News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

11 ธ.ค. 2567 08:56:51 320

Market Wrap-Up

SET วันที่ 9 ธ.ค.67 ปิด -4.43 จุด อยู่ที่ 1,447.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,835 ลบ. ต่างชาติขาย 1,748 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 344 ลบ. รายย่อยซื้อ 817 ลบ. และสถาบันซื้อ 1,275 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 359 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น VGI,DELTA,KTB,CPALL,BH และยอดขายหุ้น GULF,SCC,BBL,PTTGC,INTUCH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,580 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BCP,TIPH,DCC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 15,314 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 35,936 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 3,501 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.35%, S&P500 -0.30%, Nasdaq -0.25% นำโดยกลุ่มอสังหา -1.63% และเทคโนโลยี -1.26% หลัง Oracle รายงานกำไรต่ำกว่าคาด ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร +2.6%, สินค้าอุปโภคบริโภค +0.5% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.52% จากแรงขายกลุ่มสินค้าหรูหรา -1.6% นำโดย LVMH -2.5%, Kering -2.2% จากคาดการณ์อุปสงค์ลูกค้าจากจีนมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Oracle -6.6% หลังรายงานกำไร Q2 ที่ผ่านมาต่ำกว่าคาด ส่วน Nvidia -2.7% หลังถูกสำนักงานควบคุมกฏระเบียบตลาดของจีน (SAMR) สอบสวนกรณี Nvidia อาจละเมิดกฏต่อต้านการผูกขาดตลาดของจีน โดยค่ำวันนี้นักลงทุนรอรายงาน US CPI พ.ย. คาด 7% & ต.ค. 2.6% YoY, คาด 0.3% & ต.ค. 0.2% MoM ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 18 ธ.ค. โดย CME Watch ชี้มีโอกาส 85.8% จะลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.25 – 4.5% และค่ำวันพรุ่งนี้รอรายงาน US PPI พ.ย. คาด 2.5% & ต.ค. 2.4% YoY เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะชะลอการลดดอกเบี้ยในการประชุม ม.ค. ปีหน้าหรือไม่
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายกลุ่มสินค้าหรูหรา, เหมืองแร่ ที่คาดกำไรมีแนวโน้มชะลอตัวตามอุปสงค์จากจีน หลังจีนเผยตัวเลขนำเข้า พ.ย. หดตัว -3.9% YoY ส่วนสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศส อยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งคาดพรรคฝ่ายซ้ายกลางจะมีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาล โดยวันพรุ่งนี้ติดตามผลการประชุม ECB ซึ่ง LSEG ชี้มีโอกาส 85% ที่ ECB จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% หลังภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนยังฟื้นตัวได้ช้า
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับขึ้น นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.59% หลัง Politburo จีนเผยจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในปีหน้า รวมถึง ม.ด้านการคลังในเชิงรุก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในปีหน้า โดยอยู่ระหว่างการประชุมในวันที่ 11 – 12 ธ.ค. ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ +0.55% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสายการเดินเรือ, เหล็ก, สื่อสาร และกลุ่มรถยนต์ เช่น Toyota, Honda ที่ได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่ที่ 151.9 เยน/
SET -0.31% ปริมาณการซื้อขาย 58 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,748 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 344 ลบ. รายย่อยซื้อ 817 ลบ. และสถาบันซื้อ 1,275 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มโรงไฟฟ้า หลัง กพช. เลื่อนประกาศแผน PDP 2024 เนื่องจากการคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าอาจสูงเกินจริง กอปรกับการปรับลดค่า FT ในงวด ม.ค. - เม.ย. 68 ลง 3 สตางค์ ส่งผลลบต่อรายได้กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ส่วนกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมียังถูกแรงขายทำกำไร จากคาดการณ์อุปสงค์จากจีนยังฟื้นตัวช้า หลังข้อมูล CPI จีน พ.ย. และส่งออก พ.ย. ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มธนาคาร & ไฟแนนท์ปรับขึ้นตอบรับ ม.แก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน โดยกลุ่มสถาบันในประเทศคาดจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักใน ธ.ค. จากเม็ดเงินของกองทุน Thai ESG ราว 1 หมื่น ลบ. ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจากผลการประชุม ครม. และ กระทรวงการคลัง & ธปท.จะแถลง ม.แก้ไขหนี้ภาคครัวเรือนวงเงิน 1.3 ล.ลบ. ในกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ & มอเตอร์ไซด์, บ้าน และ SME ที่เป็นหนี้เสียในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และต้องเป็นหนี้เสี่ยภายใน ต.ค. 67 และวันพรุ่งนี้ นายก ฯ จะแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือน

