Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

696

 

"China Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "พยายามตั้งฐาน" ต้าน 1473/1487 จุด รับ 1460/1450 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นแรงรับประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ คือ Donald Trump (นโยบายเน้น American First ลดภาษี Corporate Tax ฯลฯ) และครองเสียงทั้งสภาบนและสภาล่าง ประเมินระยะสั้น Dollar ที่แข็ง, เงินบาทที่อ่อน, Bond Yields ที่ปรับขึ้นมา แต่มองระยะกลาง - ยาวมีโอกาสปรับลงมารับการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของ Fed ภายในปีนี้ (ประชุม Fed รู้ผลเช้าวันที่ 8 พ.ย.คาดจะลดดอกเบี้ย 25 bps) ผลกระทบต่อตลาดหุ้นกลุ่ม TIPs เด่น จากสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 2-3% ตอบรับ US Rally ในช่วงที่เหลือของปี ส่วนภายในยังมีสัญญาณบวกจากมุมมองดอกเบี้ยไทยเป็นแนวโน้มขาลง หลังรายงานเงินเฟ้อไทยเดือน ต.ค. ออกมาต่ำคาด และต่ำกว่ากรอบ 1-3% ของ ธปท. และกกร . ปรับเพิ่ม GDP Growth ปั 2024 2.6-2.8% (เดิม 2.2-2.7%) โดยรวมยังคงมุมมอง SET Index เดือน พ.ย. - ธ.ค. 2024 เดินหน้าแตะเป้าหมาย SET สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด ประเมินหุ้นนำตลาดคือ กลุ่มพลังงาน, ธนาคาร ส่งออก(ยาง +3% เงินบาทอ่อน) กลุ่มอิงภายในวันนี้แนะ LF IVL PTTGC

 

 


Daily outlook: "Sideway/up" ต้าน 1478/1487 จุด รับ 1460/1450 จุด

What happened around the world ?

(+)US Stocks:ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีปรับขึ้นทำระดับ All time high รับ Fed ลดดอกเบี้ยลงตามคาด และประธานาธิบสหรัฐคนใหม่ Donald Trump นโยบายเน้น American First แม้ Dow jones ปิดทรงตัว(จาก American Express -2.8%, JPmorgan -4.3%, Amazon +1.5%, Apple +2%) , ดัชนี S&P500 + 0.7%, Nasdaq +1.5% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นหลักๆคือ Sector ICT, IT, Consumer discretionary ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลง คือ Financial, Industrials, Energy หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยลง คือ กลุ่ม Tech อาทิ Meta +3.42%, Microsoft +1.25%, Micro Strategy +5.04%รับราคา Bitแoin All Time high ฯลฯ

(*) Fed Meeting : ผลประชุม Fed ตามที่คาด คือปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง -25 bps เหลือ 4.5-4.75% (ตามคาด Inline หนุนจากมุมมอง เงินเฟ้อใกล้เข้าสู่กรอบที่วางไว้ 2% โดยประธาน Fed Powell ให้ความเห็นต่อการประชุม รอบ ธ.ค. (อิง Dot plot คาดจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งราว 25 bps อยู่ที่ 4.25 -4.5% ) กล่าวคือ Powell ยังไม่มีการตัดสินใจต่อการดำเนินนโยบายการเงิน แต่ท่ามกลางความไม่แน่นอนมนอนาคต พร้อมจะปรับนโยบายให้เหมาะสม

US Econ : 1.) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Initial Jobless Claims) + 3 พันรายจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 2.21 แสนราย VS. ต่ำค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์อยู่ที่ 2.26 แสนราย (อิง MUFG ทำการศึกษา initial jobless claims ที่เพิ่มขึ้นเกิน 5 หมื่นราย มักเป็นสัญญาณของเศรษกิจถดถอย และจากการศึกษาความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง)

(+) China Export : จีนรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค. โต +12.7%y-y สูงกว่าคาดระดับ +5.0%y-y เร่งขึ้นจากเดือนก่อน +2.4%y-y ขณะที่ตัวเลขนำเข้าหดตัว -2.3%y-y ต่ำกว่าคาด -1.5%y-y และชะลอลงจากเดือนก่อน +0.3%y-y ส่งผลให้ในภาพรวมจีนเกินดุลการค้า 95.27 พันล้านเหรียญ ในเดือน ต.ค. แนะนำติดตามการแถลงนโยบายหลังการประชุม NPC คาดว่าจะมีการแถลงข่าวในวันนี้ คาดมีโอกาสเห็นแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในช่วงที่เหลือของปี และปี 2025 ผ่านทาง 1) การบริโภคภายในประเทศ 2) ภาคอสังหา 3) การเสริมสภาพคล่องให้กับรัฐบาลท้องถิ่น 4) การเสริมความเชื่อมั่นตลาดทุน โดยเราคาดหวังเม็ดเงินรวมราว 4 – 10 ล้านล้านหยวน (5-10%ของ GDP จีน) มองเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นจีนบวกแรง Shanghai Composite +2.57% และ Hang Seng +1.93% ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนเรามองเป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC , IVL , PTTGC

