Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

551

 

 

"Infrastructure Tech Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1472/1482 จุด รับ 1457/1450 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐาน S&P500 ลดลง -0.93% ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์สร้างแรงกดดัน หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้อิสราเอลที่บุกโจมตีทางตอนใต้ของเลบานอน ทำให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงลดความเสี่ยงระยะสั้น แต่มุมมอง KSS ประเมินน่าจะไม่ขยายวงกว้าง เนื่องจากอิหร่านตอบโต้ตามสัญญาณที่เคยเตือนอิสราเอลที่โจมตีเลบานอนในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ยังคงต้องค่อยๆติดตามพัฒนาการ ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนช่วงต้น ก่อนค่อยๆ ฟื้นตัว หนุนจาก 1) ราคาน้ำมันวานนี้ที่เร่งขึ้นมาเฉลี่ย +2.5% ระยะสั้น ยังน่าจะหนุนกลุ่มน้ำมัน (กลุ่มพลังงาน 12% ของมูลค่าตลาด) ขึ้นมาประคอง 2) เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาทที่เริ่มเข้าตลาดวานนี้ จะเป็นตัวช่วยอีกด้าน กลยุทธ์ มองหุ้นเคลื่อนไหวเด่นกว่าตลาด คือ กลุ่มน้ำมัน (PTT, PTTEP) กลุ่ม Domestic ที่มีความ Defensive (ร.พ. สื่อสาร ค้าปลีก) กลุ่ม Infra Tech (โรงไฟฟ้า) วันนี้แนะนำ PTT, GPSC, ADVANC เด่น

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1472/1482 จุด รับ 1457/1450 จุด

What happened around the world ?

(*/-) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐพักข่าวสงครามหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล รับ PMI ภาคผลิตสหรัฐต่ำ 50 จุด และ GDP Now ลดลงจากรอบก่อน Dow jones (-0.41%) apple -2.9%,Intel -3.21% chevron +1.65% Exxon +2.3%), S&P500 -0.93%d-d Nasdaq -1.53%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับขึ้นมีเพียงแค่กลุ่ม Energy, Utilities, ICT ส่วนกลุ่มที่ปรับลงและ Underperform นำโดย IT, Real estate, Financials ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น Alibaba ADR +6.2% รับข่าวรัฐบาลจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ, กลุ่ม Semiconductor ปรับลงในทางเดียวกัน หลังจากขึ้นมาช่วงก่อน อาทิ NVDIA -3.68%, AMD -2.64% Broadcom -2.92% กลุ่มสายการบินลงรับราคาน้ำมัน Delta Air Lines -1.6% American Airlines -3.02% ฯลฯ

(*) US Econ : 1.) PMI ภาคผลิต สหรัฐ เดือน ก.ย. ยังต่ำกว่า 50 จุดทั้ง 2 สถาบันที่รายงานพร้อมกัน i) สถาบัน ISM ตัวเลขทรงตัวจากเดือนก่อนที่ 47.2 จุดแต่ต่ำคาดที่ 47.6 จุด เท่ากับเดือน ส.ค. แต่ต่ำกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ii) ส่วนสถาบัน S&P ตัวเลขอยู่ที่ 47.3 จุดดีกว่าตลาดคาดที่ 47.0 จุด แต่ชะลอจากเดือนก่อนที่ 47.9 จุด ถือเป็นการหดตัวของภาคการผลิตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นการหดตัวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2023 โดยเป็นผลจาก คำสั่งซื้อใหม่และการส่งออกลดลงอย่างมากเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเลือกตั้งประธานาธิบดี และ การจ้างงานลดลงในอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 2.) Fed Atlanta คาดการณ์ GDP Now สหรัฐ 3Q24 คาดโต 2.5%q-q ชะลอจากรอบก่อนที่ 3.1%q-q 3.)การเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค. + 3.29 แสนราย อยู่ที่ 8.04 ล้านราย สูงกว่าตลาดคาดที่ 7.66 ล้านราย โดยรวมทำให้ KSS ประเมินภาคผลิตที่ชะลอตัวดังกล่าวแต่ไม่ได้หดตัวมากกว่าที่คาด เพราะระดับ PMI ที่บริเวณ 47 ยังไม่ได้เป็นระดับต่ำสุด ผสานกับภาคการผลิตสัดส่วน GDP สหรัฐเพียง 10% น้อยกว่าภาคบริการราว 70% แฃะตัวเลขแรงงานยังแกร่ง ทำให้ยังคงมองภาพเศรษฐกิจสหรัฐเป็น Soft landing