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,437 – 1,441 แนวต้าน 1,460 คาดดัชนีทรงตัวรอผลการประชุม ธ.กลางหลัก ๆ และได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทแข็งค่า บ่งชี้ Fund Flow มีแนวโน้มชะลอการไหลออก และวันนี้ติดตาม ม.แก้ไขหนี้ครัวเรือน แนะนำทยอยซื้อ กลุ่มค้าปลีก CPAXT,BJC / การเงิน KBANK,SCB,KTB,TISCO,TTB,KTC ได้ประโยชน์จาก ม.แก้ไขหนี้ภาคครัวเรือน/ กลุ่มอุปโภคบริโภค CBG, OSP, AU, MAJOR
AU* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.10 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 83 ล้านบาท +15%QoQ, +55%YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดขายรวมที่เพิ่มขึ้นจากทั้งยอดขายสาขาเดิม-สาขาใหม่ และการขยายช่องทางใน 7-11 ซึ่งวางขายขนมปังเนยโสดมีกระแสตอบรับที่ดี โดย GPM อยู่ที่ 65% ใกล้เคียงเดิม QoQ, YoY แต่ SG&A/sales ลดลง แนวโน้ม 4Q67 มีแผนขยายสามาเพิ่ม 1-2 สาขา และเพิ่มช่องทางบนสายการบินไทย ส่งผลบวกต่อกำไรเติบโตได้ทั้ง QoQ, YoY ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 276 ล้านบาท +55%YoY และ 320 ล้านบาท +16%YoY
MOSHI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 41 บาท) กำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 108 ลบ. (+30%YoY, +33%QoQ) แม้เป็น Low Season แต่รายได้ยัง +YoY +QoQ จากสินค้าที่ตอบโจทย์รวมถึงมีการเปิดตัวสินค้า Project ใหม่ๆ อย่าง Moshi x Butter Club, และ Moshi x Ten & Canele สะท้อนไปยัง SSSG ที่ +5.7% ขณะที่สาขาใหม่ยังมีการเปิดต่อเนื่องขึ้นมาอยู่ที่ 153 สาขา ณ สิ้น 3Q67 ด้านการดำเนินงานช่วง 4Q67 นี้ คาดว่ายังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องจากการออกสินค้าใหม่ๆอย่าง Moshi Moshi x Fluffy Omelet และการออกแคมเปญครบรอบ 8 ปี "แจกใหญ่ แทนคำขอบคุณ" ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิของ MOSHI* ปี67 และ68 จะอยู่ที่ 488 ลบ. (+22%YoY) และ 589 ลบ.(+21%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ม.ค. +$0.22 อยู่ที่ $68.59 / บาร์เรล, Brent ก.พ. +$0.05 อยู่ที่ $72.19/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์อุปสงค์จากจีนมีโอกาสฟื้นตัว ตาม ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า กอปรอุปสงค์จากฝั่งยุโรปคาดจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว

Gold Update(+) Comex Gold ก.พ.+$32.60 อยู่ที่ $2,718.40 /ออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความไม่สงบในซีเรีย หลังกลุ่มกบฏได้ขับไล่ ปธ. อัสซาดออกนอกประเทศ กอปรคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +28.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +5.30 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +23.13 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่วันจันทร์ขายหุ้นไทย -51.7 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.233 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -12 จุด อยู่ที่ 1,156

(-) BitCoinเช้านี้ -1.61% อยู่ที่ 96,296 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

10 ธ.ค. วันรัฐธรรมนูญ

18 ธ.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 6/2567

สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ต่างประเทศ

11 ธ.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(พ.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

12 ธ.ค. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ธ.ค.)

EU การประชุม ECB

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) (พ.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio December 2024: CPALL, SAV, SYNEX*, CRC, WHA