(+) Trade Tension: รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันระบุไต้หวันจะช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ของไต้หวันในการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากกำแพงภาษีขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเป็นอัตรา 60% เป็นอย่างน้อย (ที่มา: รอยเตอร์, ประชาชาติธุรกิจ) การประกาศดังกล่าวของไต้หวันสะท้อนถึงความวิตกต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของTrade war เราคาดประเทศต่างๆ ที่มีฐานการผลิตในจีนจะดำเนินการเดียวกับไต้หวันเป็นโอกาสของไทยที่จะได้ประโยชน์จากเทรนด์ของการย้ายฐานการผลิตดังกล่าว เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มนิคมฯ Top Pick คือ AMATA , WHA

(*) To monitor ฝั่งสหรัฐ 13 พ.ย. เงินเฟ้อ เดือน ต.ค. 14 พ.ย. PPI เดือน ต.ค. ยุโรป 14 พ.ย. GDP Growth ยุโรป 3Q24 ตลาดคาด 0.9%y-y, 0.4%q-q

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ พลิกลงรับ Fed ลดดอกเบี้ย ฯลฯ อายุ 2 ปี ปรับลง -7 bpsอยู่ที่ 4.18% และอายุ 10 ปี ปรับลง - 9bps อยู่ที่ 4.31% ส่วน Dollar Index อ่อนค่าแรงลงมาที่ 104.2 จุด ประเมินหนุนค่าเงินสกุลเอเซียมีแนวโน้มแข็งค่า เป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow เข้าเอเซีย

(-)Oil น้ำมันดิบปรับขึ้น Brent +0.88%d-d ปิดที่ USD 75.58/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.93%d-d ปิดที่ USD 72.36/barrel แรงหนุนจาก Dollar ที่อ่อนค่า ผสานกับ Supply ที่หายไประยะสั้นในสหรัฐ หลังจากสำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (BSEE) รายงานว่า การผลิตน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ กว่า 22% หรือประมาณ 391,214 บาร์เรล/วันได้ถูกระงับ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Rafael

(+) World Container Index (WCI) : WCI พลิกปรับขึ้น 2 สัปดาห์ติด สัปดาห์ล่าสุด +7%w-w อยู่ที่ 3444 เหรียญต่อ 40 ft และปรับขึ้นเกือบทุกเส้นทางเรือ แรงหนุนหลักๆมาจากความตึงเครียดในตะวันออกลางสัปดาห์ก่อนที่มีการโจมตีกันทางอากาศ ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้) ยังแนะนำเพียง ชะลอการลงทุน

 

What happened in Thailand?

(+/-) SET : SET Index +2.3 จุด (+0.16%) ปิดที่ระดับ 1,470 จุด ดัชนีผันผวนในกรอบแคบตลาดอยู่ในโหมดย่อยข้อมูลและปรับสถานะจากนโยบายของ โดนัล ทรัมป์ นักลงทุนเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายของทรัมป์ (กลุ่มนิคมฯ, ธนาคาร), หุ้นเข้า MSCI รอบใหม่ (CCET) และหุ้นที่คาดว่าจะได้ปรับน้ำหนักใน MSCI เพิ่ม (ADVANC INTUCH GULF) อย่างไรก็ตามดัชนีปิดบวกจำกัด เนื่องจากมีแรงฉุดจากหุ้นที่เสียประโยชน์จากนโยบาย (ไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า), หุ้นที่ถูกปรับออกจาก MSCI (SCGP, TQM) ปิดท้ายกับราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลร่วงแรงผิดหวัง BH แจ้งงบ 3Q24 ต่ำคาด

(-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด (7 พ.ย.2024) ไหลออก ขายหุ้น -50.87 ล้านเหรียญ, ขายพันธบัตร -306 ล้านเหรียญฯ แต่ TFEX Net Long 20,221 สัญญา

(+) TH Tourism: สำนักข่าว Bloomberg ระบุ CEO ของ Agoda คาดการณ์ประเทศไทยอาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแซงสถิติก่อนโควิด-19 ที่ระดับ 40 ล้านคนได้ในปีหน้า จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว จำนวนเที่ยวบินเปิดให้บริการมากขึ้น และรัฐบาลไทยเร่งออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว อาทิ ยกเว้นวีซ่า และหากอิงตามสถิติของ Agoda ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวกับมาเที่ยวซ้ำมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น เรามองเป็นจิตวิทยาบวกกับหุ้นท่องเที่ยวเชิงกลยุทธ์ยังแนะนำทยอยสะสม หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวรับ High season และแนวโน้มโตต่อเนื่องในปีหน้า เน้น AOT (TP-64.5), AAV (TP-3.9), ERW (TP-4.3), AWC (TP-4.4) และ SPA (TP-8.50)

