สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 6 พฤศจิกายน 2567)--- บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)PTTGC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 149,431 ล้านบาท ปรับลดลงร้อยละ 11จากไตรมาส 2/2567และปรับลดลงร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบเป็นหลัก

สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 8,387 ล้านบาท ปรับลดลงร้อยละ 13จากไตรมาส 2/2567โดยสาเหตุหลักจากการปรับตัวลดลงของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาต้นทุนวัตถุดิบโพรพิลีน และการปรับลดลงของกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่อ่อนตัวลงตามฤดูกาลเป็นหลัก ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ขั้นต้นมีผลประกอบการที่ปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอะโรเมติกส์เป็นสำคัญ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นยังทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าและธุรกิจโอเลฟินส์ที่ปรับลดลง

นอกจากนี้บริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ/ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 3,912 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 280 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็น2,941 ล้านบาท นอกจาก บริษัทฯ รับรู้ส่วนขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 279 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาส 3/2567

อีกทั้งในไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินแนวทางการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ได้รับความท้าทายจากสภาวะการแข่งขันอุตสาหกรรมเพื่อปรับให้พอร์ทโฟลิโอธุรกิจของบริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้น และบริษัทฯ ได้รับรู้ผลกระทบจากการปรับโครงสร้างดังล่าว คือ ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในกลุ่มบริษัท Vencorex และประมาณการหนี้สินของค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องรวม 8,574ล้านบาท รวมถึงบริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนตามวิธีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งเกิดจากการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์จากบริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด (เป็นบริษัทร่วมค้าที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 50)จำนวน 8,937 ล้านบาท เมื่อรวมผลกระทบรายการด้อยค่าและปรับโครงสร้างธุรกิจดังกล่าวทำให้บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิรวม 19,312 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567 (-4.28 บาท/หุ้น)

สำหรับผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นมีผลประกอบการลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักธุรกิจโอเลฟินส์มีผลประกอบการที่ลดลงจากการปรับลดลงของราคาส่วนต่างผลิตภัณฑ์เอทิลีนหักกลบด้วยส่วนต่างผลิตภัณฑ์โพรพิลีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสนี้โรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2/2 หยุดซ่อมบำรุงตามแผนจำนวน 31 วัน ด้านธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์พลอยได้ (By products) โดยส่วนต่างLiquefied Petroleum Gas (LPG) และแนฟทา (Naphtha) ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนและเบนซีนปรับลดลง สำหรับธุรกิจโรงกลั่นรายงานค่าการกลั่น (GRM) ที่ 3.5เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 3.2เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์น้ำมันเตากำมะถันต่ำปรับตัวสูงขึ้นเป็นหลักกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบโพรพิลีนจากไตรมาสก่อนเป็นหลัก ทำให้ส่งผลต่อผลประกอบการปรับลดลงของกลุ่มธุรกิจที่ใช้โพรพีลีนเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ธุรกิจฟีนอลและธุรกิจโพรพีลีนออกไซต์ที่มีผลประกอบการลดลงแม้ว่าปริมาณการขายจะปรับเพิ่มขึ้นหลังจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงบีพีเอในไตรมาส 2/2567 จำนวน 28 วัน

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์โพลิเอทิลีนที่ดีกว่าราคาตลาด ในด้านปริมาณการขายเม็ดโพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ปรับลดลงร้อยละ 3สอดคล้องกับการผลิตโรงโอเลฟิ นส์ที่ปรับลดลง โดยโรงโพลิเมอร์ LDPE หยุดซ่อมบำรุงในช่วงกลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม

กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าสาเหตุหลักจากแฟตตี้แอลกอฮอล์ (FA) P2F ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากแผนหยุดการดำเนินการผลิตของผู้ผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์รายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน และไทย ส่งผลให้อุปทานในตลาดตึงตัว ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษรายงานผลประกอบการที่ลดลงจากปริมาณการขายของ allnex ที่ลดลงตามฤดูกาลในภูมิภาคยุโรปเป็นหลักเมื่อเทียบกับในไตรมาสก่อน รวมทั้งบริษัท Vencorex ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ HDI derivatives ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยการแข่งขันทางด้านราคาของผู้ผลิตในตลาด