Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

557

 

"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1472/1478 จุด รับ 1458/1453 จุด ดัชนี S&P500 ส่งสัญญาณปรับฐาน -0.76% นำโดยหุ้นเทคฯ ASML ดิ่ง -16.2% หลังให้สัญญาณลบต่อแนวโน้มยอดขาย โดยเฉพาะในจีน สร้างจิตวิทยาลบหุ้นเทคฯอื่นฯด้วย และหุ้นพลังงานที่ลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลงเฉลี่ย -3.7% หลังมีสัญญาณอิสราเอลจะไม่ตอบโต้ผ่านการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมัน ลดแรงกดดันต่อ US Bond Yield 10 ปี -8 bps สู่ 4.0%+/- หนุนวงจรดอกเบี้ยขาลง ส่วยภายในวันนี้ การประชุม กนง. แม้คาดคงดอกเบี้ย แต่น่าจะส่งสัญญาณ "Dovish" ขึ้น ขณะที่พัฒนาการภายในเชิงบวก คือ 1) การเบิกจ่ายงบลงทุน 11 วันแรกปีงบ 2568 อิงค่าเฉลี่ยเบิกจ่ายรายวันเร่งสุดตั้งแต่ เม.ย. 24 2) โครงการ Entertainment Complex เดินหน้า อีก 1 เดือนเสนอ ร่าง กฎหมาย ครม. พิจารณาหนุน New S-curve ภาคบริการ และ 3) นายกฯ แถลงมาตรากรกระตุ้นเศรษฐกิจ 10.00น. วันนี้ หนุน SET แกว่งในกรอบ คาดกลุ่ม Anti-Commodities (วัสดุฯ สายการบิน โรงไฟฟ้า) หุ้น Domestic (ค้าปลีก ท่องเที่ยว กลุ่มอิง Entertainment Complex) และหุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน (เช่าซื้อ หนี้สูง High Yield) เด่น วันนี้แนะ AOT, ADVANC, GPSC

 

 


Daily outlook: "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1472/1478 จุด รับ 1458/1453 จุด

What happened around the world ?

(-) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกลงอีกครั้ง หลังจากทำ All time high ตลาดรอการรายงานงบ 3Q24 และการเลือกตั้งสหรัฐ โดย Dow jones -0.75%d-d , S&P500 -0.76%, Nasdaq -0.98%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors กลุ่มที่ปรับขึ้นนำโดย กลุ่ม Real estate, Consumer staples , Utilities, ฯลฯ ส่วน Sector ปรับลงคือ Energy, IT, Health care ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ กลุ่ม Semiconductor ปรับลงในทางเดียวกัน ASML -16.2% รับรายงานรายได้ต่ำคาด ชะลอจากจีน NVDIA -4.69%, AMD – 5.22%, เป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นเอเซียเหนือและกลุ่มชิ้นส่วนไทย ฯลฯ

(*) US Econ : New York Fed คาดอัตราเงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้า เดือน ก.ย. ทรงตัวจากเดือนก่อยที่ 3.0% (เป้าหมายเงินเฟ้อของ Fed คือ 2%)

(*) Fed Speaks : คุณ Mary daly ประธาน Fed สาขา Sanfrancisco (Voter) เผย. 1.)มองจะเห็น Fed ลดดอกเบี้ยราว 1-2 ครั้งในปีนี้ และคาดจะเดินหน้าลดงบดุล (Balance sheet) 2.) ไม่สามารถคาดการร์อัตราการลด อาทิ 25/50 bps ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 3.)นโยบายการเงินปัจจุบันยังควบคุมเศรษฐกิจสหรัฐได้ โดยรวมยังย้ำดอกเบี้ยขาลงในช่วงที่เหลือของปี

(*/+) China Econ & Stimulus รัฐบาลจีนเตรียมเก็บภาษีเหล่าเศรษฐี (Ultra wealth) เพิ่ม 20% จากเดิม โดยจุดประสงค์คือ เป็นการจัดหาเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจีน สอดคล้องกับการที่รัฐบาลจีนวางแผนที่จะออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านหยวนภายในสิ้นปี 2567 และต้องการป้องกันนักลงทุนย้ายเงินออกนอกประเทศ นอกจากนี้ พรุ่งนี้ติดตามการหารือกันระหว่าง รมว. กระทรวงเกี่ยวข้องกับภาคอสังหา+ที่อยู่อาศัยกับธนาคารกลางจีน (PBOC) มองสร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อการหารือมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯเพิ่มเติม มองเป็นจังหวะสะสมหุ้น China Play เป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC IVL , SCGP ,PTTGC ,HANA ,AOT, CPALL, AU

