Market Wrap-Up
- SET วันที่ 11 ธ.ค.67 ปิด -4.48 จุด อยู่ที่ 1,443.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,085 ลบ. ต่างชาติขาย 2,147 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 175 ลบ. สถาบันซื้อ 822 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,150 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 93 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,PTT,CCET,AOT,SCC และยอดขายหุ้น ADVANC,GULF,BDMS,BBL,PTTEP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,390 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TIPH,SJWD,DOHOME โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 14,027 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 21,909 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,746 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.22%, S&P500 +0.82%, Nasdaq +1.77% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี, บริการสื่อสาร และสินค้าฟุ่มเฟือย หลังรายงาน US CPI พ.ย. +2.7% YoY ตามคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.28% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, อวกาศ & กลาโหม
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ Nasdaq สามารถผ่านระดับ 20,000 จุด ได้แรงหนุนจาก Nvidia, Alplhabet, Amazon, Tesla ปรับขึ้น หลัง ก.พาณิชย์สหรัฐเผย US CPI พ.ย. ปรับขึ้น 2.7% & ต.ค. 2.6% เป็นไปตามคาดการณ์ ดังนั้น CME FedWatch จึงชี้มีโอกาส 96% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.25 – 4.5% ในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth ของสหรัฐ ส่วนค่ำวันนี้ติดตามรายงาน US PPI พ.ย. คาด 2.5% & ต.ค. 2.4% YoY เพื่อจับสัญญาณทิศทางของดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นตามดัชนีหุ้นสหรัฐ จากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ขณะที่ปัจจัยการเมืองในฝรั่งเศส อยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งคาดพรรคฝ่ายซ้ายกลางจะมีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุม ECB คาดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนยังฟื้นตัวช้า กอปรกับมีปัจจัยเสี่ยงจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.29% ระหว่างรอผลการประชุม CEWC ของจีน ซึ่งคาดจะมีใช้นโยบายผ่อนคลายด้านการเงิน และ ม.ด้านการคลังเชิงรุก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนปีหน้าให้ขยายตัวที่ระดับ 5.0% ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มกลาโหม หลังรัฐบาลเตรียมขึ้นภาษีนิติบุคคล & ยาสูบใน เม.ย. 69 และขึ้นภาษีเงินได้ในปี 70 เพื่อรองรับงบด้านกลาโหมที่คาดจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยนักลงทุนรอผลการประชุม BOJ ในวันที่ 19 ธ.ค. ว่าจะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่
- SET วานนี้ -0.31% ปริมาณการซื้อขาย 6 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 2,147 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 175 ลบ. สถาบันซื้อ 822 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,150 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มวัสดุก่อสร้าง(SCC) & ยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดกำไรปีหน้ายังฟื้นได้ช้า จากอุปสงค์ตลาดโลกที่ชะลอตัว กอปรกับยังเสี่ยงจากสงครามการค้า ขณะที่กลุ่มธนาคาร & ไฟแนนท์ก็ถูกแรงขาย Sell on Fact หลัง ก.คลัง และ ธปท.แถลง ม.แก้ไขหนี้ครัวเรือน โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) ม.ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย เช่น สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อส่วนบุคคล, รถยนต์ & มอเตอร์ไซด์ และ SME 2) ม.ลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ NPLs ที่มียอดหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท 3) ม.ช่วยเหลือลูกหนี้ของกลุ่ม Non-banks และ 4) ม.ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น หนี้เกษตรกร, หาบแร่แผงรอย ส่วนกลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ท่องเที่ยว, ขนส่ง หลังที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติ ม.ด้านภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองรอง ประเด็นสำคัญวันนี้ติตามนายก ฯ จะแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือน และคณะกรรมการไตรภาคี ก.แรงงานจะหารือข้อเสนอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน ทั่วประเทศ ที่คาดจะเริ่มในช่วงต้นปีหน้า
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,435 – 1,440 แนวต้าน 1,460 คาดได้แรงพยุงซื้อจากเม็ดเงินกองทุน Thai ESG และรอประเมินดอกเบี้ยสหรัฐในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค. แนะนำซื้อทยอยซื้อ AOT,MINT,ERW,SKY ได้ปัจจัยหนุน High Season ของภาคท่องเที่ยว/ กลุ่มอุปโภคบริโภค CBG,OSP,CPALL,CRC,BJC จาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อ และเก็งกำไร AMATA รับข่าว BOI อนุมัติ Foxsemicon ผู้ผลิตเครื่องจักรในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ลงทุนในไทยเป็นโรงงานแห่งที่ 4
- AWC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.82 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 3Q67 ที่ 1 พันล้านบาท -9%QoQ, +0.3%YoY มีกำไรหลัก 288 ล้านบาท +42%QoQ, +129%YoY มีปัจจัยหนุนจากรายได้ที่เติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ และสมุย ส่งผลให้อัตราการเข้าพัก (Occ Rate) และรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (Rev Par) ปรับตัวดีขึ้น ส่วนธุรกิจพื้นที่เช่าประคองตัว ส่วนแนวโน้ม 4Q67 มีบวกต่อเนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยว เริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดโรงแรมใหม่ช่วงเดือน ธ.ค.-ต้นปีหน้า ทั้งนี้ตลาดคาด Core profit ในปี 67-68 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท 2.6 พันล้านบาท +29%YoY
- CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย50 บาท) กำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 2,219 ลบ. (+86.37%YoY, +28.31% QoQ ) มีแรงหนุนจากรายการพิเศษเป็นบวก(เช่น Fx Gain) ราว 366 ลบ., รายได้กลุ่มFOOD(+12.4% YoY, +4.9% QoQ)/กลุ่มFASHION(+5.1% YoY, -1.3% QoQ ), และ SG&A สามารถคุมได้ดี(เช่น การต่อรองขอลดค่าเช่า) ส่งผลให้ SG&A to Rev. ลดลง ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานปกติช่วง 4Q67 นี้ เรายังประเมินว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีแรงหนุนตาม Seasonal Effect ขณะที่ปัจจัยเสริมเพิ่มเติมจะมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้น, ม.กระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐฯ, และการฟื้นตัวของธุรกิจ HARDLINE ในไทยและเวียดนาม
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ม.ค. +$1.70 อยู่ที่ $70.29 / บาร์เรล, Brent ก.พ. +$1.33 อยู่ที่ $73.52/บาร์เรล หลัง EU มีมติคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ ในการลักลอบส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ขณะที่ EIA เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านลดลง 1.4 ล.บาร์เรล ลดมากกว่าคาดที่ 1 ล.บาร์เรล
Gold Update(+) Comex Gold ก.พ.+$38.30 อยู่ที่ $2,756.70 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า หลัง US CPI พ.ย. อยู่ที่ 2.7% YoY ตามคาดการณ์
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -40.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +31.15 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นฟิลิปปินส์ -8.52 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นไทย -63.35 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.277 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -50 จุด อยู่ที่ 1,106
(+) BitCoinเช้านี้ +4.29% อยู่ที่ 100,533 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
10 ธ.ค. วันรัฐธรรมนูญ
18 ธ.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 6/2567
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ต่างประเทศ
11 ธ.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(พ.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
12 ธ.ค. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ธ.ค.)
EU การประชุม ECB
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) (พ.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio December 2024: CPALL, SAV, SYNEX*, CRC, WHA
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th