"Selective Plays"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "แกว่งสร้างฐาน" ต้าน 1458/1463 จุด รับ 1443/1440 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งในกรอบ ดัชนี S&P500 ปิดทรง แม้เงินเฟ้อ CPI ต.ค. 24 ตามตลาดคาด +2.6%y-y, 0.2%m-m และตลาดส่วนใหญ่ยังเชื่อภาพ Fed จะปรับลดดอกเบี้ย ธ.ค.24 แต่เป็นที่น่าสังเกต US Bond Yield ปรับลงเฉพาะ 2 ปี ส่วน 10 ปีปรับขึ้น บ่งชี้ตลาดยังความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบนโยบายประธานาธิบดี Trump ต่อเงินเฟ้อ เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าเช้านี้แตะ 34.9 บาท มองจิตวิทยาลบต่อ SET แต่ภายในกำไร 3Q24 ยังมีพัฒนาการ หลังรายงานเพิ่มเป็น 415 บริษัท ระดับกำไรต่ำกว่าคาดทรงตัว -19.2% (vs วานนี้ -19%) โดยมีกำไรกลุ่ม Domestic เด่นกลบฝั่ง Global พลังงาน+ชิ้นส่วนทีต่ำคาด กอปรกับ สัญญาณชี้นำระยะถัดไปที่เป็นบวก อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก ต.ค. 24 สูงสุดในรอบเกือบ 1ปี , กระทรวงการคลังยืนยันพิจารณามาตรการกระตุ้นบริโภค หากการฟื้นตัวมีสัญญาณสะดุด มอง SET ประคองได้ หุ้นเด่น คือ หุ้น Domestic (ค้าปลีก ท่องเที่ยว ธนาคาร เช่าซื้อ) หุ้น China Plays (เก็งรายงานเศรษฐกิจพรุ่งนี้คาดเริ่มเห็นพัฒนาการบวก) และหุ้นเงินบาทอ่อนค่าหนุน (อาหาร, ชิ้นส่วน)วันนี้แนะ CPALL, IVL, SCB
Daily outlook: "แกว่งสร้างฐาน" ต้าน 1458/1463 จุด รับ 1443/1440 จุด
What happened around the world ?
(+)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้น แนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้น หลังรายงานเงินเฟ้อสหรัฐออกมา Dow jones +0.11%, ดัชนี S&P500 +0.02%, Nasdaq -0.23% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นหลักๆคือ Sector คือ Consumer discretionary , Energy, Real estate , Consumer Staples ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลง คือ ICT, IT ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Micro strategy -7.9%, Coin base global -10.7% หลังจากก่อนหน้าปรับขึ้นต่อเนื่องรับราคา Bitcoin ทำ All time high กลุ่ม Tech อาทิ Super micro computer -10% ,NVIDIA -1.3% , Meta -0.82% ฯลฯ
(*/+) US CPI : อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ต.ค. ออกมาตลาดที่คาด +2.6%y-y, +0.2%m-m (ใกล้เคียงกับ Top ranks คาดที่ 0.2%m-m และ 2.6%y-y) ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวจากเดือนก่อน 3.3%y-y, 0.3%m-m ตามที่ตลาดคาด หลักๆในงวดนี้เงินเฟ้อหมวดที่ชะลอตัวคือ กลุ่มพลังงาน น้ำมัน ชะลอ m-m ส่วนกลุ่มที่เพิ่มคือ อาหารและ หมวด Shelter +0.4%. KSS มองตลาดยังเชื่อภาพ Dot Plot ที่ Fed วางไว้ช่วงที่เหลือของปีนี้ ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะลดลงได้อีกราว -25 bps ในการประชุม Fed รอบสุดท้ายในเดือน ธ.ค. หากอิง Fed watch Tool ล่าสุดคาดโอกาสการลดดอกเบี้ยในรอบ ธ.ค. -25 bps โอกาสการลดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 80% จากวันก่อนหน้าที่ 53% สะท้อนมุมมองดอกเบี้ยขาลงจากตลาดยังคงเดินหน้าต่อ มองเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง และหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้าเน้น GULF กลุ่มการเงิน MTC กลุ่ม ICT (ADVANC) กลุ่มหนี้สูง CPALL, CPAXT
