สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1พฤศจิกายน 2567)--------บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คาดยอดขายรวมของCOCOCO 3Q67 ที่ 1,903 ลบ. +21.8% q-q, +48.5% y-y ยอดขายโตขึ้นจากทุกผลิตภัณฑ์โดยคาดยอดขายกะทิ +8% q-q, น้ำมะพร้าว +20% q-q, อาหารสัตว์เลี้ยง +110% q-q และมีแนวโน้ม GPM เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและประหยัดต่อขนาด คาดที่ 27.6%

ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เติบโต โดย SG&A to Sales ยังอยู่ในระดับ 12% ใกล้เคียงกับ 2Q67 โดยใน 3Q67 มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและอนุพันธ์ คาดที่ประมาณ 60-90 ลบ. กดดันกำไรสุทธิคาดการณ์อยู่ที่ 199 ลบ. -12.4% q-q, +30.2% y-y ทำให้คาดการณ์กำไร 9M67 ที่ 630 ลบ. +79.4% ทางฝ่ายคาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 67 อยู่ที่ 963 ลบ. +78.2%

หาก Trump ชนะเลือกตั้งปธน.สหรัฐอเมริกา อาจมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า (tariff) 10-20% (60%สำหรับสินค้าจากประเทศจีน)

COCOCO มีรายได้จากสหรัฐอเมริกากว่า 20% ของยอดขายใน 1H67 และเติบโตสูงถึง 44% y-y หาก US มีการขึ้นภาษีนำเข้าจริง จะกระทบราคาขายปลีกสินค้า COCOCO ใน US ทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลให้ปริมาณการขายลดลง

ทางฝ่ายฯมองว่า การลดลงของกำไร 3Q67 เกิดจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า หากมองที่การเติบโตของยอดขายพบว่ายังเติบโตได้ดี ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคุมได้ดี เรื่องกำไรขาดทุนจากค่าเงินนั้นไม่ยั่งยืนนัก ควรมองเรื่องประสิทธิภาพการดำเนินงานและอุปสงค์กับอุปทานของสินค้ามากกว่า ทางฝ่ายเห็นว่าผลการเลือกตั้ง US นั้นสำคัญต่อยอดขายบริษัท หาก Kamala Harris ชนะ คาดจะไม่มีการขึ้นภาษีนำเข้า

ฝ่ายแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 68 อยู่ระหว่างการประเมิน แต่หาก Trump ได้เป็นปธน. ขอให้มองข้ามหุ้นที่อิงการส่งออกไป US ในสัดส่วนที่สูงเช่น COCOCO ไปก่อนเนื่องจากยอดขายใน US อาจลดลงจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้า

ณ เวลา 11.37 น. ราคาหุ้นCOCOCO อยู่ที่ 10.80 บาท ลดลง 0.60 บาท คิดเป็น 5.26 % มูลค่าการซื้อขาย329.46 ล้านบาท