Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

414


AT THE OPEN (#ATO)


SET Index สร้างฐาน
เลือกหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการเติบโตดี

Market Strategy
SET Index ยังขาดปัจจัยใหม่สนับสนุนและน้ำหนักอยู่ที่การเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ผลประกอบการ 3Q67 ด้านแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศเริ่มแผ่วไปในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ต่างชาติยังไม่ไหลกลับ ส่งผลต่อมูลค่าการซื้อขายที่แผ่วลง สภาพแวดล้อมข้างต้นทำให้ตลาดอยู่ในภาวะสร้างฐานตามกรอบ 1450-1470 จุด การลงทุนในระยะนี้เน้นยังให้น้ำหนักไปที่หุ้นที่กำไร 3Q67 เติบโตดีวันนี้เลือก CPF และ CHG

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอิสราเอลโจมตีเป้าหมายทางทหารของอิหร่านใกล้กรุงเตหะราน ซึ่งล่าสุดทางการอิหร่านเผยว่าความเสียหายอยู่ในวงจำกัด ขณะที่การโจมตีดังกล่าวช่วยลดความกังวลต่อการโจมตีแหล่งน้ำมันและนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบเช้านี้ปรับลงราว 4% ซึ่งน่าจะเป็นลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTTEP โรงกลั่น TOP SPRC แต่อย่างไรก็ตาม ปั้จจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Anti Oil อย่าง TASCO AAV BA เป็นต้น ปั้จจัยให้น้ำหนักถัดไปติดตามท่าทีของฝั่งอิหร่านจากเหตุการณ์ดังกล่าว

การรายงานงบ 3Q67 ของหุ้นใน SET50 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา TRUE และ DELTA (Non Rated) โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เริ่มจาก TRUE กำไรหลักอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาทดีกว่าเราและ Consensus คาดที่ 2.4/2.5 พันล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์มือถือ ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายและ SG&A ที่ต่ำกว่าคาด โดยเราได้มีการปรับประมาณการกำไร 67-69 ขึ้น พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13.30 บาทจากเดิม 12.80 บาท ซึ่งเชื่อว่าราคาหุ้นจะตอบรับในเชิงบวก ด้าน DELTA รายงานกำไรหลัก 6.2 พันล้านบาท ดีกว่า Consensus คาด 7% จาก GPM ที่ 27.6% ดีกว่า 26.9%/22.6% ใน 2Q67/3Q66 หนุนจาก Product Mix และประโยชน์จากการกลับรายการตั้งสำรองสินค้าคงคลัง หากตัดรายการกลับสำรองคาด GPM จะกลับมาอยู่ที่ 24.6% โดยรวมมองเป็นกลางต่องบไตรมาสนี้

สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่ติดตามวันนี้การรายงานยอดส่งออกไทยเดือน ก.ย.67 โดย Bloomberg Consensus คาดขยายตัว +3 %YoY ซึ่งสินค้าที่มีลุ้นขยายตัวในเดือนก่อน เช่น ส่งออกอาหาร อาหารสัตว์เลี้ยง ส่งออกสินค้าเกษตร (ยางพารา) หากยังดีต่อเนื่องมองเป็น Sentiment บวกต่อ ITC TU CPF และ STA เป็นต้น

 

 

Market Summary
SET ปรับขึ้น 2.78 จุด กลุ่มที่ Outperform คือ กลุ่มนิคม AMATA +8.3% WHA +5.2% หนุนจากการเข้าใกล้การเลือกตั้งสหรัฐฯที่ผลโพลของคุณทรัมป์ที่เร่งตัวขึ้นทำให้กระแส Relocation มีมากขึ้น กลุ่ม ร.พ. WHA โรงพยาบาล PR9 +6.5% CHG +2.8% BH +2.2% จากงบ 3Q67 มีแนวโน้มเติบโตทั้ง QoQ และ YoY กลุ่มไฟแนนซ์ MTC +3.9% SAK +8.9% ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มที่งบ 3Q67 หดตัว SCC -1.5% TOP -4.4%

 

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CHG CPF

 

CPF กำไร 3Q67 โตเด่น
ระยะสั้นลุ้นส่งออกอาหารโตดีหนุนราคา
คาดกำไร 3Q67E จะเติบโตเล็กน้อย QoQ เนื่องจาก 2Q67 ที่ฐานสูง ขณะที่ YoY จะ Turnaround ทั้งนี้ใน 3Q67 เป็นช่วง Peak Season และได้ผลบวกจากราคาหมูไทยและจีนที่ปรับขึ้น (ส่วนราคาหมูเวียดนามอ่อนตัวลงบ้างจาก ASF แต่ยังยืนสูง YoY) ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ สำหรับกำไร 4Q67 คาดขยายตัว YoY ได้ต่อ หนุนกำไรปกติ 67E กลับมาแตะ 1 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุนปีก่อน -5.2 พันล้านบาท
ระยะสั้นเราคาดได้ Sentiment บวกจากเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่า และยังได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่คาดจะช่วยต่อภาคการบริโภค ส่วนสัปดาห์นี้(คาดวันที่ 28 ต.ค.) ติดตามยอดส่งออกเดือน ก.ย. หากดีกว่าคาดเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น
ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER67 ที่ 21 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -0.24 S.D. และ PBV67 ต่ำเพียง 0.85 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28.10 บาท

 

 

CHG ปัจจัยหนุน
ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
เราเห็น 4 ปัจจัยบวกช่วยหนุนการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรของ CHG ประกอบไปด้วย 1) จำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ ที่มีศักยภาพสูง 2) โรงพยาบาลแม่สอดที่ผ่านจุดต่ำไปแล้ว 3) การให้บริการโรคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และ 4) ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยประกันสังคม (SSO) จะช่วยหนุนการเติบโตกำไรปั 68-69 ของ CHG เติบโตราว 12% CAGR ซึ่งสูงกว่ากลุ่ม
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CHG ในไตรมาส 3Q67 เพิ่มขึ้น 9%YoY และ 85%QoQ โดยการเติบโต YoY หนุนจากจำนวนผู้ป่วยและความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มขึ้น ส่วนการเติบโต QoQ คาดว่าได้รับการสนับสนุนจากผลของฤดูกาล
Valuation ของ CHG ซื้อขาย PER68 ที่ 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนช่วง Covid-19 ราว -1.4SD ขณะที่ประมาณการตั้งแต่ปี 68 มีโอกาส upside อีก 3% หาก SSO ปรับการจ่ายโรคที่ RW>2 เพิ่มขึ้นมาที่ 1.2 หมื่น บาท/RW ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 29 ต.ค.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.50 บาท

 

KEY FACTOR
ในสัปดาห์นี้ จะเข้าสู่ช่วงการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือน ทั่วโลก ซึ่งนักลงทุนน่าจะให้น้ำหนักไปที่ 1) การส่งออกไทย ที่จะเริ่มสะท้อนผลกระทบจาก USDTHB แข็งค่า (-4.7% ในเดือน ก.ย.) 2) ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรน่าจะสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง 3) GDP 3Q67 ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าน่าจะยังขยายตัวได้แข็งแกร่งใกล้เคียงไตรมาสก่อน +3.0% จากการบริโภคที่แข็งแกร่ง 4) ตัวเลข PMI ของจีน เดือน ต.ค. ซึ่งภาคการผลิตมีโอกาสขยับแตะระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เริ่มสะท้อนให้เห็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แม้จะมีปัจจัยทางฤดูกาลหยุดยาวช่วง Golden week ก็ตาม 5) BOJ น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ตามที่ Kazuo Ueda เคยส่งสัญญาณไว้เมื่อเดือน ก.ย. ว่าจำเป็นต้องประเมินอย่างระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ว่ายังคงแข็งแกร่งหรือไม่ก่อนที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม 6) เงินเฟ้อ Eurozone น่าจะต่ำกว่าระดับ 2% ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า

 

EYES ON

ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
28 ต.ค. ส่งออกไทย เดือน ก.ย.
30 ต.ค. GDP 3Q67 ของสหรัฐฯ และ Eurozone, PCE สหรัฐฯ, การจ้างงานเอกชน ADP
31 ต.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน, CPI Eurozone, ประชุม BOJ
1 พ.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานสหรัฐฯ, Caixin PMI ภาคการผลิต

 

 


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้