(*)Tension : สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนเปิดเผยว่า การที่สหรัฐฯ สั่งบริษัท TSMC ให้ระงับการจัดส่งชิประดับสูงให้กับลูกค้าชาวจีนบางรายนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สหรัฐฯ กำลังใช้ไต้หวันเป็นหมากในการสุมไฟความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน KSS ประเมินจะหนุนกระแสการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศในกลุ่ม TIPs รวมถึงไทยที่เป็นการทางการเมือง และมีความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน มองเป็นบวกต่อกลุ่มนิคม เน้น AMATA, WHA
(*/+)Vietnam : สมัชชาแห่งชาติเวียดนาม ตั้งเป้าการเติบโต GDP Growth ปี 2025 ที่ 6.5-7% เร่งขึ้นจากปี 2024 คาดโต 6.0%y-y และ 2023 โต 5.1% KSS ประเมินหากรัฐบาลเวียดนามต้องการให้เศรษฐกิจโตตามเป้า คาดจะต้องเดินหน้าออกมาตรกากระตุ้นการเงินการคลังเพิ่ม มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจในเวียดนาม อาทิ SNNP, CPF
(*) To monitor: ฝั่งสหรัฐ 14 พ.ย. นาย Powell จะกล่าวสุนทรพจน์งานเสวนาที่จัดขึ้นที่ รัฐ Texas เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย คาดจะส่งสัญญาณทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน และ PPI เดือน ต.ค. 15 พ.ย. ดัชนีค้าปลีก ต.ค. คาด +0.3%m-m vs prev. +0.4%m-m, ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาด -0.2%m-m vs prev. -0.3%m-m ยุโรป 14 พ.ย. GDP Growth ยุโรป 3Q24 ตลาดคาด 0.9%y-y, 0.4%q-q ฝั่งจีน 15 พ.ย. ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ต.ค. คาด ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม +5.5%y-y vs prev. +5.4%y-y, ดัชนีค้าปลีก คาด +3.8%y-y vs prev. +3.2%y-y, การลงทุนสินค้าค้าทน คาด +3.5%ytd y-y vs prev. +3.4%ytd y-y, การลงทุนภาคอสังหา คาด -9.9%ytd y-y vs prev. -10.1%ytd y-y
(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐอิงอายุ 2 ปีปรับลง -6 bps อยู่ที่ 4.28% แต่อายุ 10 ปี ปรับขึ้น +2 bps อยู่ที่ 4.45% ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) มองเป็นจิตวิทยาบวกหนุนต่อกลุ่มประกันชีวิต อาทิ BLA, TLI. กลุ่มธนาคาร KBANK, KTB ส่วน Dollar Index แข็งค่ามาที่ 106.4 จุด(ระดับการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 เดือน) ประเมินหนุนค่าเงินสกุลเอเชียอ่อนค่า เป็นปัจจัยลบต่อ Fundflow
(*) Oil : ราคาน้ำมันดิบยังแกว่งตัวออกข้าง แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาลง อิง น้ำมันดิบ Brent +0.54%d-d ปิดที่ USD 72.28/barrel. น้ำมันดิบ West Texas -0.53%d-d ปิดที่ USD 68.07/barrel
(*) Natural Gas : ก๊าซธรรมชาติ NYMEX +2.61%d-d และ +13%mtd ปิดที่ USD2.983/MMBtu ปรับขึ้นแรงและยังเป็นขาขึ้นจากในฝั่งสหรัฐ คาดการณ์อากาศในหน้าหนาวปี 2024 ช่วง 4Q24 จะหนาวกว่าปีก่อนหนุน Demand การใช้ก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ มองเป็นบวกต่อหุ้นที่มีรายได้เป็นก๊าซ อาทิ BANPU
What happened in Thailand?