(*) EU CPI เงินเฟ้อ CPI เดือน ก.ย.24 +1.8%y-y ตามคาด และลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 2 เดือน และลงมาในกรอบที่ ECB ตั้งเป้าไว้ 2.0% บวกลบ (Core CPI +2.7%y-y prev. 2.8%) เงินเฟ้อยุโรปที่ลงหนุนภาพความเชื่อ Cycle ดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่องทำต่อหลังจากปีนี้ปรับลดดอกเบี้ยลงมา 2 ครั้งแล้ว มองบวกเศรษฐกิจยุโรปและบวกต่อหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%)

(*/+) S.korea Export : ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกันเมื่อเทียบเป็นรายปี เดือนก.ย. +7.5%y-y แรงหนุนจากยอดส่งออกชิปที่แข็งแกร่ง และการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น 4.9% แตะระดับ 5.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วน อาทิ KCE HANA DELTA

(-) Geopolitical Risk: กระทรวงกลาโหมประเทศอิสราเอลรายงาน อิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธเพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลส่งทหารบุกภาคพื้นดินทางตอนไต้ของเลบานอนซึ่งอิหร่านให้การสนับสนุน โดยผู้นำระดับสูงสหรัฐฯเข้าหารือกันเพื่อเตรียมมาตรการช่วยเหลือการป้องกันประเทศของอิสราเอล KSS แนะนำติดตามประเด็นนี้ หากความขัดแย้งรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างเป็นสงครามในระดับภูมิภาค จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างประเทศ โดยราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรงสะท้อนข่าวดังกล่าว แต่หากไม่ขยายวงมองกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ หากพิจารณาการเคลื่อนไหว Geopolitical Risk Index (GRI) ล่าสุดวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งใช้วัดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เคลื่อนไหว บริเวณ 141.3 จุด ยังห่างจากจุดสูงสุดของปีที่ 227 จุดในช่วงกลางเดือน เม.ย. 2024 คาดยังไม่ได้รับข่าวการโจมตีในตะวันออกกลาง ทำให้ยังเป็นจุดที่ต้อง Monitor สถานการณ์ต่อ

(*) To monitor ฝั่งสหรัฐ 3 ต.ค. PMI ภาคบริการ (ISM) ไม่มีคาด vs prev. 52.5 จุด 4 ต.ค. ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ย.24 ตลาดคาด 1.4 แสนตำแหน่ง vs prev. 1.42 แสนตำแหน่ง อัตราว่างงาน ตลาดคาด 4.2% vs prev. 4.2% ฝั่งยุโรป Golden Week: 1-7 ต.ค.ติดตามกระแสท่องเที่ยวชาวจีนในช่วง (Golden Week)

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ พลิกปรับลง อายุ 2 ปี ปรับขึ้นอีกครั้ง -4 bps อยุ่ที่ 3.6% อายุ 10 ปี -5 bps อยู่ที่ 3.73% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, GPSC กลุ่มชิ้นส่วน DELTA, HANA ส่วน Dollar Index แข็งค่า 100.9

(*/+) Oil : น้ำมันดิบบวกต่อเป็นวันที่ 3 แต่บวกแรง อิง Brent +2.59%d-d ปิดที่ US$ 73.59/barrel. น้ำมันดิบ West Texas +2.44%d-d ปิดที่ US$ 69.83/barrel แรงหนุนจากความตึงเครียดสงครามในตะวันออกลาง หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอลผสานคาดการณ์เศรษฐกิจจีนจะดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของทางการที่ออกมาต่อเนื่อง โดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand ?

