สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 2 ธันวาคม 2567)---- นายยูเซฟ อิล คัมริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ERW เปิดเผยว่า (“บริษัทฯ”)ขอแจ้งให้ทราบว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 8/2567ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของที่ดิน รวม 11 ราย (รวมเรียกว่า “ผู้ให้เช่า”) เพื่อเช่าที่ดินขนาด 2-0-17 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพร้อมพงษ์กรุงเทพมหานคร เพื่อพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นไปตามแผนการและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยมีระยะเวลาการเช่า 30 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2571 ถึงวันที่ 30พฤศจิกายน 2601) (“ระยะเวลาการเช่า”)และบริษัทฯ มีสิทธิต่อระยะเวลาการเช่าออกไปได้อีก 30 ปีนับจากวันครบกำหนดระยะเวลาการเช่า(ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2601 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2631) (รวมการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ ว่า “ธุรกรรม”)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับผู้ให้เช่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทฯ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547(รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (รวมเรียกว่า “ประกาศเรื่องรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์”) โดยมีขนาดรายการรวมสูงสุด เมื่อคำนวณตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน เท่ากับร้อยละ 31.7อ้างอิงตามงบการเงินฉบับสอบทานของบริษัทฯ สิ้นสุดณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567ซึ่งเป็นงบการเงินล่าสุดในวันที่คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำธุรกรรม
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนก่อนหน้าที่ผ่านมาและเมื่อรวมขนาดรายการของการได้มาซึ่งสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาดังกล่าวเข้ากับธุรกรรมของบริษัทฯ ตามที่ระบุไว้ข้างต้น จะทำให้ขนาดรายการรวมสูงสุดเท่ากับร้อยละ 33.5ธุรกรรมนี้จึงเข้าข่ายเป็นรายการประเภทที่2 เนื่องจากมีมูลค่าเท่ากับร้อยละ15 หรือสูงกว่าแต่ตํ่ากว่าร้อยละ 50 ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องเปิดเผยสารสนเทศเกี่ยวกับธุรกรรมดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”)และนำส่งสารสนเทศดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นภายใน 21 วันนับจากวันที่ที่มีการเปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามประกาศเรื่องรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย
ทั้งนี้การเข้าทำธุรกรรมข้างต้น ไม่เข้าข่ายเป็นการเข้าทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 21/2551เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ฝ่ายจัดการหรือบุคคลใดที่ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดการ ได้รับมอบอำนาจในการดำเนินการที่จำเป็นและเกี่ยวข้องเพื่อให้ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ รวมถึง (1) การเจรจา กำหนด เปลี่ยนแปลง แก้ไขรายละเอียด เงื่อนไข และขั้นตอนต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับธุรกรรม การลงนามในสัญญาข้อตกลง และเอกสารใด ๆ ที่จำเป็น (2) การลงนามในแบบคำขอ หนังสือคำร้อง และหลักฐานที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับธุรกรรม และ(3) การติดต่อ จดทะเบียน ขออนุญาตและผ่อนผันจากหน่วยงานรัฐบาลหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเช่น สำนักงานที่ดินที่เกี่ยวข้องของกรมที่ดิน รวมทั้งดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯภายใต้กรอบและหลักการที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัทฯ
อนึ่ง แม้ว่าคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำธุรกรรมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนของการทำรายการ และช่วงเวลาการเปิดเผยที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็น บริษัทฯ จึงยังมิได้เปิดเผยสารสนเทศเกี่ยวกับธุรกรรมดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯโดยทันทีภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ทั้งนี้ ปัจจุบันเมื่อข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำรายการอยู่ในภาวะแน่นอนในระดับหนึ่งแล้ว กล่าวคือ บริษัทฯ ได้มีการเข้าทำสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้ให้เช่าแล้ว บริษัทฯ จึงขอแจ้งให้ทราบถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำรายการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้