(*/-) SET : SET Index ปรับขึ้น +6.4 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 1,451.47 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) มองเงินบาทอ่อนค่า+รายงานยอดขาย ต.ค. 24 เร่งขึ้นหนุน กลุ่ม ร.พ. (BDMS, BH) BDMS รายงานกำไร 3Q24 ดีตามคาด หลังถูกลดสถานะช่วงก่อนหน้า จากความกังวลอาจชะลอตาม BH กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, GULF) ราคาน้ำมันไม่เด่นกดดันกลุ่ม PTT ส่วน GULF มอง Yield เร่งขึ้น+เงินบาทอ่อนค่าถ่วง กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC) มองแรงขายทำกำไรหลังเก็งเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนไปแล้ว ขณะที่กำไรยังฟื้นไม่เร็ว
(*/+) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด (13 พ.ย.2024) ไหลเข้า ซื้อหุ้น +4.8 ล้านเหรียญฯ เป็นการซื้อต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ขณะที่ซื้อพันธบัตร +12.5 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long 10,172 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าสู่ 34.9 บาท
(*/+) Thai Industrial Sentiment: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ต.ค. 24 อยู่ที่ 89.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 87.1 ใน ก.ย. 24 เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย ขณะที่ภาครัฐเร่งฟื้นฟูและเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชน รวมถึงโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ส่งผลดียอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์การเกษตร และปุ๋ยเคมี มองบวกต่อหุ้น Domestic ค้าปลีก เน้น CPALL, BJC, HMPRO เช่าซื้อ MTC ธนาคาร KBANK, KTB สื่อสาร ADVANC
(*/+) Infrastructure: รมว. คมนาคม เปิดเผยยังอยู่ระหว่างเร่งผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทันภายในปีนี้ เพื่อเป็นส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นเม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจ โดยเบื้องต้นจะเสนอ 4 โครงการลงทุนที่มีความพร้อม วงเงินลงทุนรวมกว่า 1.24 แสนล้านบาท พร้อมเสนอ ครม. ภายในปีนี้ และเราคาดประมูลได้ปีหน้า 1.) รถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสีแดง (รังสิต - ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต) 2.) รถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสีแดง (ศิริราช - ตลิ่งชัน - ศาลายา) 3.) ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน 4.) มอเตอร์เวย์ ช่วงบางขุนเทียน – บางบัวทอง โดยรวมมองเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา อาทิ CK, STEC
(*/+) Fiscal Policy: รมว. คลัง ล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ Navigating Economic Challenges : The Future of Fiscal Policy เน้น 2 ประเด็นเรามองยังสร้างความคาดหวังบวกต่อเศรษฐกิจไทย
1.) ให้ความสำคัญกับระดับการลงทุนของประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้น หลังปีที่ผ่านมาการลงทุนลดลงเหลือไม่ถึง 20% ของ GDP จากก่อนหน้านี้ที่ 40% ของ GDP เพื่อสร้างการเติบโตเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว เราประเมินน่าจะนำมาสู่ภาพ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่รัฐฯ +เอกชน ทั้งจากเม็ดเงินในและนอกประเทศที่เร่งปรับลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรค เช่น กฎระเบียบรัฐฯ, ต้นทุนพลังงาน เราโครงการที่อยู่ในแผนรัฐบาลจะเร่งขึ้น อาทิ การอนุมัติ Mega Projects, Entertainment Complex, Data Center รวมถึงการดึงอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเป็น S Curve ใหม่ๆ เข้ามา อาทิ Semi-Conductor เกษตร+เทคโนโลยีชีวภาพ การบิน+อวหาศ แนวทางดังกล่าวหนุนจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มได้ประโยชน์หากเม็ดเงินลงทุนมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่อง นิคม (WHA, AMATA)