(*/+) China -taiwan tension : จีนเสร็จสิ้นการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน หลังจากวันก่อนหน้าส่งเครื่องบิน 153 บำซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน และเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นฝั่งเอเซียเหนือ

(*/+) Shimp Sector สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารทะเลแห่งเวียดนาม เผยยอดส่งออกกุ้งของเวียดนาม 9M24 อยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าสูงสุดในผลิตภัณฑ์อาหารทะเล + 10.5%y-y (ยอดส่งออกกุ้งขาวแปรรูป +10% ยอดส่งออกกุ้งขาวแช่แข็ง +4.5%) ประเมินยอดส่งออกุ้งในไทยคาดจะดีตาม มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่มีสัดส่วนรายได้จากกุ้ง อาทิ CFRESH, CPF

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 17 ต.ค. ติดตามดัชนีค้าปลีก ก.ย. คาด +0.2%m-m ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาด -0.1%m-m 18 ต.ค. ติดตามยอดขอสร้างบ้านใหม่ ก.ย. คาด 1.35 ล้านหลัง ฝั่งจีน 18 ต.ค. ติดตามรายงาน GDP ไตรมาส 3 จีน คาด 4.6% ฝั่งยุโรป 17 ต.ค. ติดตามการประชุม ECB คาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับ 3.4% และเงินเฟ้อ CPI ก.ย. 24 คาดเงินเฟ้อทั่วไป +1.8%y-y vs prev. +2.2%y-y

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐทิศทางระยะสั้น อายุ 2 ปี แกว่งตัวออกข้าง - อยู่ที่ 3.95% สวนทางอายุ 10 ปีปรับลงแรง 8 bps อยู่ที่ 4.0%(US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อ 103.0

•(*/-)Oil : ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกระยะสั้นป็นขาลงอีกครั้ง โดยทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ อิง น้ำมันดิบ Brent -3.5%d-d ปิดที่ US$ 73.5/barrel น้ำมันดิบ West Texas -3.9%d-d ปิดที่ US$ 70.9/barrel แรงกดดันมาจาก OPEC + Meeting เผยปรับลดคาดการณ์ Demand การบริโภคน้ำมันโลกปี 2024-2025 ลง และสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกลางลดลง ล่าสุด สหรัฐเผยว่าอิสราเอลวางแผนที่จะจำกัดการโจมตีตอบโต้ในอิหร่านให้เหลือเพียงเป้าหมายทางทหารโดยรวมมองเปนจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP ในทางตรงข้ามบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีต้นทุนเป็นต้นน้ำมัน อาทิ สายการบิน AAV, BA กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มค้าปลีก BJC

 

 

What happened in Thailand ?

(-) SET : SET Index ปรับตัวลดลง -5.07 จุด หรือ -0.34% ปิดที่ 1465.03 จุด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ราคาน้ำมันดิ่งลงแรง หลัง OPEC ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันลง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) ยังถูกขายลดสถานะต่อเนื่อง หลังคาดการณ์กำไร 3Q24F มีแนวโน้มไม่สดใส หลังแรงกดดันแทบทุกธุรกิจ กลุ่มประคอง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, CCET) จิตวิทยาบวกหุ้นเทคโนโลยีกลับมานำตลาด กลุ่มการแพทย์ (BDMS) เด่นในฐานะหุ้นที่อยู่ในช่วงฤดูกาลและ Defensive จากภาวะตลาดที่เริ่มผันผวนมากขึ้น

(*/-) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ซื้อพันธบัตร +68.5 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -70.7 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short -2,866 สัญญา เงินบาทหลังสลับอ่อนค่าเล็กน้อยสู่ 33.3 +/- บาท

