Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

586


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
จาก Space Race มาสู่ AI Race: การแข่งขันที่จะนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง
Key Takeaways:
• แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการลงทุนในเทคโนโลยี AI ที่อาจเกินจริง แต่ประวัติศาสตร์จาก Space Race แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงมักสร้างผลกระทบและประโยชน์ที่เกินความคาดหมายในระยะยาว
• AI Race ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงกับ Space Race ในอดีต โดยทั้งสองการแข่งขันแสดงให้เห็นถึงพลังของการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง
รายละเอียด:
1 จากการที่มีข่าวของบุคคลที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศออกมาเตือนถึงกระแสความคลั่งไคล้ AI ที่เกินจริงใน Wall Street และในหมู่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา เขาเชื่อว่า AI มีศักยภาพ แต่โอกาสที่มันจะสามารถตอบสนองความคาดหวังที่สูงเกินจริงนั้นมีน้อยมาก และคาดการณ์ว่า AI จะสามารถเข้ามาแทนที่หรือช่วยเหลือมนุษย์ได้เพียง 5% ใน 10 ปีข้างหน้า ทำให้การทุ่มเงินลงทุนจำนวนมากกำลังจะถูกใช้อย่างสูญเปล่า
อย่างไรก็ตาม กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากเคยเกิดขึ้นในทศวรรษ 1960 ซึ่งมีการทุ่มทุนการแข่งขันกันทางด้านอวกาศ ซึ่งก็เคยถูกคนในยุคนั้นมองว่าเป็นทุ่มเงินลงทุนที่จะได้ประโยชน์กลับมาไม่คุ้มค่า ด้วยเหตุนี้ วันนี้เราจึงนำเส้นทางการทุ่มทุนในช่วงของการแข่งกันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Race) มาเปรียบเทียบกับการแข่งขันทางด้านอวกาศ (Space Race) ในทศวรรษ 1960 เพื่อให้เห็นว่า หลังจากการพัฒนาเทคโนโลยีไปถึงจุดหนึ่งแล้ว จะสามารถสร้างอัพไซด์ต่อระบบเศรษฐกิจและนวัตกรรมต่อยอดซึ่งนำมาใช้ในธุรกิจอื่นๆ ได้มากกว่าการจินตนาการในตอนต้นได้มากน้อยแค่ไหน
2 ในรายงานฉบับเต็ม เราได้ชี้ให้เห็นว่า AI Race ที่เข้มข้นระหว่างสหรัฐฯกับจีนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำในยุคเทคโนโลยี มีความคล้ายคลึงกับหลายแง่มุมของยุค Space Race ระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียต
แม้ว่าทั้ง Space Race และ AI Race จะเกิดขึ้นในยุคสมัยที่ต่างกัน แต่ทั้งสองการแข่งขันล้วนแสดงให้เห็นถึงพลังของการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างและผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้เป็นเพราะคนมักนึกภาพไม่ออกในช่วงแรกถึงโอกาสและมูลค่าทางเศรษฐกิจของเทคโนโลยีใหม่ จนกว่าจะมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย
ตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นภาพคือ ในช่วงของการแข่งขันทางด้านอวกาศใหม่ๆในปลายทศวรรษ 1950 ผู้คนส่วนใหญ่อาจยังนึกภาพไม่ออกว่า Space Race ได้สร้างประโยชน์มหาศาลผ่านนวัตกรรมที่เกิดขึ้น โดยนำมาซึ่งเทคโนโลยีอย่าง GPS ระบบ CT Scan และวัสดุอย่าง Kevlar ที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม
ในทำนองเดียวกัน คาดว่า AI Race ก็กำลังปฏิวัติวงการต่างๆ ด้วยนวัตกรรม และจะสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในแบบเดียวกัน เพียงแต่อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์อาจแตกต่างกันไป โดยกลุ่มที่น่าจะนำมาประยุกต์ใช้กันมากได้แก่ การแพทย์ หุ่นยนต์ Humanoid และระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำมาซึ่งประโยชน์ที่จับต้องได้ในชีวิตประจำวัน