2.) ตามที่รัฐบาลจะนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พ.ย.67 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานนั้น ที่ประชุมจะมีการหารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายเรื่อง เช่น การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้เดิม (เน้นการกระจายภาระหนี้ออกไป แต่ยอดหนี้ไม่เปลี่ยนแปลง) เรามองหนุนหุ้นกลุ่ม Domestic ค้าปลีก CPALL, BJC, CRC, HMPRO เช่าซื้อ MTC, SAWAD ธนาคาร เน้น KBANK, KTB
(++) RSI: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) ต.ค. 24 ปรับเพิ่ม m-m และสูงกว่าระดับ 50 ครั้งแรกในรอบเกือบ 1ปี โดยความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นในทุกประเภทร้านค้าและภูมิภาค รวมถึงความเชื่อมั่นในช่วง 3 เดือน เรามองบวกต่อหุ้นค้าปลีกที่ยังอยู่ในโซนฐาน เน้น CPALL, BJC, CRC, HMPRO
(*/+) TH Tourism: นิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของโลก Travel + Leisure ล่าสุดมีการจัดลำดับกรุงเทพ และ เชียงใหม่ เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว Top 10 ของเอเชีย โดยจุดน่าสนใจอยู่ที่ทั้ง 2 จังหวัดอยู่ในลำดับที่ 4 และ 5 เหนือกว่า เมืองยอดนิยมอย่าง กรุงโตเกียว รวมถึง กรุงโซล มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ
(*/+) TH Earning: อิง Bloomberg ปัจจุบัน บจ. รายงานกำไรแล้วทั้งสิ้น 415 บริษัท (vs วันทำการล่าสุด 305 บริษัท) กำไรต่ำกว่าคาด -19.3% VS วันทำการล่าสุด -19% ภาพทรงตัวสะท้อนกำไรกลุ่ม Global Plays PTT และ SPRC รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนที่ต่ำกว่าคาดชดเชยได้จากหุ้น Domestic ที่ทยอยฟื้นตัวได้ดี และหดตัว -29%y-y (VS วันทำการล่าสุด -32%y-y) โดยล่าสุดกลุ่มที่รายงาน
- งบดีกว่าตลาดคาด ได้แก่ CRC (86%y-y, 28%q-q) SJWD (8%y-y, 42%q-q) SIRI (-6%y-y, -16%q-q) TNP (41%y-y, 12%q-q) BEM (10%y-y, 6%q-q) GUNKUL (-18%y-y, -18%q-q) KCG (39%y-y, -19%q-q) TAN (5%y-y, 41%q-q) TKN (-37%y-y, -50%q-q) MAGURO (54%y-y, 127%q-q)
- งบตามตลาดคาด ได้แก่ CPALL (27%y-y, -18%q-q) SAWAD (-6%y-y, 3%q-q) MASTER (10%y-y, 5%q-q) DIF (0.1%y-y, 0.8%q-q) TVO (74%y-y, -21%q-q) MEB (13%y-y, -4.5%q-q) TFG (พลิกกำไร y-y, 47%q-q)
- งบแย่กว่าตลาดคาด ได้แก่ PTT (-48%y-y, -54%q-q) SVI (-40%y-y, -72%q-q) HANA (-45%y-y, 8%q-q) CCET (86%y-y, -8%q-q) OSP (พลิกขาดทุน y-y, q-q) SPRC (พลิกขาดทุน y-y, q-q) EGCO (4%y-y, 77%q-q)
- ไม่มีคาด ได้แก่ THG (พลิกขาดทุน y-y, q-q) MALEE (551%y-y, -40%q-q) AMARC (178%y-y, 98%q-q) INET (42%y-y, 21%q-q) SFLEX 75 (54%y-y, 16%q-q FSMART 115 (67%y-y, 14%q-q)
ส่วนหุ้นหลักที่คาดจะรายงานกำไรวันนี้ ได้แก่ ERW CENTEL CPF SAPPE ORI LH BCH GULF AMATA CK CPN เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโอกาสรายงานกำไรออกมาดี GULF CPF AMATA (หุ้นสะท้อนความเสี่ยงกรณีผลประกอบการ AMATAV พลิกขาดทุนไปแล้ว)
(*/+) To Monitor: ปัจจัยภายในสัปดาห์นี้ติดตาม 14 พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 24 ไม่มีคาด และโค้งสุดท้ายรายงานกำไรงวด 3Q24 โดยรายงานสำหรับ 3Q24 จะสิ้นสุดช่วงเช้า 15 พ.ค.
