สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(12 พฤศจิกายน 2567)--------นาย สุรินทร์ ประสิทธิ์หิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน)RJH เปิดเผยว่า รายได้จากกิจการโรงพยาบาล

รายได้จากกิจการโรงพยาบาล ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 793.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญจากไตรมาสก่อน 14% และ เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับไตมาสเดียวกันของปีที่ก่อน
อัตราส่วนรายได้จากการรักษาพยาบาลทั่วไป ต่อ รายได้จากประกันสังคมอยู่ที่ 48:52 แสดงถึงสัดส่วนรายได้จากประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น รายได้จากการรักษาพยาบาลทั่วไป 384.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตร มาสเดียวกันของปีก่อน การเติบโตของรายได้มาจากทั้งรายได้จากผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน

รายได้ผู้ป่วยนอกมีจํานวน 186.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน จํานวนผู้ป่วยนอกอยู่ในระดับ 86,200 คนเติบโตประมาณ 8% เมื่อเปรียบเทียบกับทั้งไตรมาสก่อน และปีก่อน ส่วนรายได้ต่อ ผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 2,160 บาท รายได้ผู้ป่วยใน 198.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับทั้งไตรมาสที่แล้วและปีก่อน การเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเป็นผลจาก จํานวนวันนอนที่เพิ่มขึ้น 21% สู่ระดับ 9,600 วัน ส่งผลให้ วันนอนเฉลี่ยต่อคนไข้ เพิ่มจาก 2.6 วันเป็น 2.75 วัน อย่างไรก็ตาม รายได้ ต่อวันนอนในไตรมาสนี้ประมาณ 20,700 บาท ลดลง 7% เนื่องจาก สัดส่วนคนไข้ที่ไม่มีการทําหัตถการลดลง ในทางตรงข้าม การ เพิ่มขึ้นของรายได้ผู้ป่วยในเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจาก รายได้ต่อวันนอนที่เพิ่มสูงถึง 43% ขณะที่จํานวนวันนอนกลับลดลง 22% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน

สําหรับผู้ป่วยในมีอัตราการครองเตียง (รวมทุกประเภท) อยู่ที่ 65% เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนแต่ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ การ admit ของผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนรายได้ประกันสังคมมีทําสถิติสูงสุด โดยมีจํานวน 409.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและ 52% เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การเพิ่มขึ้นเป็นผลจากจํานวนเคสซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้การรักษาโรคซับซ้อน (Adjusted RW) และเวชภัณฑ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มีรายการปรับปรุงรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้ประกันสังคมโรคเรื้อรังปีก่อนที่บันทึกต่ําไป จํานวน 11
ล้านบาท

ผู้ประกันตนของทั้งกลุ่มเฉลี่ยในไตรมาสนี้ อยู่ที่ประมาณ 213,800 ราย เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 คนเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 2,500คนเมื่อเทียบกับปีก่อน

รายได้อื่น

กลุ่มบริษัทมีรายได้อื่นที่ไม่ได้มาจากกิจการโรงพยาบาลรวมอยู่ที่ 8.78 ล้านบาท ลดลงถึง 20% จากไตรมาสก่อน และ 25%จากไตร มาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก เงินสนับสนุนจากบริษัทยาและเวชภัณฑ์ลดลง ต้นทุนในการประกอบกิจการโรงพยาบาล

ในไตรมาสนี้ทางกลุ่มบริษัทมีต้นทุนอยู่ที่ 487.42 ล้านบาท มีอัตรากําไรขั้นต้น 39% ของรายได้ อัตรากําไรขั้นต้นโดยปกติอยู่ที่ระดับ อัตรากําไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ โดยเฉพาะรายได้ประกันสังคม ขณะที่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี สัดส่วนต้นทุนคงที่ต่อรายได้ ได้แก่ ต้นทุนพนักงาน ค่าแพทย์ ค่าเสื่อมราคา ลดลง

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร

ค่าใช้จ่ายบริหารในไตรมาสนี้อยู่ที่ 90.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 9% และ 69% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปีก่อนตามลําดับ ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 1/2567 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม กําหนดว่าบริษัทที่สนับสนุนสถานพยาบาลของรัฐ เช่น ค่าใช้จ่ายสนับสนุนเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าก่อสร้างหรือปรับปรุงห้องตรวจหรือ ห้องพักผู้ป่วย เป็นต้น (เรียกว่า รายการลงทุน) จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี จํานวนเงินไม่เกิน ร้อยละ 200 ของจํานวนเงินลงทุนที่ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน บริษัทได้ส่งแผนการลงทุน (สนับสนุนเครื่องมือแพทย์) จํานวนเงินรวม 64 ล้าน บาท และ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้อนุมัติยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจํานวนรวม 128 ล้านบาท สําหรับระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 9 กค 2567

ในไตรมาสนี้ บริษัทได้สนับสนุนเครื่องมือแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลของรัฐไปแล้วเป็นจํานวนเงิน 26.66 ล้านบาท ซึ่งจํานวนเงินดังกล่าว บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายบริหารในไตรมาสนี้ ขณะเดียวกันสิทธิประโยชน์ทางภาษีเนื่องจากรายการสนับสนุนนี้รวม 49.83 ล้านบาท (2 เท่า ของ 26.66 ล้านบาท หักภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้ถูกตัดจําหน่ายสําหรับภาษีเงินได้ช่วง 10 กค.-30 กย. 2567 เป็นจํานวนเงิน 39.94 ล้าน
บาท

แม้ว่าไตรมาสนี้จะมีค่าใช้จ่ายบริจาคดังกล่าวข้างต้น แต่เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายบริหารกับไตรมาสก่อนกลับเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจาก มีรายการค่าใช้จ่ายที่เกิดจากปรับปรุงรายได้ประกันสังคมของปีก่อนมาบันทึกในปีนี้ อัตราจ่ายของสํานักงานประกันสังคม สําหรับ รายได้การรักษาโรคซับซ้อน (Adjusted RW) ได้ถูกปรับลดลง 4,800 บาทต่อแต้ม สําหรับคนไข้ที่ discharge ในช่วงเดือน พย.-ธค. 2566 ผลกระทบดังกล่าวถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายบริหารในไตรมาสก่อนจํานวน 21.9 ล้านบาท

กําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา

ในส่วนกําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA” ไม่รวมรายได้อื่น) มีจํานวน 253.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาส ก่อน และ 39% จากปีก่อน โดยมีอัตรา EBITDA ประมาณ 32% ขยายตัวเพิ่ม 2% อัตราที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากรายได้ที่เติบโตดี

ต้นทุนทางการเงิน

ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 8.30 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีก่อน เพิ่มเป็น 13.92 ล้านบาทไตรมาสนี้ เนื่องจากจํานวนเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นเพื่อลงทุนโครงการใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลราชธานีหนองแค โรงพยาบาลรังสีรักษา ตลอดจนที่ดินสําหรับโรงพยาบาลบ่อวิน และโรงพยาบาลราชธานี ร่มเกล้า

กําไรสุทธิ
กําไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 213.75 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ 27% ปรับตัวดีขึ้นทั้งจํานวนเงินและอัตรากําไรสุทธิ อันเป็นผลมา จากรายได้ที่เติบโตดีขึ้น ตลอดจนผลประโยชน์ทางภาษี BOI

อย่างไรก็ตาม งบรวม ไตรมาส3/67 กำไรสุทธิ 213.67 ล้านบาท เทียบปีก่อน กำไรสุทธิ 120.52 ล้านบาท