อีกตัวอย่างหนึ่งที่ยืนยันถึงการส่งผลบวกอย่างมหาศาล จากการทุ่มเงินลงทุนในยุค Space Race ช่วงสงครามเย็นก็คือ การสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 7-14 เท่าของเงินลงทุน มากกว่าที่เคยถูกวิจารณ์กันหลายเท่าตัว ในทำนองเดียวกัน คาดว่า AI Race จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกถึง 15.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 หรือเพิ่ม GDP โลกได้ถึง 14% และการนำไปใช้งานก็จะเป็นไปอย่างแพร่หลาย ช่วยงานมนุษย์ได้มากกว่าที่คิดกันในปัจจุบัน และคาดว่าจะสูงกว่าเงินลงทุนของภาคเอกชนทั่วโลกรวมกันในช่วงปี 2013-2023 ที่มีมูลค่ารวม 5.68 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอย่างมาก แม้ว่าตัวเลข CAPEX ดังกล่าว จะฟังดูแล้วเป็นเม็ดเงินที่สูงมากในปัจจุบันก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ เราจึงคาดการณ์ว่า AI Related จะยังอยู่ใน maintream ของการลงทุนต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี และน่าจะติดอยู่ในกลุ่ม top quartile ที่ outperform ตลาดในระยะกลางถึงยาว อย่างไรก็ตามในระยะสั้น การปรับฐานของหุ้นกลุ่มนี้อาจเกิดขึ้นได้ จากการที่มี stretched valuation & position บนกระแสที่ทำให้เกิด frenzy trade เราจึงแนะนำให้รอจังหวะ Re-entry ในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานก่อน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของไตรมาส 4 ตามที่ทางทีม Wealth ได้อัปเดตสาเหตุไปก่อนหน้านี้
หมายเหตุ: สำหรับข้อมูลตัวเลขและประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้จากรายงานฉบับเต็ม (อ่านรายงานฉบับเต็มคลิกที่นี่)

สรุปภาพตลาดวานนี้
วานนี้หุ้นไทยร้อนแรงต่อ จากแรงหนุนบลูชิปดันดัชนี ได้แก่ กลุ่ม GULF ADVANC INTUCH DELTA กลุ่มซีพี CPAXT TRUE หุ้นบวกแรงนอกจากเจ้าเดิมอย่าง MCOT MBK ยังพบสัญญาณการเล่นที่กระจายตัวไปยังหุ้นกลาง-เล็กหลายๆ ตัวมากขึ้น เช่น VGI NDR LIT PPS W เป็นต้น และหุ้นที่เห็นมี Volume เข้ามากกว่าปกติ เห็นสัญญาณของกลุ่ม TEAMG-DITTO เพิ่มเติม

แนวโน้มตลาดวันนี้
ก้าวข้าม 1500
วันนี้คาดดัชนีหุ้นไทยขึ้นทะลุผ่าน 1500 จุด และปิดเหนือ 1500 ได้ แต่กลยุทธ์แนะนำ Switching Combo หุ้นตามชุดความคิดในการลงทุน “หุ้นฮิตติดกระแสช่วงนี้” ยกตัวอย่าง เช่น การปรับหุ้นตามพอร์ต Tactical วันนี้...
โดยหุ้นตามกระแสลงทุนช่วงนี้ ยัง Valid คือเรื่องของต้นทุนทางการเงินทุกจะอย่างจะเริ่มลดลง ได้แก่ 1) ต้นทุนทางการเงินลดลงจากการลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดของ กนง. (โรงไฟฟ้า กลุ่มซีพี REITs สินเชื่อบุคคล เก็บหนี้ อสังหา) 2) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ Mega project จากต้นทุนในการกู้ยืมเงินหรือออกหุ้นกู้ชุดใหม่ของรัฐบาล มีต้นทุนที่ลดลง (รับเหมา, คาสิโนฯ, นิคมฯ, ดาต้าเซ็นเตอร์, เวนคืนสัมปทานรถไฟฟ้า) 3) บาทจะเริ่มอ่อนค่า หนุนการลงทุนโดยตรงในอนาคต (DELTA CCET)
ส่วนกลุ่มธนาคารคาดกระทบราคาหุ้นไม่นาน สักพักจะฟื้นเมื่อตลาดรับรู้ว่าผลกระทบพื้นฐานจากการลดดอกเบี้ยนั้นน้อยกว่าที่คิด...(เมื่อวานแบงก์ เริ่มดีดกันถ้วนหน้า)
กลยุทธ์แนะเลือกเก็งกำไรหุ้นตามกระแส และงบการเงินที่ดีขึ้นเมื่อมองไปข้างหน้า

