Market Wrap-Up
- SET วันที่ 1 พ.ย.67 ปิด -1.87 จุด อยู่ที่ 1,464.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 32,809 ลบ.ต่างชาติขาย 2,442 ลบ. สถาบันซื้อ 1,291 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,096 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 55 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,958 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,AOTL,ITC,CPN,AMATA และยอดขายในหุ้น GULF,ADVANC,TRUE,BBL,DELTA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,397 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CK,AOT,MEGA โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 12,129 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 59,498 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,893 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.69%, S&P500 +0.41%, Nasdaq +0.80% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +2.4%, กลุ่มชิป +1% นำโดย Intel +7.8% หลังคาดการณ์รายได้ดีกว่าคาด ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค, อสังหา ฯ ปรับลดลง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.09% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน & ธนาคาร และกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่กลุ่มอาหาร & เครื่องดื่มปรับลดลง นักลงทุนยังรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.
Market View
- DJIA -0.16%, S&P500 -1.38%, Nasdaq -1.51% WoW ถูกกดดันจาก US Bond Yield ปรับขึ้นอยู่ที่ 375% ระหว่างรอผลการเลือกตั้ง ปธ.ในวันที่ 5 พ.ย. โดยผลโพลล่าสุดทรัมป์มีคะแนนนิยม 48.5 / แฮร์ริส 48.4 ซึ่งหากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง นโยบายกีดกันการค้า, ลดภาษีนิติบุคคลจะส่งผลให้ขาดดุลงบประมาณมากขึ้น เป็นนโยบายก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เฟดไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ตามเป้าหมายที่ 1.00 ในปีหน้า ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ US PCE ก.ย. ลดลงอยู่ที่ 2.1% & ส.ค. 2.3% YoY และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ต.ค. เพิ่มเพียง 12,000 ตำแหน่ง เป็นผลจากเฮอริเคน 2 ลูก และการประท้วงหยุดงาน โดยอัตราว่างงานทรงตัวที่ 4.1% ส่งผลให้การประชุมเฟด 7 พ.ย. มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยลง 0.25%
- Stoxx600 ยุโรป -1.52 % WoW หลัง GDP เยอรมัน Q3/67 ขยายตัว +0.2% & Q2/67 -0.3% QoQ ส่งผลให้เศรษฐกิจไม่เข้าสู่ภาวะ Technical Recession ขณะที่ CPI ยูโรโซน ต.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 0% & ก.ย. 1.7% YoY ส่งผลให้ตลาดไม่แน่ใจว่าการประชุม ECB ใน ธ.ค. จะปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้รอผลการประชุม BOE อังกฤษวันที่ 7 พ.ย. คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.75%
- MSCI Asia Pacific X.Japan -1.23% WoW หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow ชะลอตัว ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.84% WoW แม้ว่าจะได้ปัจจัยหนุนจาก PMI ภาคการผลิตจีน ต.ค.ปรับขึ้นอยู่ในโซนขยายตัว ครั้งแรกนับตั้งแต่ เม.ย. ผ่านมา แต่นักลงทุนยังรอผลการประชุม NPC วันที่ 4 – 8 พ.ย. ซึ่งคาดจะออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 10 ลล.หยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ขณะที่ดัชนีนิเกอิ +0.25% WoW หลัง BOJ ยังคงดอกเบี้ยที่ 25% กอปรกับค่าเงินเยนยังอยู่ในโซนอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น
- SET +0.05% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 03 หมื่น ลบ. -16.8% WoW สถาบันซื้อ 4,681 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 975 ลบ. รายย่อยซื้อ 3,988 ลบ. และต่างชาติขาย 9,644 ลบ. WoW โดยภาพรวมดัชนีได้แรงหนุนจากเม็ดเงินจากกลุ่มสถาบัน แต่ดัชนีถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.3% ส่งผลลบต่อกลุ่มไฟแนนท์ -2.9% WoW ส่วนกลุ่มธนาคาร -0.8% WoW ซึ่งอยู่ระหว่างรอความชัดเจน ม.ช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้รถยนต์ & อสังหา ฯ ของ ธปท. ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ปิโตรเคมี +4.7% WoW แม้ว่ากำไร Q3/67 ของ SCC จะต่ำกว่าคาด แต่มีแรงซื้อ Cover กลับ จากคาดการณ์กำไรปีหน้ามีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำ กอปรกับอาจได้ปัจจัยหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ ส่วนกลุ่มอิเล็ก ฯ +1.1% WoW นำโดย DELTA ได้ปัจจัยหนุนจากการลงทุนใหม่ในกลุ่ม AI & Data Center โดยประเด็นสำคัญวันนี้ ติดตามการประชุมคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท.,วันอังคาร ผลการประชุม ครม.และรายงาน CPI ไทย ต.ค. คาด 0.95% & ก.ย. 0.61% YoY รวมถึงรายงานงบ บจ. Q3/67 ซึ่งจากฐานข้อมูล BB.Consensus คาดกำไร -9% QoQ, - 19% YoY
