bond Yield เริ่มทรงตัวที่ 4.5% จึงเชื่อแรงกดดันจะลดลงและหันให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐาน
เราคาดกำไร 4Q67 จะเติบโต YoY/ QoQ เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อที่ดีและคุณภาพสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ โดยสัดส่วน NPL และต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อคาดลดลง หนุนกำไรทั้งปี 67 /68เติบโต 17.6%YoY และ 17.4%YoY
มาตรการกระตุ้นของรัฐฯ เช่น โครงการแจกเงินชาวนา แจกเงินกลุ่มเปราะบางและเตรียมแจกเงินผู้สูงวัย 1Q68 บวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นจากประชาชนมีโอกาสนำเงินมาจ่ายหนี้ได้มากขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท

 


ICHI
Valuation ไม่แพง ปันผลสูง 7-8%
ส่วนช่วงท้ายปีลุ้นเม็ดเงิน TESG หนุน
คาดว่าการเติบโตของยอดขายและกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปีงบ 68-69 จะเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก 1) ส่วนแบ่งตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น 2) การขยายช่องทางจำหน่าย และ 3) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการเพิ่มประสิทธิภาพและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง
เราคาดการณ์การเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของยอดขายและกำไรหลักที่ 7% และ 9% ตามลำดับในปีงบ 68-69 ราคาหุ้นซื้อขาย PER67/68 ที่ 13.2/12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี -0.8 S.D. ราคาหุ้นระดับปัจจุบัน เงินปันผลจูงใจ ที่ 7.7% ในปี 2567 และ 8.4% ในปี 2568 ซึ่งถือเป็นระดับดับสูงที่สุดในกลุ่มเครื่องดื่มที่เราศึกษาที่การจ่ายปันผลอยู่ในช่วง 1.8% ถึง 4.9% เท่านั้น
ระยะสั้นเราเชื่อว่า ICHI ยังมีโอกาสที่จะได้แรงหนุนจากเม็ดเงิน TESG เนื่องจากมี SET ESG Rating ที่ระดับ A และเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาคบริโภคของรัฐบาลในช่วง 1Q68
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.60 บาท

 

KEY FACTOR
ในสัปดาห์นี้เริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดทำการของต่างประเทศ ช่วงคริสมาสต์ นำโดย สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียบางส่วน ที่ปิดทำการวันที่ 25 และ บางตลาดปิดต่อเนื่องในวันที่ 26 ธ.ค.
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ประกอบด้วย 1) ตัวเลขส่งออกของไทย เดือน พ.ย. น่าจะขยายตัวได้โดดเด่นต่อเนื่อง Consensus คาด +9.0% YoY จากเดือนก่อน +14.6% YoY 2) กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีน เดือน พ.ย. น่าจะหดตัว -4.6% แย่กว่าเดือนก่อนหน้า ที่ -4.3% 3) PMI จีนเดือน พ.ย. (รายงานวันที่ 31 ธ.ค.) น่าจะอยู่ที่ระดับ 50.2 ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งถือเป็นระดับที่สะท้อนการขยายตัว แม้ว่าภาคการผลิตอาจจะชะลอลงเล็กน้อยจาก 50.3 ในเดือนก่อนหน้าก็ตาม ซึ่งเป็นปัจจัยตามฤดูกาลในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว

 

EYES ON
23 ธ.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ
25 ธ.ค. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรปออสเตรเลีย และ เอเชียบางส่วน (ฮ่องกง เกาหลีฯ อินเดีย อินโดฯ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์) ปิดทำการในวันคริสมาสต์, ตัวเลขส่งออกไทย เดือน พ.ย.
26 ธ.ค. ตลาดหุ้นบางส่วนปิด ทำการต่อเนื่อง (ออสเตรเลีย ยุโรป อินโดฯ)
27 ธ.ค. กำไรภาคอุตสาหกรรมจีน

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืน 1200 จุด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในท้องทุ่งสีเขียว หุ้นไทยบวกยืน 1200 จุดได้อีกครั้ง ...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้