(+) Vayupak: กระแสเงินกองทุนวายุภักษ์ (VAYU1) เป็นภาพไหลเข้าต่อเนื่อง บ่งชี้นักลงทุนสถาบันซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องนับจาก 1 ต.ค. ที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ใหม่เริ่มเข้าลงทุนในตลาด เราพบว่า นักลงทุนสถาบันในช่วง 10 วันทำการที่ผ่านมา ซื้อหุ้นไทยมีนัยฯ ที่ 23.7 พันล้านบาท vs ก.ย. และ 9M24 ที่ขายสุทธิ -1.7 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ภาพดังกล่าวเริ่มสอดคล้องกับในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2003 Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค. – จุด Peak (12 ม.ค.2004) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด +23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index เส้นเหลือง ปรับขึ้นในรอบนั้น คือ ภายในประเทศ(นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท , นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) โดยรวมหนุน KSS ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด (PER2024 17.1X EPS24 ที่ 90.0 ) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.4% และปี 2025 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดวานนี้ ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2003 -2004 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 ของเราใน 3 ธีมหลัก คือ

1.) Rate Cut Cycle Plays : GULF, GPSC, MTC

2.) New Government Policy Support : CPALL, BJC

3.) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) : BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

(+) TH Budget Disbursement: พัฒนาการการเบิกจ่ายงบลงทุนปี 2568 สิ้นสุด 11 ต.ค. เป็นบวกต่อเนื่อง โดยการเบิกจ่าย 11 วันแรกอยู่ที่ 5.4% เฉลี่ยวันละ 0.49% เป็นค่าเฉลี่ยเร่งมากสุดตั้งแต่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 (มีผล 30 เม.ย.) มองเป็นส่วนสำคัญช่วยหนุนพัฒนาเศรษฐกิจปลายปี 24 - ต้นปี 25 และบวกต่อหุ้น Domestic ธนาคาร KTB เช่าซื้อ บริโภค CPALL, GLOBAL กลุ่มวัสดุ+รับเหมา CK, TASCO

(*/+) Entertainment Complex: รมช. คลัง คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน ก่อนรอเสนอ ครม. พิจารณา ร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เมนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ หลังผ่านขั้นตอน Public Hearing ที่มีประชาชนเห็นด้วย 82% แล้ว มองจิตวิทยาบวกหุ้นที่เกี่ยวข้อง กลุ่มทุนใหญ่ที่มีกระแสข่าวสนใจลงทุนและหุ้นภาคบริการ AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK

(*/+) MPC Meeting: วันนี้ติดตามการประชุม กนง.Krungsri Research คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์ เรามองเงินเฟ้อที่ยังต่ำ จน Real Yield เป็นบวกต่อเนื่อง 14 เดือน ผสาน เศรษฐกิจฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป เรามอง BOT มีโอกาสส่งสัญญาณ Dovish ขึ้น ทิศทางดังกล่าวจิตวิทยาบวกต่อหุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน โรงไฟฟ้า GULF, GPSC เช่าซื้อ หุ้นหนี้สูง CPALL, TRUE หุ้น High Yield ADVANC

(*) Cabinet: ความคืบหน้าหลังประชุม ครม.

1.) อนุมัติแพ็คเกจช่วยครัวเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วม อาทิ ยกเว้นภาษีรายได้สำหรับครัวเรือนเท่ากับจำนวนเงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล, ยกเว้นภาษีรายได้นิติบุคลลที่ได้รับการช่วยเหลือ นอกจากนี้ ระทรวงการคลังยังจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan และสินเชื่อผ่านโครงการ บสย. , ธนาคารออมสิน และ ธกส. มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มได้ประโยชน์ซ่อมแซ่มหลังน้ำท่วม อาทิ GLOBAL, HMPRO, TASCO

2.) นายกสั่งการ สั่งเดินหน้า ไทยแลนด์มิวสิค แคมเปญ ถึงปี 2568 เล็งดึงศิลปินระดับโลก จัด Exclusive คอนเสิร์ตในไทย มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ อาทิ AOT, CPALL

3.) นายกสั่งการเร่งหาข้อสรุปนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รมว. คลังคาดจัดตั้งกองทุน 2-3 แสนล้านบาท ส่วน รมว. คมนาคม คาดนโยบายจะมีผลช่วง ก.ย. 25 มองจิตวิทยาลบต่อ BEM ที่สัมปทานเหลืออายุยาวกว่า BTS

