สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(19 พฤศจิกายน 2567)-------บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)SNPSผลิตและจำหน่ายสารสกัดสมุนไพรมาตรฐาน และการรับจ้างพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และสุขอนามัยภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (Original Design Manufacturer) รวมถึงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ (Original Brand Manufacturer)จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขาย จำนวน 105,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.93 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้สรุปราคาเสนอขายต่อประชาชนที่หุ้นละ 4.20 บาท
โดยระยะเวลาการเสนอขาย วันที่ 21-22 และวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น : ประเภทผู้ลงทุน จำนวนหุ้นที่เสนอขาย (หุ้น) สัดส่วนที่เสนอขาย(ร้อยละ)
1. เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 78,750,000 หุ้น 75.00
2. เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ไม่เกิน 14,950,000 หุ้น 14.24
3. เสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทฯ 800,000 หุ้น 0.76
4. เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ไม่เกิน 10,500,000 หุ้น 10.00
มูลค่าตามราคาบัญชี(Book Value) ณ วันที่ 30 ก.ย. 2567 : 1.43 บาทต่อหุ้น กรณีคำนวณจากมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (ไม่รวมส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม) ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งเท่ากับ 427.98 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญปัจจุบันก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 300 ล้านหุ้น มูลค่าตามราคาบัญชี(Book Value) หลังจ่ายเงินปันผล 1.38 บาทต่อหุ้น โดยคำนวณจากมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (ไม่รวมส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม) ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งเท่ากับ 427.98 ล้านบาท หักเงินปันผลจำนวน 15.26 ล้านบาท จะได้มูลค่าตามราคาบัญชีหลังปรับปรุงเท่ากับ 412.72 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญปัจจุบันก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 300 ล้านหุ้น
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานปี 2566 จำนวน 0.95 ล้านบาท และผลการดำเนินงานงวดหกเดือนแรกปี 2567 จำนวน 14.31 ล้านบาท รวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายทั้งสิ้นจำนวน 15.26 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 แล้ว โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 4.20 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 31.38 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 54.20 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้เท่ากับจำนวน 405 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.13 บาท ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินราคาหุ้นที่เสนอขาย จึงแสดงอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้แก่ บริษัท บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) (“APCO”) บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (“BLC”) บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) (“IP”) บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) (“MEGA”) บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“JSP”) และบริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) (“DOD”) อย่างไรก็ตาม บริษัทจดทะเบียนดังกล่าวประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และสุขอนามัย เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมนุไพร ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ เป็นต้น โดยไม่มีการผลิตและจำหน่ายสารสกัดสมุนไพรมาตรฐานที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และสุขอนามัยที่ครบวงจรเช่นเดียวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรง
ทั้งนี้ P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ตามที่กล่าวข้างต้น และ P/E Ratio ของหมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ (PERSON) ซึ่งเป็นหมวดธุรกิจที่บริษัทฯ จะเข้าไปจดทะเบียน ในระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 มีรายละเอียดดังนี้
บริษัท ลักษณะการประกอบธุรกิจ ตลาดรองที่จดทะเบียน / หมวดธุรกิจ ราคาเฉลี่ย
(บาทต่อหุ้น)1 P/E เฉลี่ย
(เท่า)
APCO ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากสารสกัดจากธรรมชาติ จากผลงานการวิจัยและพัฒนาของนักวิทยาศาสตร์ไทย SET /
ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 6.11 42.07
BLC ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ SET /
ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 5.19 19.80
IP พัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ SET /
ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 4.60 118.79
MEGA จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำระดับสากล ณ ปัจจุบัน MEGA เป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในประเทศกำลังพัฒนา ได้แก่ประเทศเมียนมาร์ เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งประเทศดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ MEGA มีการพัฒนา ผลิต ทำการตลาด และขายผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ยาตามใบสั่งแพทย์และผลิตภัณฑ์ยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สุขภาพภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We CareTM ของบริษัทผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของบริษัทและผู้จัดจำหน่ายภายนอกใน 35 ประเทศต่างๆ ทั่วโลก SET / พาณิชย์ 38.59 16.76
JSP พัฒนา ผลิตและจําหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวชภัณฑ์ และแอลกอฮอล์ทำความสะอาด ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ ลูกค้า และเครื่องหมายการค้าของบริษัท mai /