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ทะลุเป้าฯรายเดือน ทะลุ Fibonacci retracement 50%...สำเร็จตามแผน ปัจจัยหนุนจาก กนง.เซอร์ไพรส์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาได้ถูกที่ถูกเวลา ดันดัชนีขึ้นต่อ ส่วนเป้าหมายสิ้นปีจะอยู่ที่1,535 จุด (ตำแหน่ง Fibonacci retracement 61.8%) ลุ้นกันยาวๆ แนะจับตา fund flow ไหลเข้าโดยเฉพาะต่างชาติเริ่มกับลำซื้อ ส่วนกองในปท.ช่วยพยุงซื้อสะสมต่อเนื่อง (รายละเอียดติดตามต่อในบทวิเคราะห์ World asset class เช้านี้) ปิดท้ายหุ้นแนะนำ....กลุ่มที่ได้ประโยนช์จากดอกเบี้ยขาลง เช่น MTC, SPALI และ BGRIM แนะลุยต่อ ขณะที่ค้าปลีก COM7 MOSHI และ CPAXT ยังไปได้สวย วันนี้เพิ่ม AMATA (แผนเทรดอยู่ในหน้าเลือกหุ้นเด่นประจำวันครับ)

 


What to watch
งบธนาคาร: วันที่ 18 คาด KTB TTB KKP และวันที่ 21 คาด KBANK SCB
ตั้งกองทุนซื้อคืนสัมปทาน รถไฟฟ้า เดินหน้าโครงการ 20 บาทตลอดสาย
รอ ครม. เคาะนำร่อง ลงทุนกาสิโน แสนล้านบาท เดือน ต.ค.นี้
การประชุม กนง. 16 ต.ค. ลดดอกเบี้ย สร้างความประหลาดใจเชิงบวกให้กับตลาด (Consensus เริ่มคาดจะลดอีก 0.25% ในเดือน ธค. เหลือ 2%)
คาดเศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่า 4.5%,
ธนาคารกลางยุโรป ลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ลงอีก 0.25% เหลือ 3.25%
MSCI รอบใหม่ประกาศ 6 พ.ย. และมีผล 26 พ.ย. 67 มีลุ้นเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย จับตา IVL-MTC โอกาสสูงเข้าคำนวณ แนะเก็งกำไร IVL เป้าราคา 34 บาท ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดหุ้นไทยไตรมาสสุดท้าย กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะออกมาดี ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า วายุภักษ์-กองทุน TESG หนุน เล็งจับมือสมาคมบลจ. กระตุ้นตลาดทุน หวังวอลุ่มฯ ตลาดปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 53,331 ล้านบาทต่อวัน (ที่มา ข่าวหุ้น)
จีนประกาศเพิ่มทุนหนุนโครงการที่อยู่อาศัย หวังพยุงภาคอสังหาฯ ให้พ้นวิกฤต
จีนจะขยาย "บัญชีสีขาว" (white list) ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่อยู่อาศัยที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทุน และเพิ่มวงเงินสินเชื่อธนาคารสำหรับโครงการเหล่านี้เป็น 4 ล้านล้านหยวน (ราว 5.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นอกจากนี้ ทางการจีนยังมีมาตรการสร้างรายได้สำหรับโครงการพัฒนาเมือง โดยจะรวมหมู่บ้านราว 1 ล้านแห่งเข้าไว้ในแผนดังกล่าว
การอัดฉีดเงินทุนให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ขาดสภาพคล่องและโครงการพัฒนาเมืองครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของชุดมาตรการที่ประกาศออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบกับภาวะวิกฤตมาตั้งแต่ปี 2564 และส่งผลกระทบต่อการเติบโตโดยรวมของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จีนได้ประกาศแผนจัดทำ "บัญชีสีขาว" ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่สามารถรับเงินทุนได้ เพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะสามารถก่อสร้างให้เสร็จสิ้นและส่งมอบบ้านให้กับผู้ซื้อได้ โดยนับจนถึงสิ้นไตรมาส 3 นั้น ธนาคารได้อนุมัติโครงการกลุ่มนี้แล้ว 5,392 โครงการ วงเงินรวมเกือบ 1.4 ล้านล้านหยวน