Daily Strategy : CPALL, IVL, SCB เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "ช่วงสร้างฐาน" แม้ปัจจัยเป็นกลาง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าตลาดยังดูกังวลต่อผลกระทบนโยบายคุณ Trump อยู่ อย่างไรก็ดี ในทางจิตวิทยาบวกจะเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร ซึ่งภายในมีปัจจัยบวกในการฟื้นตัวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯเป็นแรงหนุนเพิ่ม รวมถึงกลุ่มเงินบาทอ่อนค่าหนุนจิตวิทยาลงทุน ขณะที่อีกกลุ่มคาดจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามา คือ ฝั่ง China Plays ที่คาดเริ่มเห็นพัฒนาการรายงานเศรษฐกิจ ขณะที่ภายใน สัญญาณฟื้นตัวกลุ่ม Domestic ดูดีขึ้นจากกำไรช่วง 3Q24 และมีสัญญาณเร่งต่อในช่วงปลายปี ทั้งจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ผสาน ความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการภาครัฐฯ โดยรวมมองหุ้นนำวันนี้ หุ้น Domestic (ค้าปลีก ท่องเที่ยว ธนาคาร เช่าซื้อ) หุ้น China Plays (เก็งรายงานเศรษฐกิจพรุ่งนี้คาดเริ่มเห็นพัฒนาการบวก) และหุ้นเงินบาทอ่อนค่าหนุน (อาหาร, ชิ้นส่วน)
หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT
กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP
กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย
กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)
กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA
หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, TU, CPF, STA, STGT,. SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, CPAXT)
• NOV24 Best Picks : ADVANC, BJC, BTS, GULF, GPSC, IVL, ADVICE
• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
• Strategy Update : US Trump President
Donald Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 60 ครองเสียงสภาบน - สภาล่าง โดยนโยบายเน้น American First ลดภาษี Corporate Tax, กีดกันการค้า, สนับสนุนอุตสาหกรรมฟอสซิลและหนุนการขุดเจาะน้ำมัน ฯลฯ
KSS ประเมินระยะสั้น 1.)ผลกระทบ Dollar Index ที่แข็งค่ามาล่วงหน้ามาแตะ 105.3/105.85จุด คาดจะเริ่มถูกขายทำกำไรและอ่อนค่าลงรับการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของ Fed ภายในปีนี้ 2.)เงินบาทที่อ่อนค่ามาแตะ 34.15/34.4บาทต่อเหรียญฯ จะกลับมาแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ 3.)Bond Yields 10ปี สหรัฐฯ จะติดแนวต้าน 4.5% แล้วมีแรงซื้อกลับ กด UST ลดระดับลง 4.)ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง EMs จะสลับกันขึ้น โดยมีกลุ่มประเทศ TIPs เด่น จากสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 2-3% ตอบรับ US Rally ในช่วงที่เหลือของปี กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น ตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2024 เดินหน้าแตะเป้าหมาย SET สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด ได้เป็นอย่างน้อย แนะนำกลุ่มหุ้นเด่น 4Q24F : AOT, GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, KTB, ADVANC, HMPRO
ระยะกลาง – ยาว เน้นที่หุ้นได้ประโยชน์จาก นโยบายของ TRUMP 2.0 1.) กลุ่มนิคม AMATA, WHA 2.)กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP 3.)ส่งออกอาหาร ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่ากว่าสมมติฐานเดิมและได้ประโยชน์จากการโยก Order เน้น TU (ได้ประโยชน์จากนโยบายลด Corporate Tax), CPF ยาง เน้น STA, STGT (จากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางจากจีน คาดจะหนุนยอดส่งออก) 4.)Domestic อาทิ กลุ่มธนาคาร (SCB, KBANK, KTB), ค้าปลีก (CPALL, BJC, HMPRO) สื่อสาร(ADVANC) Utilities(GULF, GPSC)
• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays
ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)
ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร
กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย
o หุ้น China play IVL, AU
o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF
o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS
o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI
〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI
• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7
ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)
• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)
• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS
• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF
• Strategy Update : Data Center
กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP
มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)
Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE
• CPALL (Buy, TP-80): In 3Q24, CPALL reported net profit of THB5.6b (+27% yoy and -10% qoq) that was in line with Bloomberg consensus. Excluding the non-core items of THB554m (largely FX loss and amalgamation fees for CPAXT), the core profit was THB6.2b (+45% yoy and flat qoq), beating our expectation by 6%. The good profitability was underpinned by the good same-store sales growth (SSSG) of 3.3% in the CVS segment as well as overall 0.9ppt gross margin improvement (to 22.7%) from: 1) improving fresh food product mix at the wholesale and retail units and 2) raising the non-food (especially personal care) gross margin at the CVS. We maintain BUY, TP80 and all estimates.
• CRC (Buy, TP-35): We resume coverage with BUY, TP THB35. In 3Q24, CRC reported net profit of THB2.2b (+96% yoy, +34% qoq) that was 57% above Bloomberg consensus. However, stripping out the non-core items, core profit was THB1.85b (+39% yoy, +15% qoq). While revenues increased 6% yoy, core profit increased 39% yoy owing largely to lower SG&A to total sales by 1.4ppt (to 27.8%) yoy as the company focused more on leaning its operations.. We like CRC's diversified retailing business in Thailand, Vietnam and Italy and its undemanding valuation of 19.5x 2025F P/E, especially in light of the better same-store sales trend in 4Q24. Hence, our BUY recommendation.
• SAWAD (Trading Buy, TP-42): เรามีมุมมอง neutral ต่อกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1,301 ลบ. ใกล้กับเราและตลาดคาด โดยกำไรลดลง -6% y-y เพิ่มขึ้น +3% q-q ตามทิศทางของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก PPOP เพิ่มขึ้น +3% y-y จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ และการลดลงของขาดทุนรถยึด ขณะที่ลดลง -1% q-q จากการลดลงของ NIM ทังนี้เราชอบ SAWAD มากขึ้น เพราะเราเห็นการพัฒนาการทางด้านบวกในด้านคุณภาพสินทรัพย์ และกำไรสุทธิ 2025F คาดกลับมาเติบโต +10% y-y นอกจากนั้นราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับลง จนทำให้ราคาเป้าหมายของเรากับราคาตลาดมี upside มากขึ้น ดังนั้นปรับคำแนะนำเป็น TRADING BUY
• BH (Trading Buy, TP-260): เรามีมุมมอง Slightly negative ต่อข้อมูลจากการประชุมกับ BH เนื่องจาก 1) กังวลต่อการลดลงของลูกค้ากลุ่มตะวันออกกลาง และการแข่งขันสูงขึ้นในกลุ่ม CLMV 2) ทิศทาง 4Q24F รายได้ยังไม่ฟื้น ทำให้เน้นบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง เราปรับกำไรสุทธิปี 24F-26F ลง -2%-3% สะท้อนผลกระทบลูกค้าต่างชาติที่มีประเด็นเฉพาะตัว รวมทั้งปรับ TP25F ลงเป็น 260 บาท (เดิม 290 บาท) แนะนำ Trading Buy สำหรับ BH
4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point
Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO
Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA