Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

371

 

AT THE OPEN (#ATO)
SET Index สร้างฐาน
เลือกหุ้นที่กำไรยังมีแนวโน้มเติบโต


Market Strategy
SET Index สร้างฐานในกรอบ 1440-1460 จุด สภาพแวดล้อมในประเทศดีขึ้นบ้างจากสัญญาณบวกดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน กำไรบริษัทจดทะเบียนแรงกดดันจะค่อยๆเบาลง เหลือแต่ทิศทาง Fund Flow ของต่างชาติที่ยังเสี่ยงไหลออกหลังความเห็นของ FED ไม่เร่งลดดอกเบี้ย วันนี้เลือกหุ้นกำไรยังโตดี CENTEL TASCO

การรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดัชนี PPI เดือน ต.ค. ขยายตัว 2.4%YoY มากกว่าตลาดคาด 2.3%YoY และรายงาน Initial Jobless เพิ่มขึ้น 2.17 แสนตำแหน่งดีกว่าตลาดคาด 2.2 แสนตำแหน่งสะท้อนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในจุดที่ดี สอดรับไปกับความเห็นของประธาน FED ในงาน Economic Outlook วานนี้ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่ง ทำให้ FED ยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ยฯ ส่งผลให้ FEDWATCH Tool ปรับโอกาสลดดอกเบี้ย 25 bpsเดือน ธ.ค. เหลือ 59%จากวานนี้ที่ 80% กดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับลงราว -0.5% ถึง -0.6% Dollar Index แข็งค่าทำจุดสูงสุดรอบ 1 ปีและเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าใกล้แตะ 35 บาท/usd ซึ่งเป็นลบต่อทิศทาง Fund Flow

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. อยู่ที่ 56.0 ดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายและมาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาท เรามองสัญญาณบวกต่อภาคการบริโภคและแนวโน้มยอดขายกลุ่มค้าปลีกที่ดีขึ้นใน 4Q67 อีกทั้งในระยะสั้นเราเชื่อว่ายังได้ Sentiment บวกจากการเตรียมออกมาตรการกระตุ้นรอบใหม่ของรัฐบาลผสานความเสี่ยงต่อการถูกปรับลดกำไรของ Consensus ต่ำ เนื่องจากการรายงานงบ 3Q67 ที่ออกมาโดยรวมออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี จึงมองเป็นกลุ่มที่สามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดในช่วงที่เหลือของปี โดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่เรา แนะนำซื้อ CPALL CPAXT HMPRO COM7 และ CRC

 

Market Summary
SET Index ปรับลดเล็กน้อย 1.35 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้นเด่นโดยส่วนใหญ่จะได้แรงหนุนจากรายงานงบ 3Q67 ที่ออกมาขยายตัวได้ดีและ Outlook ในระยะถัดไปยังดีต่อ เช่นกลุ่มอิเล็คฯจาก CCET +22% กลุ่มค้าปลีก CRC +6.5% CPALL +2.4% กลุ่มไฟแนนซ์ TIDLOR +1.7% SAK +4.7% กลุ่มโรงพยาบาล PR9 +6% สวนทางหุ้นที่ผลประกอบการแย่กว่าตลาดคาดจะถูกกดดันหนัก เช่น HANA -13.6% BH -6.3% เป็นต้น


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CENTEL TASCO

TASCO
มีมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไร
4Q67 และ 2568
เรามีมุมมองเป็นกลางถึงบวกหลังการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ซึ่งผู้บริหารคาดตลาดในประเทศใน 4Q67 และ 1H68 จะดีต่อเนื่องจาก 3Q67 เนื่องจากงบประมาณปี 2568 ที่เพิ่มขึ้น  (แต่ก็ขึ้นกับการเบิกจ่ายของหน่วยงานรัฐบาลทำให้ปริมาณขายในประเทศ 4Q67 อาจจะชะลอตัวลงได้ถ้าการเบิกจ่ายล่าช้า)  ส่วนตลาดต่างประเทศ4Q67 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่นในหลายประเทศด้านราคาขายตลาดในประเทศและต่างประเทศยังยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
การตั้งสำรองขาดทุนด้านเครคิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 9M67 เท่ากับ 340 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้รับชำระเงินล้าช้า ผู้บริหารคาดจะมีการทยอยบวกกลับเข้ามาใน 4Q67 และ 1H68
เราคาดกำไร 4Q67 จะดีขึ้นได้ต่อและปี 68 จะเติบโตดี 17% YoY สู่ระดับ 2,561 ล้านบาท
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.50 บาท


CENTEL
งบดีกว่าคาด
(หายากในกลุ่มโรงแรมงวดนี้)
รายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 163 ล้านบาท (+121% YoY, -3% QoQ) หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรหลักจะอยู่ที่ 155 ล้านบาท (+110% YoY, -40% QoQ) ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดและเราคาดการณ์ไว้ที่ 13% และ 52% จากต้นทุนก่อนเปิดต่ำกว่าคาดและ EBITDA ของธุรกิจอาหารที่แข็งแกร่ง
กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY มาจากการขาดทุนที่ลดลงจากธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น EBITDA โรงแรมที่เพิ่มขึ้นจาก RevPAR ที่สูงขึ้นในกรุงเทพ และ EBITDA ธุรกิจอาหารที่เพิ่มขึ้น กำไรหลักที่ลดลง QoQ จาก EBITDA โรงแรมที่ลดลงซึ่งได้รับผลกระทบจากโรงแรมในญี่ปุ่นและมัลดีฟส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายก่อนเปิดโรงแรมในมัลดีฟส์
เราคาดว่ากำไร 4Q24 จะเติบโต YoY และ QoQ จากฤดูกาลท่องเที่ยวในไทย มัลดีฟส์ และญี่ปุ่น รายละเอียดเพิ่มเติมแนะนำติดตามหลังการประชุมนักวิเคราะห์ในวันนี้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 34.75 บาท


KEY FACTOR
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวขึ้นจากระดับ 55.3 ในเดือน ก.ย. สู่ระดับ 56.0 ในเดือน ต.ค. ขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน สะท้อนมุมมองต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วม และได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของต่างประเทศที่จะทยอยรายงานต่อจากนี้ นำโดย 1) ยอดค้าปลีก เดือน ต.ค. ของสหรัฐฯ (Consensus คาด +0.3% MoM) 2) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ต.ค. ของสหรัฐฯ (Consensus คาด -0.3% MoM) 3) ยอดค้าปลีก เดือน ต.ค. ของจีน (Consensus คาด +3.8% YoY เร่งตัวขึ้นจาก +3.2% YoY) และ 4) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ต.ค. ของจีน (Consensus คาด +5.6% YoY เร่งตัวขึ้นจาก +5.4% YoY) ซึ่งตัวเลขที่ดีขึ้นของจีน น่าจะช่วยให้ตลาดคลายกังวล ลงจากภาวะเศรษฐกิจที่กดดันในช่วงก่อนหน้า

ส่วนหุ้นไทยผ่านช่วงการรายงานงบฯ 3Q67 ซึ่งภาพรวมที่ออกมาต่ำกว่าคาด ถือเป็นปัจจัยที่กดดันในช่วงเดือนที่ผ่านมา และน่าจะหันมาให้น้ำหนักโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศช่วงปลายปี รวมถึงรอดูรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังที่จะเป็นของขวัญปีใหม่


EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
15 พ.ย. ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ และจีน

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้