หุ้นแนะนำวันนี้
CPAXT ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง(S 33.5 R 36 SL 32.5)

Tactical port
ถอด MTC AOT เพิ่ม JMT CPAXT BEM

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Thai Market Strategy
คาดกำไร 3Q24 เติบโตเล็กน้อย พร้อมมี Downside รออยู่
เราประเมินกำไรสุทธิ 3Q24 ลดลง 23% YoY และ 22% QoQ หากตัดรายการพิเศษคาดกำไรหลักเติบโต 4% YoY แต่ลดลง 3% QoQ แต่หากไม่รวมกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี คาดกำไรหลักเติบโต 24% YoY แต่ลดลง 3% QoQ โดยคาดกลุ่มที่จะรายงานกำไรหลักเติบโตแข็งแกร่ง YoY ประกอบด้วย กลุ่มอาหาร, ICT, นิคมฯ, ขนส่ง และค้าปลีก ในขณะที่คาดกำไรของกลุ่มที่อ่อนตัวประกอบด้วย เคมิคอลส์ แพ็คเกจจิ้ง และยานยนต์ สำหรับภาพอนาคตเรามองกำไรจะมี Downside จากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในช่วง Late-cycle

Industrial Estate
FDI โตแกร่งหนุนราคาที่ดิน
ประเด็น US/จีน หนุนการย้ายฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแรงหนุนจากการลงทุนใน Data center/Cloud โดยตัวเลขขอสนับสนุนการลงทุนจาก BOI ปรับตัวขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับก่อน Covid ในขณะที่จำนวนที่ดินที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างทรงตัว เป็นแรงหนุนให้ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นกว่า 20-30% สำหรับภาพระยะสั้นใน 3Q24 เราประเมินกำไรหลักของ AMATA ที่ 762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% YoY และ 171% QoQ ในขณะที่ WHA คาดกำไรหลักที่ 874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% YoY แต่ลดลง 31% QoQ
Fundamental View: เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ AMATA (ราคาเป้าหมาย 27 บาท) และ ซื้อเก็งกำไร WHA (ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท)

(IDEA) BCH
บางกอก เชน ฮอสปิทอล
มีโอกาสที่ การรับประกันจะมากกว่า 12,000 บาท/DRG
วงเงินถูกปรับค่ารักษาประกันสังคมนัดแรกวานนี้ รพ. 3 สังกัดสะท้อนต้นทุนจริงมากกว่าอัตราจ่าย ต้นทุนในกลุ่มโรคนี้ที่มีการสะท้อนจากหน่วยบริการสังกัดต่างๆ คือ รพ.ของรัฐต้นทุนอยู่ที่ 13,800 ต่อ Adjusted RW ส่วน รพ.ของโรงเรียนแพทย์ อยู่ที่ ราว 30,000 บาท ต่อAdjusted RW ขณะที่ รพ.เอกชน แต่ละเครือข่ายจะไม่เหมือนกัน โดยอัตราจ่ายให้ 15,000 บาท ยังขาดทุนบางรายการ เราประเมินกำไรส่วนเพิ่มหากการรับประกันขึ้นไปที่ 12,000 บาท/DRG>2 ที่ 2.1% และหากขึ้นไปที่ 13,800 บาท/DRG>2 จะอยู่ที่ 7.2% โดยการประชุมรอบสองจะจัดขึ้นวันที่ 29 ต.ค. และคาดรู้ผลภายใน พ.ย.
Fundamental View: เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท


รายงานผลประกอบการวันนี้

BBL
ธนาคารกรุงเทพ
BBL กำไรสุทธิ 3Q24 อยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY และ 6% QoQ สูงสุดรายไตรมาส โดยสูงกว่าที่เราคาด 6% และตลาดคาด 9% หลักๆ มาจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยและกองทุนเพิ่มขึ้น ด้านคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลงในไตรมาสนี้ โดย NPLs/loans ratio ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 3.4% ซึ่งเป็นระดับปกติของธนาคารใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด เราคาดกำไรสุทธิ 4Q24 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ กดดันจาก NIM ที่อ่อนตัวลง และค่าใช้จ่าย OPEX ที่จะเพิ่มขึ้น QoQ เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 178 บาท

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้