(+/-) TH-Politic: ประเด็น นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย หยุดการกระทำที่นำไปสู่การล้มล้างการปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งความเห็นภายในวันที่ 8 หรือ 15 พฤจิกายนนี้ เพื่อประกอบการวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง เราประเมินหาก อสส.ส่งความเห็นให้กับศาลรัฐธรรมนูญได้ทันในวันที่ 8 พ.ย. มีความเป็นไปได้ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะนัดพิจารณา รับหรือไม่รับ คำร้องเร็วสุด คือ วันพุธที่ 13 พ.ย. นี้ ความไม่แน่นอนข้างต้นจะเป็นจิตวิทยาลบกดดันภาพการลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า

(+/-) THEarning: อิง Bloomberg ปัจจุบัน บจ. รายงานกำไรแล้วทั้งสิ้น 104 บริษัท (เพิ่มจากเมื่อวาน 43 บริษัท) กำไรต่ำกว่าคาด -24% (VS เมื่อวาน -22.2%) และหดตัว -38.8%y-y (VS เมื่อวาน -28.7%y-y โดยวานนี้ กลุ่มที่รายงานกำไร

งบดีกว่าคาด ได้แก่ OR (ขาดทุน)

งบตามคาด ได้แก่ BJC, BCP(ขาดทุน),

งบแย่กว่าคาด ได้แก่ LPN

วันนี้บริษัทที่จะประกาศงบ 3Q24 คือ CBG, INTUCH, JMT, STA, STGT, TOP, WHA, และ WHAUP หุ้นที่คาดว่างบจะออกมาดี คือ CBG, INTUCH และ WHA

(*/+) To Monitor: อังคารหน้าประชุม ครม. คาดอนุมัติมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ "ซื้อ - แต่ง - ซ่อม และ สร้างบ้าน" มูลค่ารวม 5.5 หมื่นล้านบาท เชิงกลยุทธ์ เป็นจิตวิทยาบวกต่อ 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1) อสังหาฯ (AP, SIRI), 2) กลุ่มธนาคารที่มีสินเชื่ออสังหาฯสูง SCB 32% ของยอดสินเชื่อ, TTB 25%, KTB 19%, KBANK 17% และ 3) กลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, ILM, DOHOME, GLOBAL)

 

Daily Strategy : GULF, IVL, PTTGC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideway/up" ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 และ Nasdaq ปรับขึ้นทำ All time high ต่อรับ Fed ลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด -25 bps เหลือ 4.5-4.75% (Dotplot รอบก่อนคาดจะต้องลงดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งราว 25 bps อยู่ที่ 4.25 -4.5%) สัญญาณบวกหลังประชุม Fed คือ Bond Yields พลิกลงแรง, Dollar กลับมาอ่อน, เงินบาทกลับมาแข็งค่าแรง มองเป็นสัญญาณบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในฝั่งเอเชียวันนี้ผสานกับฝั่งจีนเศรษฐกิจมีสัญญาณบวกต่อเนื่องสะท้อนผ่านยอดส่งออกเดือน ต.ค. โตแรง +12.7%y-y ผสานกับตลาดรอลุ้นระหว่างวันนี้คือการประชุม NPC จีนคาดคาดมีโอกาสเห็นแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนช่วงที่เหลือของปีและปี 2025 คาดจะเน้นการบริโภคภายในประเทศ, ภาคอสังหา, การเสริมสภาพคล่องให้กับรัฐบาลท้องถิ่น ฯลฯ ส่วนภายในรอตามฏการรายงานงบ 3Q24, การเมือง, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ท่องเที่ยว บริโภค อสังหา) ประเมินหุ้นนำตลาดคือ กลุ่ม China play, กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยลง (หนี้สูง กลุ่มโรงไฟฟ้า) กลุ่มอิงบริการรับช่วง High Season ท่องเที่ยว

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อความเสี่ยงผลการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ (KTB, GPSC, GULF, ADVANC, CPALL, BDMS, WHA)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AAV, BA, AU)
กลุ่มคาดกำไร 3Q24F จะออกมาดี (IVL, ADVANC, CPALL, TRUE, AWC และ MOSHI)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, CPAXT)

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Election

Donald Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 60 ครองเสียงสภาบน - สภาล่าง โดยนโยบายเน้น American First ลดภาษี Corporate Tax, กีดกันการค้า, สนับสนุนอุตสาหกรรมฟอสซิลและหนุนการขุดเจาะน้ำมัน ฯลฯ