(*) TH Tourism: นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 5.75 แสนคน ปรับตัวลดลง -9.8%w-w จากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดต่ำกว่าปกติ หลังผ่านช่วง Golden Week อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยว YTD 2024F ยังสูง 27.2 ล้านคน สูงเฉลี่ย 9.48 หมื่นคนต่อวัน ผสานกับช่วงที่เหลือของปีคาดเร่งขึ้นจากการเข้าสู่ฤดูกาล มองคาดหวังระดับ 1.0-1.2 แสนคนต่อวันได้ คาดหนุนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024F อยู่ในกรอบที่ตลาดคาดประเมิน 35.5-36 ล้านคน โดยรวมเรามองนักท่องเที่ยวที่จะเร่งขึ้นช่วงที่เหลือของปีจะเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว+ภาคบริการ เน้นสะสม AOT, CPALL, ADVANC

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายใน ติดตาม 15 ต.ค. กลุ่มธนาคารเริ่มรายงานกำไรงวด 3Q24F คาดธนาคารที่ศึกษารายงานกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 5.22 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +3% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q ธนาคารคาดเติบโต y-y และ q-q คือ TTB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y ลดลง q-q คือ BBL, KBANK ,KTB และ SCB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิลดลง y-y เพิ่มขึ้น q-q คือ KKP ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง y-y และ q-q คือ TISCO โดยช่วงที่เหลือของสัปดาห์ (18 ต.ค.) ติดตาม TTB, KKP ส่วน BBL (18-21 ต.ค.) ที่เหลือสัปดาห์หน้า (21 ต.ค.) ติดตาม KBANK, KTB, SCB

 

Daily Strategy : AOT, ADVANC, GPSC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "แกว่งในกรอบ" แม้น่าจะมีภาพการเคลื่อนไหวรายอุตสาหกรรมคล้ายกับต่างประเทศ ในส่วนหุ้นอิงกระแสเทคโนโลยี ฝั่งชิ้นส่วน หลัง ASML ให้ภาพแนวโน้มธุรกิจอ่อนลง รวมถึงราคาน้ำมันที่ดิ่งลงยังจิตวิทยาลบต่อกลุ่มน้ำมัน แต่จุดดี คือ ช่วย US Bond Yield คลายตัวลง หนุนจิตวิทยาลงทุนภาพรวมและหุ้นกลุ่มอื่นๆ มองหุ้นนำวันนี้ ได้แก่ กลุ่ม Anti-Commodities (วัสดุ สายการบิน โรงไฟฟ้า) หุ้น Domestic (ค้าปลีก ท่องเที่ยว กลุ่มทุนสนใจ Entertainment Complex) และหุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน (เช่าซื้อ หนี้สูง High Yield โรงไฟฟ้า)

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : THB Appreciate

ค่าเงินบาท : เงินบาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องล่าสุด 32.9 บาท (แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน -4 บาทจากสิ้น 2Q24 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด KSS ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท

ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไร มากที่สุดคือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 2024) รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2024F เพิ่มราว 1-1.5%. ฯลฯ กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่าคือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน : ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุน 4Q24 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2024 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน เน้น AAV กลุ่มเกษตรเน้น TVO กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI, TAN ICHI

• Strategy Update : Vayupak Plays

การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่

1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24

2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก

3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป

4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น

5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท

เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท

ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

 

• AMATA (Buy, TP32): We estimate core profit at Bt816m for 3Q24F, jumping 49% yoy and 146% qoq, premised on IE gross profit to increase 31% yoy and 86% qoq to Bt788m (higher deed transfer and gross margin on better product mix) and higher profit contribution from power unit on FX gain. Also, we expect expenses back to a normal level. That would take 9M24F core profit to Bt1.5b, +11% yoy and 63% of our FY24F earnings. We expect better profit qoq in 4Q backed by stronger IE and power units. We maintain BUY rating.