(+) SET : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น +15.83 จุด (+1.09%) ปิดที่ 1464.66 จุด ตอบรับปัจจัยบวกเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท ทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้น กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH, TRUE) ตอบรับกระแสทางบวก Google ประกาศลงทุน Data Center ในประเทศไทย 1 พันล้านเหรียญฯ ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนมีปัจจัยบวกเงินบาทสลับมาอ่อนค่าระยะสั้นเป็นจิตวิทยาบวก กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มประกัน (TLI) ถูกขายทำกำไร

(*/-) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายพันธบัตร -93.2 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -52.6 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net long 3,725 สัญญา เงินบาทสลับอ่อนค่า 32.5 +/- บาท

(+) TH Tourism: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ 22-29 ก.ย. 24 อยู่ที่ 5.92 แสนคน อ่อนตัว -1.7%w-w ถ่วงจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย -27.8%w-w แต่นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวเด่น +14.5%w-w เริ่มสะท้อนภาพการเข้าสู่ช่วง Golden Week โดยรวมประเมินมีโอกาสเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ถัดไปเร่งขึ้น เชิงกลยุทธ์ หากหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และสายการบินอ่อนลง เน้นทยอยสะสม AOT, ERW, AAV ที่มีฐานลูกค้าจีนสูงๆ 17%, 17% และ 22% ของรายได้ ตามลำดับ

(*/+) THBEV: Bloomberg รายงาน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด หรือ ThaiBev กำลังกลับมาเดินหน้าแผนการเสนอขายหุ้น IPO หน่วยธุรกิจเบียร์ หรือ BeerCo อย่างเร็วที่สุดในช่วง 3Q25 นอกจากนี้ THBEV ยังพิจารณาการเสนอหุ้นร่วมทุนกับพันธมิตรอื่นๆ เรามองบวกต่อแผนการนำ BeerCo เข้าตลาด เนื่องจากคาดช่วยสามารถระดมเงินทุนมาช่วยสนับสนุนการขยายตัวธุรกิจเบียร์ในกลุ่มดีขึ้น มองจะหนุน BJC ในส่วนธุรกิจรองบรรจุภัณฑ์ที่มีกลุ่ม THBEV เป็นลูกค้า โดยปัจจุบันธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ปัจจุบันสร้างรายได้ BJC (17% ของรายได้, 27% ของกำไร) ผสาน ผลบวกมาตรการกระตุ้นบริโภคต่อธุรกิจหลักค้าปลีก และ Valuation BJC อยู่ในโซนลงทุน ซื้อขาย PER25F ที่ 19 เท่า อยู่ในระดับ – 2 S.D. แนะนำสะสมต่อเนื่อง

(*/+) Entertainment Complex: วันนี้ (2 ต.ค.) กระทรวงคลัง จะมีการประชุม ร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนท์เมนท์ คอมเพล็กซ์) นัดแรก พร้อมเตรียมตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาเพื่อนำร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) มองความคืบหน้าดังกล่าวเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากโครงการ Entertainment Complex อาทิ AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK

(*) Cabinet: การประชุม ครม. วานนี้ ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการ โดยยังไม่มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่กำหนดการสัปดาห์หน้าคาดมีการพิจารณา กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแนวทางจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเดิมให้ทุกครัวเรือน 9,000 บาทเท่าๆกัน เรามองเม็ดเงินดังกล่าวจะช่วยหนุนจิตวิทยาลงทุนหุ้นได้ประโยชน์การซ่อมแซ่มบ้านหลังน้ำท่วม อาทิ HMPRO DOHOME GLOBAL เน้น GLOBAL มีสาขาในพื้นที่ภาคเหนือ+ตะวันออกเฉียงเหนือสูง 70% ของสาขาทั้งหมด ผสาน ราคาเหล็กโลกฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หนุนยอดขายและมาร์จิ้นกลุ่มสินค้าเหล็กที่มีสัดส่วน 20% ของยอดขาย

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายในติดตาม 1. ) ติดตามการหารือกันระหว่างกระทรวงการคลังกับ BOT ในส่วนเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว และกรอบเงินเฟ้อใหม่ 2.) ปลายสัปดาห์เข้าสู่เทศกาลกินเจ 3-11 ต.ค. 24 มองจิตวิทยาลบกลุ่มจำหน่ายเนื้อสัตว์ (CPF, GFPT, BTG) และจิตวิทยาบวกต่อหุ้นได้ประโยชน์ช่วงเทศกาลกินเจ (CPALL, TVO) และ 3.) 1-7 ต.ค. ติดตาม กระแสท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงวันหยุดยาว (Golden Week) มองกระแสมีโอกาสคึกคัก หนุนจิตวิทยาบวกต่อหุ้นการบิน ท่องเที่ยว และกลุ่ม China Plays

 

