AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ฟื้นตัวตามกรอบ 1445-1460
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index ฟื้นตัวตามกรอบ 1445-1460 จุด จากปัจจัยแวดล้อมที่เป็นบวกจากประธาน FED ย้ำมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในจุดที่แข็งแรงและแนวโน้มดอกเบี้ยฯยังเป็นขาลง ส่วนในประเทศมี Sentiment บวกจาก Google ประกาศลงทุน Data Center และ AI ในไทย กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ BBIK BEM

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับขึ้นในช่วง 0.04% ถึง 0.4% ความสนใจหลักอยู่ที่การความเห็นของประธาน FED ในงาน National Association for Business Economics ที่มีมุมมองบวกต่อเงินเฟ้อที่กำลังปรับลงสู่เป้าหมายของ FED ขณะที่ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯและตลาดแรงงานยังแข็งแรง สภาพแวดล้อมข้างต้นทำให้ FED ยังสามารถปรับลดดอกเบี้ยฯ โดยการลดมากน้อยขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา เรามองเชิงบวกต่อการส่งสัญญาณดังกล่าวที่สะท้อนถึงเศรษฐกิจยัง Soft Landing และแนวโน้มดอกเบี้ยฯยังเป็นขาลง ซึ่งจะเป็นบวกต่อ Fund Flow ต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลเข้า
ด้านแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศจะคาดหวังได้มากขึ้น หลังจากเม็ดเงินวายุภักษ์วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท จะทยอยเข้ามาในตลาดหุ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้น คาดว่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่ม Market Cap ขนาดใหญ่ที่มีปันผลสูงประคองตลาด ขณะที่หุ้นที่เลือกในเชิงกลยุทธ์เราคัดกรองหุ้นที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เข้าหนุนมี Upside ในเชิงพื้นฐาน (>10% ) และเป็นหุ้น NVDR ซื้อสุทธิแต่กำไรไม่มาก (กำไรน้อยกว่า 5%) จะได้หุ้นน่าสนใจเช่น CPN CK BEM BH และ CPF เป็นต้น

Google ประกาศแผนลงทุนในไทย 3.6 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้าง Data Center และ Cloud Region สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาทภายใน 2572 คาดช่วยสร้างงาน 1.4 หมื่นตำแหน่งต่อปีระหว่างปี 2568-2572 เรามองเป็นบวกต่อเป็นบวกต่อการยกระดับอุตสาหกรรม Data Center/Cloud ที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลสนับสนุนมาโดยตลอด โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตจากการขยายบริการด้าน Data Center/Cloud (GULF ADVANC TRUE) กลุ่มนิคมที่มีโอกาสเป้าหมายตั้ง DATA CENTER (WHA AMATA) กลุ่มที่ Tech Consult (BBIK BE8) เป็นต้น

Market Summary
SET Index ติดลบ -0.1% กลุ่มที่กดดันมาจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ลดลง -2.2% DELTA -2.3% HANA -1.2% จากเงินบาทแข็งค่า กลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP -1.7% และกลุ่มปิโตรฯ -2.4% จากแรงขายทำกำไรหลังขึ้นแรงสัปดาห์ก่อน ส่วนกลุ่มที่หนุนตลาดมาจากกลุ่มได้ประโยชน์จากบาทแข็ง GPSC +1.6% BGRIM +1.3% กลุ่มได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม DOHOME +3.7% GLOBAL 1.3% กลุ่มไฟแนนซ์เริ่มรีบาวน์ SAWAD +3% JMT +2.3%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BEM BBIK

BBIK
กำไรมีแนวโน้มเติบโต
ตามอุตสาหกรรม
คาดกำไรหลักปี 67-69 จะเติบโตเฉลี่ย 28% CAGR หนุนจากโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและตลาดซอฟต์แวร์องค์กรในประเทศยังมีขนาดเล็ก
การเซ็นสัญญาโครงการใน มิ.ย. 67 ทำให้ backlog ณสิ้น2Q67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 905 ล้านบาท โดย 506 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ 2H67ขณะที่การชนะประมูลโครงการยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ค.- ส.ค. คาดกำไรหลัก 3Q67 ที่ 83 ล้านบาท +10% YoY และ +83% QoQ
เชื่อว่า BBIK จะได้ Sentiment บวก จาก Google ประกาศลงทุนในไทย 3.5 หมื่นล้านบาท ผลักดัน Data Center และ Cloud Region ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อโอกาสธุรกิจให้คำปรึกษา Digital Transform ครบวงจรของ BBIK ในอนาคต
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 44.00 บาท

BEM
กำไร 3Q67 มีแนวโน้ม
All Time High
คาดว่ากำไร 3Q67 มีโอกาสขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนจากจำนวนผู้โดยสาร MRT และผู้ใช้ทางด่วนฟื้นตัวจากช่วงเปิดเทอมของทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัย การปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงประสิทธิภาพในการสร้างกำไรที่สูงขึ้น ช่วยหนุนกำไรปี 67 ขยายตัวได้ 10.4%YoY
ราคาหุ้นยังมี Upside ส่วนเพิ่มอีก 0.8 บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็น 7.4% จากราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 10.8 บาท หากได้รับสัมปทานเก็บค่าผ่านทางทางด่วนเพิ่มเติมอีก 22 ปี แลกกับการสร้างทางด่วน 2 ชั้น (Double-deck) มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ เราคาด BEM ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่เป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์เนื่องจาก SET ESG Rating ที่ระดับ AA และเป็นหุ้นที่ NVDR ซื้อสุทธิโดยที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยกว่ากลุ่มขนส่ง จึงมองระดับเป็นปัจจุบันเป็นจุดที่น่าสะสมอย่างมาก
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.80 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงการพักตัวแกว่งในช่วง -0.09% ถึง -4.8% โดยมีตลาดที่บวกประกอบด้วย จีน +8.06% ฮ่องกง +2.43% และสิงคโปร์ +0.33% จากแรงขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ PBOC การประกาศให้ประชาชนในเมืองเซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น และกว่างโจว สามารถรีไฟแนนซ์ กู้อสังหาฯ ได้ ซึ่งถือเป็นความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาวิกฤตอสังหาฯ ที่เป็นต้นตอขอปัญหาเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมา
ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีน เดือน ก.ย. ยังคงผสมผสาน แม้จะเห็นสัญญาณเชิงบวกมากขึ้นในภาคการผลิต แต่ภาคบริการพลิกกลับมาแย่กว่าคาด 1) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน อยู่ที่ระดับ 49.8 (Consensus คาด 49.4 ) 2) ดัชนี PMI ภาคบริการ อยู่ที่ระดับ 50 (Consensus คาด 50.4 ) 3) ดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 49.3 (Consensus คาด 50.5 ) 4) ดัชนี Caixin PMI ภาคบริการ อยู่ที่ระดับ 50.3 (Consensus คาด 51.6)

EYES ON
1 ต.ค. จำนวนตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLTS), ISM ภาคการผลิต, CPI เดือน ก.ย. ของ Eurozone
2 ต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ISM ภาคบริการ, การจ้างงานเอกชน ADP
3 ต.ค. PPI เดือน ก.ย. ของ Eurozone
4 ต.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