• STA (Trading Buy, TP22.2): เรามีมุมมอง "Slightly positive" ต่อแนวโน้ม 3Q24F คาดที่ 850 ลบ. (พลิกจากขาดทุน y-y, +35%q-q) ดีที่สุดในรอบ 7 ไตรมาส ปัจจัยหนุนจาก i) ราคายาง SICOM 3Q24 เฉลี่ยเพิ่มขึ้น +33%y-y, +5%q-q ii) คาดรายได้จากธุรกิจถุงมือยางเติบโตจากความต้องการเพิ่มขึ้น iii) คาด GPM ที่ 12.5% เพิ่มขึ้น y-y, q-q (vs. (8.8%/12.2%.ใน 3Q23/2Q24) จากสัดส่วนการขายยาง EUDR ที่มี GPM สูงกว่ายาง Non-EUDR เพิ่มขึ้น สำหรับโมเมนตั้ม 4Q24F คาดกำไรสุทธิลดลง q-q เพราะคาดลูกค้าชะลอการเร่งสั่งซื้อยาง จากแนวโน้มการเลื่อนการบังคับใช้ยาง EUDR ออกไป 12 เดือน จึงยังคงคำแนะนำ Trading Buy TP25F 22.20 บ.

• SHR (Neutral, TP2.2): We downgrade SHR to "Neutral" with a target price of Bt2.20. This is premised on: i) We expect SHR to report a net loss of Bt45m in 3Q24F, which is a slower recovery than previously anticipated ii) 9M24F earnings is at Bt15m, has a downside risk to our 2024F estimates; iii) SHR's stock price has risen by 28% since August, suggesting that the market has already priced in the company's lowest earnings from 2Q24.

Energy & Petrochemical (Neutral): ฝั่งต้นน้ำ (น้ำมันดิบ) +4-6% w-w ปัจจัยบวกจากกังวลสงครามในตะวันออกกลางรุนแรง อย่างไรก็ตามสัปดาห์ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบผันผวนลงหลัง OPEC/IEA ทยอยปรับลดคาดการณ์ demand น้ำมันใน 2024-25 ลง คงมุมมอง ต.ค. 24 ราคาน้ำมันดิบผันผวน ผลักดันจากความกังวลความไม่แน่นอนของสงครามฯ ในขณะที่ด้าน demand น้ำมันไม่ได้มีปัจจัยหนุน และยังมีความกังวลความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ U.S. และจีน คอยกดดัน

ฝั่งโรงกลั่น ค่าการกลั่นสิงคโปร์ (SG GRM) +10% w-w หนุนจาก gasoline spread +16% w-w ตาม demand ของ U.S. +13% w-w และกังวล supply ส่วน jet/gasoil spread +12/13% w-w ได้ความต้องการใช้ใน EU หนุน รวมถึงกังวล supply disruption ในไต้หวัน คงมุมมองค่าการกลั่น ต.ค. 24 ฟื้น m-m ได้ demand re-stock รับฤดูหนาว และ supply ตึงตัว หลังโรงกลั่นบางส่วนลด run จากอัตรากำไรที่ต่ำ

ฝั่งปิโตรเคมี ส่วนใหญ่ spread ลด w-w ยังคาบเกี่ยวช่วงหยุดวันชาติจีนส่งให้ demand ยังชะลอ ในขณะที่ราคา feedstock ผันผวนขึ้น i) สายโอเลฟินส์ -5-9% w-w ลงมาต่ำเป็นประวัติการณ์ คาดระยะสั้นจะเริ่มเห็นการ cut run ii) สายอะโรเมติกส์ PX/BZ spread -10-11% w-w ไม่มีแรงหนุนจาก trader ตุนสินค้าเหมือนสัปดาห์ก่อน และ downstream มีปิดซ่อมนอกแผน ส่วน iii) สายโพลีเอสเตอร์ (PET) integrated spread +22% w-w ปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนได้ทั้ง PTA และ PET (lagged effect) มอง ต.ค. 24 ต้องติดตาม demand re-stock ของสายโอเลฟินส์ หากยังมาช้าอาจส่งให้มี downside ไม่มี spread ปิโตรเคมีที่ฟื้น m-m เลยในเดือน

ภาพสัปดาห์ โรงกลั่นมีปัจจัยบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัว แต่อาจถูกกลบด้วยภาพระยะสั้นที่แนวโน้ม 3Q24F เผชิญ stock loss ก้อนใหญ่ คงมุมมองรอผ่านช่วง preview 3Q24F (กลางเดือน ต.ค. 24) ของกลุ่มโรงกลั่นไปก่อน ค่อยกลับมาเก็งกำไร 4Q24F ที่คาดค่าการกลั่นได้ winter season หนุน

 


4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้