KSS ประเมินระยะสั้น 1.)ผลกระทบ Dollar Index ที่แข็งค่ามาล่วงหน้ามาแตะ 105.3/105.85จุด คาดจะเริ่มถูกขายทำกำไรและอ่อนค่าลงรับการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของ Fed ภายในปีนี้ 2.)เงินบาทที่อ่อนค่ามาแตะ 34.15/34.4บาทต่อเหรียญฯ จะกลับมาแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ 3.)Bond Yields 10ปี สหรัฐฯ จะติดแนวต้าน 4.5% แล้วมีแรงซื้อกลับ กด UST ลดระดับลง 4.)ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง EMs จะสลับกันขึ้น โดยมีกลุ่มประเทศ TIPs เด่น จากสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 2-3% ตอบรับ US Rally ในช่วงที่เหลือของปี กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น ตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2024 เดินหน้าแตะเป้าหมาย SET สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด ได้เป็นอย่างน้อย แนะนำกลุ่มหุ้นเด่น 4Q24F : AOT, GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, KTB, ADVANC, HMPRO

ระยะกลาง – ยาว เน้นที่หุ้นได้ประโยชน์จาก นโยบายของ TRUMP 2.0 1.) กลุ่มนิคม AMATA, WHA 2.)กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP 3.)ส่งออกอาหาร ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่ากว่าสมมติฐานเดิมและได้ประโยชน์จากการโยก Order เน้น TU (ได้ประโยชน์จากนโยบายลด Corporate Tax), CPF ยาง เน้น STA, STGT (จากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางจากจีน คาดจะหนุนยอดส่งออก) 4.)Domestic อาทิ กลุ่มธนาคาร (SCB, KBANK, KTB), ค้าปลีก (CPALL, BJC, HMPRO) สื่อสาร(ADVANC) Utilities(GULF, GPSC)

 

• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays

ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)

ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย

o หุ้น China play IVL, AU

o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF

o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS

o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI

〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

• OR (Trading-Buy TP-17.0) มอง slightly negative ต่อขาดทุนสุทธิ 3Q24 ที่ -1,609 ลบ. ต่ำกว่าตลาดคาด โดยการพลิกขาดทุน y-y q-q ฉุดจากด้อยค่าฯธุรกิจร้านอาหาร และ ธุรกิจ Mobility มี stock loss ก้อนใหญ่ฉุดกำไรขั้นต้นต่อลิตร -60% y-y, -43% q-q อย่างไรก็ตามเราคาด stock loss มีแนวโน้มลดลงส่งให้กำไรขั้นต้นต่อลิตร +76% q-q และปริมาณขายทั้ง Mobility และ Lifestyle ฟื้นตัวหลังผ่านฤดูมรสุม ทำให้ 4Q24F พลิกกลับมามีกำไร ทั้งนี้แม้เราปรับ TP25F ลงเป็น 17.0 บาท มองราคาหุ้น -21% YTD รับปัจจัยลบไประดับหนึ่งแล้ว ปรับคำแนะนำเป็น Trading Buy เก็งกำไรการฟื้นใน 4Q24-2025F

• CPAXT (Neutral TP-33.0) In 3Q24, CPAXT made THB2.4b in core profit (+40% yoy, +8% qoq), in line with our expectation, but 11% above Bloomberg consensus. The good profitability was driven by: 1) positive same-store-sales growth (SSSG) at both the wholesale and retail units and 2) 0.5ppt gross margin expansion (to 14.2%) from the improvement in fresh food category (both quality improvement and product mix) in both units. 9M24 core profit accounts for 68% of FY24F estimate. Despite the good profit, we maintain our NEUTRAL recommendation, TP THB33, and all estimates. We believe the good outlook is priced-in the rich valuation of 30.3x 2025F P/E, higher than the peers average of 24x.

• BJC (Buy TP-30.0): In 3Q24, BJC reported net profit of THB701m (+1% yoy, -43% qoq) which was in line with our estimate but 9% above Bloomberg consensus. Excluding the FX loss of THB227m, the core profit was THB928m (+29% yoy, -23% qoq) – underpinned by: 1) the 2% revenue growth mostly from the healthcare segment and 2) gross margin expansion of 0.6ppt yoy (to 19.7%%) as raw material costs (such as soda ash for glass making) declined as well as better gross margin at Big C. We maintain our BUY recommendation, TP THB30 and all estimates. We believe the low-single digit SSSG in 4Q24, against flat in 3Q24 could be a positive catalyst to the share price. Furthermore, BJC valuation of 21.5x 2025F P/E is undemanding, compared to peers of 24x and this makes it attractive.

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้