สินค้าอุปโภคบริโภค 2.20 N/A
DOD รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า mai /
สินค้าอุปโภคบริโภค 2.28 N/A
หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ (PERSON) 23.42
ที่มา: SETSMART
หมายเหตุ: 1 เป็นราคาหุ้นถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก คำนวณโดยใช้มูลค่าการซื้อขายหารด้วยปริมาณการซื้อขาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรูปแบบการประกอบธุรกิจและขนาดธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่แสดงในตารางอาจมีความแตกต่างกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและขนาดธุรกิจของบริษัทฯ อีกทั้งช่วงเวลาที่ใช้ในการคำนวณ P/E Ratio เป็นช่วงเวลาที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้โดยตรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ผู้ลงทุนควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการลงทุน
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์หลักในการใช้เงินสุทธิที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ดังนี้
วัตถุประสงค์การใช้เงิน จำนวนเงินโดยประมาณ(ล้านบาท) ระยะเวลาที่ใช้เงินโดยประมาณ รายละเอียด
1. เพิ่มเทคโนโลยีในการสกัดให้ได้สารสกัดสมุนไพรที่มีความบริสุทธิ์มากขึ้น (โรงงาน SNPS) 80-100 ภายในปี 2569 บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรใหม่ ต่อเติมและปรับปรุงอาคารโรงงานเดิมให้รองรับเครื่องจักรใหม่ดังกล่าว รวมถึงลงทุนในเครื่องตรวจวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อต่อยอดการสกัดสมุนไพรจากเครื่องจักรเดิมที่มีอยู่เพื่อให้สารสกัดสมุนไพรที่ได้มีความเข้มข้นและความบริสุทธิ์มากขึ้น ซึ่งเป็นสารสกัดระดับพรีเมี่ยมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยาและอาหาร
2. วิจัย พัฒนา และผลิตวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับยาพัฒนาจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาจากสมุนไพร และอาหารทางการแพทย์หรืออาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ 45-75 ภายในปี 2571 กลุ่มบริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาและผลิตวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับยาพัฒนาจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาจากสมุนไพร และอาหารทางการแพทย์หรืออาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ จำนวน 5 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลการย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการคลื่นไส้วิงเวียน เป็นต้น
3. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากกสถาบันการเงินของกลุ่มบริษัทฯ 130 ภายในปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ จะชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินด้วยเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
4. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ 120.54-165.54 ภายในปี 2568 -
รวม 420.54
สัดส่วนหุ้นของ "ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร" ที่ไม่ติด silent period:จำนวนไม่เกิน 39,750,005 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 9.81 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ (รวมจำนวนหุ้นที่ถือโดย รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ จำนวน 22,447,441 หุ้น และหุ้นที่ถือโดย ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ จำนวน 16,692,564 หุ้น) อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ และ ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ยินยอมให้หุ้น SNPS ที่ตนถืออยู่รวมจำนวน 39,140,005 หุ้น ถูกจำกัดการขายภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตามความสมัครใจของกลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าว
ปี 2563-2566 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 109.86 ล้านบาท จำนวน 166.99 ล้านบาท จำนวน 68.00 ล้านบาท และจำนวน 28.36 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 22.53 ร้อยละ 23.32 ร้อยละ 13.53 และร้อยละ 7.70 ตามลำดับ สาเหตุที่อัตรากำไรสุทธิในปี 2565 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นผลมาจากต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มจำนวนบุคลากรฝ่ายวิจัยและพัฒนาและฝ่ายบริหารระบบคุณภาพเพื่อเตรียมรองรับการขยายตลาด รวมถึงมีการจ้างพนักงานฝ่ายผลิตเพิ่มในระหว่างปี ในขณะที่การใช้กำลังการผลิตลดลงจากยอดขายที่ลดลงจึงทำให้ต้นทุนการผลิตคงที่ต่อหน่วยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างการจดจำของตราสินค้า “Wellnova” และการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโคลอชัวร์ รวมถึงการมีดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจากการเงินกู้ยืมระยะยาวจากบริษัทที่เกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับสาเหตุที่อัตรากำไรสุทธิปี 2566 ลดลงจากปี 2565 อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากต้นทุนการผลิตคงที่ต่อหน่วยเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากยอดขายที่ลดลงจากการคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตที่ลดลง นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีต้นทุนในการจัดจำหน่ายที่สูงขึ้นจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรครบถ้วนโคลอชัวร์ และยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการเตรียมความพร้อมในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น ค่าที่ปรึกษาทางการเงิน ค่าตรวจสอบระบบควบคุมภายใน และค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมการ
สำหรับงวดเก้าเดือนแรกปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 51.61 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 14.67 เพิ่มขึ้นจากงวดเก้าเดือนแรกปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 25.77 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 9.09 จากรายได้รวมและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ต้องไม่มีขาดทุนสะสม