AT THE OPEN (#ATO)
SET Index กลับมาตั้งหลัก
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index พักตัวตามกรอบ 1410-1430 จุด ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยังขาดปัจจัยที่มีน้ำหนักขับเคลื่อน เพราะอยู่ในช่วงตามผลการประชุมธนาคารกลางหลักๆของโลก ทั้ง FED BOJ BOE และ BOT ซึ่งระหว่างทางน่าจะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะพักและเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว ซึ่งวันนี้เราเลือก TASCO ที่คาดมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี SETESG และ AAV ที่กลับมาอยู่ภายใต้ Coverage ของเราอีกครั้งด้วยคำแนะนำ “ซื้อ”
วานนี้ ตลท. ประกาศผลประเมิน SET ESG Ratings ซึ่งมีบริษัทที่ได้ประเมินทั้งสิ้น 228 บริษัท (เทียบปีก่อนที่ 191 บริษัท) ซึ่งเชื่อว่าถัดไปจะมีการประกาศหุ้นที่ถูกเข้าคำนวณในดัชนี SETESG รอบ 1H68 ตามมาในสัปดาห์นี้ จากการคาดการณ์ของเราจะมีหุ้นเข้าดัชนี SETESG ใหม่ทั้งสิ้น 22 บริษัท โดยหากคัดเอาเฉพาะหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET100 จะประกอบด้วย DELTA TLI TU KCE BTG MBK TASCO JMT และ JMART ส่วนหุ้นที่คาดออกมี 15 บริษัท โดยหากเอาเฉพาะหุ้นที่อยู่ใน SET100 ประกอบด้วย BCP ERW และ IRPC
เชื่อว่าหุ้นที่คาดว่าจะถูกเข้าคำนวณในดัชนี SETESG รอบใหม่ ได้ Sentiment บวกบนความคาดหวังต่อโอกาสที่จะได้แรงหนุนจากเม็ดเงินของนักลงทุนนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ให้น้ำหนักทางด้าน ESG เพิ่มขึ่น ในเชิงกลยุทธ์เราแนะนำเก็งกำไร DELTA ที่มีโอกาสจะถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนประเภท Passive Fund และTASCO ที่แนวโน้มการฟิ้นตัวกำไรตั้งแต่ 4Q67 ถึง 1H68 ชัดเจนตามปริมาณการใช้ยางมะตอยที่เพิ่มขึ้น
ด้านปัจจัยต่างประเทศ โดยภาพรวมยังอยู่ในช่วงรอความชัดเจนของผลการประชุมธนาคารกลางต่างๆ อาทิ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้แกว่งบวกลบกระจัดกระจายในช่วง -0.3% ถึง +1.2% หลังการรายงานดัชนี PMI เดือน พ.ย.ออกมาผสมผสาน โดย PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ 48.3 ต่ำกว่าตลาดคาด 49.5 และเดือนก่อนที่ 49.7 สวนทาง PMI ภาคบริการอยู่ที่ 58.5 ดีกว่าตลาดคาดที่ 55.8 และเดือนก่อนที่ 56.1 ส่วนประเด็นอื่นๆ วันนี้ติดตามการประชุม ครม.
Market Summary
SET Index ปรับลง 12 จุดหรือ -0.83% กดดัน 8 จุด มาจากประเด็นเฉพาะตัวของ CPAXT -19% ที่ลงทุนใน The Habitat และลากหุ้นในกลุ่มเครือปรับลง CPALL -6% CPF -1.7% ส่วนกลุ่มที่ปรับลงกดดันมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP -2.11% และกลุ่มปิโตรฯ -1.7% จากจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ พ.ย.ฟื้นตัวช้า ส่วนกลุ่ม BTS ปรับขึ้นเด่น นำโดย VGI +9% BTS +3.4% กลุ่มประกันจาก TLI +0.9% BLA +1.5% จาก U.S. Bond Yield ที่ปรับขึ้น
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ AAV TASCO
TASCO
คาดมีโอกาสเข้า SETESG
รอบ 1H68
คาด TASCO มีโอกาสถูกเข้าคำนวณในดัชนี SETESG รอบ 1H68 (คาดประกาศสัปดาห์นี้) จากล่าสุด ตลท.ได้มีการประกาศผล SET ESG Rating ปี 2567 ซึ่ง TASCO ได้ Rating ที่ระดับ AA จากเดิมปีก่อนที่ยังไม่มี Rating ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับเม็ดเงินกองทุน TESG เข้าซื้อหุ้นได้มากขึ้น
กำไร 4Q67 และ 1H68 ยังคงสดใสจากตลาดยางมะตอยในประเทศใน 4Q67 และ 1H68 จะดีต่อเนื่อง จากงบประมาณปี 68 ที่เพิ่มขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศ4Q67 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่นในหลายประเทศด้านราคาขายตลาดในประเทศและต่างประเทศยังยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราจึงคาดแนวโน้มกำไร 4Q67 จะดีขึ้นและปี 68 จะเติบโตดี 17% YoY สู่ 2,561 ล้านบาท
การตั้งสำรองขาดทุนด้านเครคิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 9M67 เท่ากับ 340 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้รับชำระเงินล่าช้า ผู้บริหารคาดจะมีการทยอยบวกกลับเข้ามาใน 4Q67 และ 1H68
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.50 บาท
AAV
ผู้นำตลาด
เรากลับมาวิเคราะห์ AAV อีกครั้งด้วยคำแนะนำ ซื้อ และเลือกเป็น Top Pick ในกลุ่มสายการบินไทย เนื่องจากความเป็นผู้นำในตลาดภายในประเทศ และศักยภาพการเติบโตของรายได้จากเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่ๆ นอกจากนี้ AAV ยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี (CAGR) ช่วงปี 67-69 โดยในปี 68 คาดกำไรสุทธิ 3.3 พันล้านบาท (+15% YoY) จากรายได้ค่าตั๋วและรายได้เสริมที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสารและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ส่วนอัพไซด์เพิ่มเติมอาจเกิดจากการควบรวมกิจการกับ Thai AirAsia XAAX และการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเชื่อมโยงของผู้โดยสาร
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.40 บาท
KEY FACTOR
ตัวเลข Flash PMI ของสหรัฐฯ และ Eurozone ที่รายงานเมื่อวานนี้ ยังคงสะท้อนภาพเดิม ที่ภาคบริการขยายตัวได้เด่น แต่ภาคการผลิตยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป 1) ดัชนี S&P Global PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 48.3 แย่กว่าที่ Consensusคาด 49.5 ส่วนภาคบริการอยู่ที่ระดับ 58.5 สูงกว่า Consensus คาด 55.8 อย่างมีนัยสำคัญ 2) HCOB PMI ของ Eurozone เดือน ธ.ค. ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 45.2 ใกล้เคียงกับที่ Consensus คาด 45.3 ส่วนภาค บริการ อยู่ที่ 51.4 พลิกทะลุระดับ 50 และดีกว่าที่ Consensus คาด 49.5
ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยรายงานต่อเนื่องในวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนประชุม FOMC นำโดย 1) ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ คาดว่าน่าจะเร่งตัวขึ้นจาก +0.1% MoM เป็น +0.5% MoM และ 2) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ของสหรัฐฯ Consensus คาดเร่งตัวจาก -0.3% MoM สู่ระดับ +0.3% MoM
EYES ON
17 ธ.ค. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
18 ธ.ค. การประชุม FOMC, การประชุม กนง.
19 ธ.ค. GDP 3Q67 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 3)
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