AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว

Market Strategy
SET Index แกว่งออกข้างช่วง 1432-1450 จุด จากปัจจัยแวดล้อมที่ขาดแรงขับเคลื่อน ผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจจีนและการแถลงผลงาน/นโยบายของนายกฯ โดยรวมเรามองเป็นกลาง ขณะที่การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำยังไม่ได้ข้อสรุปและกลับมาประชุมอีกครั้งในวันที่ 23 ธ.ค. ส่วนฝังสหรัฐฯ การรายงานตัวเลข PPI สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย แต่ยังไม่ทำให้มุมมองการปรับลดดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุม FED สัปดาห์เปลี่ยนไป วันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว CPF COM7

นายกรัฐมนตรี แถลงผลงาน 90 วัน พร้อมเผย 11 นโยบายขับเคลื่อนประเทศ โดยมี 5 นโยบายที่จะเกิดในปี 68 คือแก้หนี้ครัวเรือน,Digital Wallet, โครงการบ้านเพื่อคนไทย,หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนและ โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน หรือ SML ส่วนนโยบายอื่นๆ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายภายใน ก.ย.68,ดึงธุรกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ,ดันไทย Hub AI เป็นต้น เรามองเป็นกลาง เนื่องจากนโยบายส่วนใหญ่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว ส่วนโครงการใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงตลาดหุ้น คือ โครงการบ้านเพื่อคนไทยแต่ก็ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน จึงเชื่อว่าเป็นบวกในเชิง Sentiment ต่อกลุ่มตกแต่งบ้าน HMPRO GLOBAL DOHOME เท่านั้น

การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจของจีน ซึ่งส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้นโยบายการคลัง(เพิ่มการขาดดุลงบประมาณ) และการเงิน (ลดดอกเบี้ยฯ ลด RRR) และจะเน้นขับเคลื่อนในภาคบริโภค ซึ่งเรามองเป็นกลางต่อการส่งสัญญาณข้างต้น เนื่องจากยังไม่ได้มีรายละเอียดในเชิงปริมาณและกรอบเวลาที่ชัดเจน

ฝั่งสหรัฐฯ วานนี้ตลาดหุ้นปรับลงเฉลี่ย -0.5% จากรายงานดัชนี PPI เดือน พ.ย. ขยายตัว 3%YoY มากกว่าตลาดคาด 2.6%YoY ที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อลงช้า แต่ FEDWATCH Tool ยังให้โอกาสการปรับลดดอกเบี้ยฯ ของ FED ในการประชุมสัปดาหฺหน้า (รู้ผลเช้า 19 ธ.ค.) ลดดอกเบี้ยฯ 25 bps ด้วยโอกาสสูงที่ 96%

Market Summary
SET Index ปรับลงเล็ก -3 จุด หรือ 0.22% กลุ่มที่ Outperform มาจากลุ่มอิเล็คทรอนิกส์หนุนหลักมาจาก DELTA +3% ที่หลุด Cash Balance กลุ่มธนาคารที่รีบาวน์ +0.5% ตอบรับมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน กลุ่มที่คาดเข้า SET50 ปรับขึ้น SAWAD +3.8% CCET +5.6% ส่วนกลุ่มที่กดดันมาจากกลุ่มที่ตลาดคาดว่าหลุด SET50 CENTEL -4.8% BCP -4% TIDLOR -2.3% และกลุ่ม GULF ที่ยังถูกแรงขาย GULF -1.2% INTUCH -1.5%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ COM7 CPF

CPF
แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
ใน 1H68
คาด EPS หลักปี 68 จะขยายตัว 3.6% YoY แต่เรายังคงเลือก CPF เป็นหุ้นเด่นใน 1H68 เนื่องจากคาดว่า EPS หลักในครึ่งแรกปี 68 จะเติบโตแข็งแกร่งถึง 66% YoY จากราคาหมูที่ปรับตัวดีขึ้นในไทย เนื่องจากอุปทานลดลงจากผลกระทบของน้ำท่วมและการระบาดของโรคใน 3Q67 ส่วนแนวโน้ม 1H68 เราคาดว่าราคาหมูในเวียดนามและจีนจะยังคงสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (1H67) เนื่องจากอุปทานที่ลดลง รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลง
ด้านโมเมนตัมการเติบโตกำไรระยะสั้นยังเป็นไปในทางบวก โดยเราคาดการเติบโตแข็งแกร่ง YoY4Q67 จากราคาสินค้าเนื้อสัตว์ที่ฟื้นตัวในหลายภูมิภาค รวมถึงส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPALL อย่างไร ก็ตาม กำไรใน4Q67 มีแนวโน้มลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันตามปกติ
Valuation น่าสนใจเพราะซื้อขายบน PE68 เพียง 12 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ถึง -1.25 SD
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28.10บาท

COM7
คาดกำไร 4Q67 ทำ ATH
พร้อมคืนบัลลังค์กลับเข้า SET50
เราคาดกำไรหลัก 4Q67 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% YoY และ 51% QoQ จากรายได้ที่คาดเพิ่มขึ้น 18% YoY และ 31% QoQ การเติบโต QoQ มาจาก 1) ยอดขาย iPhone 16 ที่แข็งแกร่ง และ 2) แรงหนุนจากเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทให้ 14.5 ล้านคนในปลายเดือน ก.ย. ซึ่งทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 8,000 บาทต่อเครื่องเพิ่มขึ้น
ส่วนรายได้4Q67 ที่โต YoY มาจาก 1) iPhone16 มียอดขายที่ดีกว่า iPhone15 เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าประมาณ 2,000-4,000 บาทในรุ่นส่วนใหญ่
สำหรับแรงขับเคลื่อนราคาหุ้นระยะสั้นคาดมาจากประเด็น Index Play ที่เราคาดว่า COM7 จะกลับเข้าคำนวณใน SET50 รอบ 1H68 ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อในสัปดาห์หน้า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30.00 บาท

KEY FACTOR
ECB ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps สู่ระดับ 3% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ พร้อมกับปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสะท้อนการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาดเดิม 1) GDP ปี 2567-2569 ขยายตัว 0.7%, 1.1% และ 1.4% (จาก 0.8%, 1.3% และ 1.5% ตามลำดับ) 2) เงินเฟ้อ ปี 2567-2568 ขยายตัว 2.4% และ 2.1% (จาก 2.5% และ 2.2%ตามลำดับ)

บทสรุปการประชุม CEWC ของจีน ยังคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ ที่ระดับประมาณ 5% และส่งสัญญาณสะท้อนความระมัดระวังถึงผลกระทบจากการเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ-จีน พร้อมกับเปิดเผยแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังในปี 2568 โดยมีแผนออกพันธบัตรพิเศษระยะยาวและพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการใช้จ่ายสาธารณะ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการระบุถึงการปรับลดด RRR (Consensus คาดว่าจะปรับลดตั้งแต่ต้นปี 2568)

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