Daily Strategy : PTT, AOT, GPSC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways/Up" สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น จากการตอบโต้อิหร่านต่ออิสราเอล ทำให้มีภาพขายลดความเสี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดี ฝั่งไทยยังมีแรงประคองกลุ่มน้ำมันที่ตอบรับทางบวกสอดคล้องราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นมาเฉลี่ย 2.5% ผสาน กระแส Infra Tech ที่กำลังมาแรงยังเป็นแรงหนุนต่อ มองหุ้นเด่นกว่าตลาดวันนี้ 1) กลุ่มน้ำมัน 2) กลุ่ม Domestic ที่มีความ Defensive (ร.พ. สื่อสาร ค้าปลีก) 3) กลุ่ม Infra Tech โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

 

• Strategy Update : THB Appreciate

ค่าเงินบาท : เงินบาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องล่าสุด 32.9 บาท (แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน -4 บาทจากสิ้น 2Q24 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด KSS ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท

ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไร มากที่สุดคือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 2024) รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2024F เพิ่มราว 1-1.5%. ฯลฯ กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่าคือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน : ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุน 4Q24 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2024 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน เน้น AAV กลุ่มเกษตรเน้น TVO กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI, TAN ICHI

• Strategy Update : Vayupak Plays

การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่

1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24

2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก

3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป

4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น

5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท

เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท

ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 


• ITC (Not Rated): มุมมอง "Slightly Positive" ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q24F คาดที่ 1,014 ลบ. (+57%y-y, ทรงตัว q-q) จาก i) คาดยอดขายเพิ่มขึ้น +15%y-y ทรงตัว q-q โดยคาดยอดขายบางส่วนเลื่อนไปใน 4Q24F เพราะตู้คอนเทนเนอร์ยังขาดแคลนต่อเนื่องจากต้นปี ii) คาด GPM 30% เพิ่ม +1,080 bps y-y ทรงตัว q-q เพราะต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์โดยรวมลดลง โดยหากไม่รวม FX loss ราว -110 ลบ. คาดกำไรปกติที่ 1,124 ลบ. (+75%y-y, ทรงตัว q-q) สำหรับโมเมนตั้ม 4Q24F คาดกำไรเพิ่มขึ้น y-y จากฐานต่ำ แต่ทรงตัว q-q โดยถึงแม้คาดรายได้เพิ่มขึ้น q-q แต่แนวโน้ม GPM ลดลงและ SG&A/sales เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรายังไม่ได้ Cover หุ้น ITC จึงยังไม่มีคำแนะนำและราคาเป้าหมาย (IAA Median Consensus ที่ 28.50 บ.)

• CBG (Neutral, TP76): In spite of low seasonality, we expect 3Q24F core profit to grow 3% qoq to Bt708m, underpinned by: 1) 4% qoq sales growth as CBG continued to gain market share for the domestic energy drink and 2) the gross margin that remained stable qoq as raw material prices remained relatively stable. We also note that despite the market share gain in energy drink in Thailand, the international sales declined about 15% qoq (to THB1.17b) as Myanmar sales (7% revenue contribution) declined by 40% qoq because of both flooding and the stringent capital control that made energy drink imported from Thailand difficult. We maintain our TP, all estimates but downgrade to NEUTRAL due to the share price surge recently which has led to limited upside. 9M24F core profit accounts for 75% of FY24F core profit.

• Aviation (Bullish): เรามอง Neutral ยอด นทท. สัปดาก์ที่ 39/24 ลดลงเล็กน้อย -2% w-w จากการลดลงของ นทท.มาเลเซีย ในขณะที่ภูมิมาคอื่นๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะ นทท.จีนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดวันชาติจีน ราคาน้ำมันลดลง -1% w-w และเฉลี่ยทั้งไตรมาสลดลง -18% y-y ค่าเงินบาทแข็งค่า -0.53 บาท/USD w-w และ -4.4 บาท/USD จากสิ้นไตรมาสก่อนหน้าเป็น Upside ต่อผลประกอบการหุ้นกลุ่มสายการบิน เราคงน้ำหนัก Bullish กลุ่มการบิน และเลือก BA (Buy, TP 25.75) และ AOT (Buy, TP 64.5) เป็นหุ้น Top pick กลุ่มฯ

 


4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO


Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้