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,455 – 1,460 แนวต้าน 1,470 – 1,475 คาดดัชนีทรงตัว ระหว่างรอผลการเลือกตั้งสหรัฐ, ผลประชุมเฟด และรายงานกำไร บจ. Q3/67 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดจะรายงานกำไร Q3/67 +QoQ, +YoY เช่น BH, BDMS, BCH, SPALI, IVL, MTC, TU, CK, CKP, BEM, TTW, CBG, PLANB, SISB
- PRM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.70 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 สะดุด QoQ ชั่วคราว เนื่องจากธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (COC) มีการใช้งานเรือ Aframax และ VLCC ลดลง แต่ยังเติบโตสูง YoY สนับสนุนจากส่วนงานธุรกิจ FSU U-rate อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ยังมีจำนวนเรือจากธุรกิจขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีเหลว (PCT) และธุรกิจ Offshore support (OVS) ส่วนแนวโน้ม 4Q67 คาดว่ากำไรจะกลับมาโต QoQ, YoY จากการกลับมาดำเนินงานของเรือที่ผ่านช่วง dry dock สำหรับปี 68 มีแผนรับ Crew Boat เข้ามาเพิ่มอีก 2 ลำ เข้ามาตั้งแต่ 1Q68 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 3 พันล้านบาท +10%YoY และ 2.6 พันล้านบาท +11%YoY
- HMPRO* (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.31 บาท) แม้กำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 1,442 ลบ.(-6%YoY, -11%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาลและอ่อนตัว YoY จากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว แต่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีใน 4Q67 โดย หุ้นกลุ่มสินค้า Hardline ยังมี Sentiment บวกจากโอกาสซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างหลังน้ำท่วม ด้าน HMPRO* มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มใน2H67 ราว 5 สาขา เป็น Home Pro 4 แห่ง และ Mega Home 1 แห่ง โดยจะเน้นไปที่ Format Hybrid (Home Pro/ Mega home ในที่เดียวกัน)มากขึ้น ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ HMPRO* ปี67 และ 68 ที่ 6,627 ลบ.(+3%YoY) และ 7,138ลบ.(+8%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ธ.ค. +$0.23 อยู่ที่ $69.49 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$0.29 อยู่ที่ $73.10/บาร์เรล สัปดาห์ก่อน WTI -3%, Brent -4% WoW โดยราคาน้ำมันในช่วงสุดสัปดาห์เริ่มปรับขึ้น จากข้อมูลอิหร่านกำลังเตรียมการโจมตีอิสราเอลภายในเร็ว ๆ นี้ กอปรกลุ่มโอเปกพลัสอาจพิจารณาเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตตามกำหนดเดิม ธ.ค. ออกไปอีก 1 เดือนหรือมากกว่านั้น
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$0.10 อยู่ที่ $2,749.20 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.29% อยู่ที่ 104.281 และ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.325%
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -502.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -284.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -168.21 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -49.46 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.325 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -10 จุด อยู่ที่ 1,378
(-) BitCoinเช้านี้ -0.68% อยู่ที่ 68,691 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
04 พ.ย. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
06 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
สัปดาห์ที2 กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ต่างประเทศ
05 พ.ย. US การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)
06 พ.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
06 พ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 พ.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio November 2024: CPALL, WHA, SAV, SYNEX*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th