News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

1 ต.ค. 2567 09:07:36 477

Market Wrap-Up

SET วันที่ 30 ก.ย.67 ปิด -1.32 จุด อยู่ที่ 1,448.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,870 ลบ.ต่างชาติขาย 962 ลบ.สถาบันซื้อ 402 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 204 ลบ. รายย่อยซื้อ 355 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 149 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,PTT,CRC,MINT,PTTEP และยอดขายในหุ้น ADVANC,BDMS,CPALL,EA,KBANK มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,256 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,AOT,BCP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 4,281 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 47,302 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 775 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.04%, S&P500 +0.42%, Nasdaq +0.38% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +0.83%, บริการสื่อสาร +0.79% ขณะที่วัสดุ -0.60% หลัง ปธ.เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.98% จากแรงชายกลุ่มยานยนต์ -4% หลังสเตลแลนติส -4.7% และโฟล์คสวาเกน -4.3% จากการปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลง

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA , S&P500 ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ได้ปัจจัยหนุนจากถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดในงานสมาคมเศรษฐกิจศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ (NABE) ชี้เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25%

หลังรายงาน US PCE ส.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.2% & คาด 2.3% & ก.ค. 2.5% YoY และ ส.ค. 0.1% & ก.ค. 0.2% MoM โดย CME ปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม พ.ย.ลงอยู่ที่ 35% ค่ำวันนี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น PMI/ISM ภาคการผลิตสหรัฐ ก.ย. และ Jolts เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ ส.ค. คาด 7.64 ล.ราย & ก.ค. 7.673 ล.ราย

ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มยานยนต์ หลังโฟล์คสวาเกน -4.3% ตอบรับการปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลงเป็นครั้งที่ 2 ขณะที่ข้อมูล CPI เยอรมัน ก.ย. ปรับลดลงอยู่ที่ 1.8% & ส.ค. 2.0% YoY เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 64 โดยค่ำวันนี้ติดตาม CPI ยูโรโซน ก.ย. คาดที่ 1.9% & ส.ค. 2.2% YoY จะเป็นสัญญาณบ่งชี้โอกาสที่ ECB จะลดดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 1 ครั้งในปีนี้
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +8.06%, ฮั่งเส็ง +2.43% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา ฯ จีนปรับขึ้น ตอบรับข่าวรัฐบาลจีนเริ่มปรับลดจำกัดการซื้ออสังหา ฯ ใน 3 เมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้, เซิ่นเจิ้น, กวางโจว รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ซื้ออสังหา ฯ และลดเงินดาวน์บ้านหลัง 1, หลัง 2 ลง 15% และ 20% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ -4.8% จากแรงขายกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น หลังนายอิชิบะได้รับเลือกเป็น ปธ.พรรค LDP และเข้ารับตำแหน่งนายกญี่ปุ่น จากนโยบายที่หนุนให้ BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าอยู่ที่ 143.57 เยน/ดอลลาร์ โดยภาวะการซื้อขายวันนี้คาดทรงตัวในช่วงหยุดจีน, ฮ่องกงในวันชาติ, เกาหลีใต้ในวัน Armed Forces Day
ดัชนี SET -09% ปริมาณการซื้อขาย 52,870 ลบ. ต่างชาติขาย 962 ลบ. สถาบันซื้อ 402 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 204 ลบ. และรายย่อยซื้อ 355 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรกลุ่มอิเล็กฯ, บรรจุภัณฑ์, วัสดุก่อสร้าง หลังสัปดาห์ก่อนปรับขึ้นรับข่าว ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ ขณะที่กลุ่มไฟแนนท์ปรับขึ้น จากคาดการณ์การหารือระหว่าง ก.คลัง & ธปท.ในสัปดาห์นี้จะมีแนวโน้มเชิงบวกต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 1 ครั้งในรอบปีนี้ ภาวะการซื้อขายทรงตัวรอเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์จะเริ่มเข้าลงทุนในวันนี้ โดยจากสถิติเม็ดเงินกองทุนวายุ ฯ ในช่วง ธ.ค. 46 วงเงิน 1 แสน ลบ. และ SET Market Cap.ปี 46 ที่ 4.56 ล.ลบ. คิดเป็นสัดส่วนเม็ดเงินกองทุน/Market Cap. ที่ 2.2% ส่งผลให้ดัชนี SET ในช่วง ม.ค. 47 ปรับขึ้น +146 จุด หากเทียบกับเม็ดเงินกองทุนวายุ ฯ ปัจจุบันที่ 1.5 แสน ลบ./ SET Market Cap ที่ 18.0 ล.ลบ. คิดเป็น 0.83% ต่อ Market Cap. ก็น่าจะส่งบวกต่อ Upside ดัชนีได้ราว 60 – 70 จุด (หากตัวแปรอื่น ๆ คงที่) ส่วนวันนี้ติดตามผลการประชุม ครม.ต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น ภาคท่องเที่ยว, อสังหาฯ , Mega Projects และ Entertainment Complex

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,460 คาดได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์จะเริ่มเข้าลงทุน แนะนำทยอยซื้อหุ้นในกลุ่มมีโอกาสเข้าเกณฑ์กองทุนวายุ ฯ เช่น BBL, BCP, BDMS, CPN, CPF, HMPRO, AMATA, WHA ,AP, EGCO เป็นกลุ่มหุ้นใน SET 100, ESG เรตติ้ง AA ขึ้นไป, อัตราเงินปันผลสูงกว่า 2.5% และมี Upside ด้านมูลพื้นฐานมากกว่า 10%
SAWAD* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.50 บาท) แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อ 2H67 มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าช่วง 1H67 ที่ทำได้เพียง 4%YoY จากเป้าทั้งปีที่ 10-20% โดยจะมีปัจจัยบวกจากรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนการใช้จ่าย ขณะที่โครงการ digital wallet เฟสแรกที่เปลี่ยนเป็นเงินสดจะช่วยให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น ด้านปัญหาราคารถยนต์มือ 2 และขาดทุนจากการขายรถยึดน่าจะดีขึ้น ส่วน NPL ยังบริหารจัดการได้ไม่เกินเป้า 3.5% และต้นทุนทางการเงินมีโอกาสลดลงในระยะถัดไปจากการปรับลดดอกเบี้ยของแบงค์ชาติ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 5.3 พันล้านบาท +5%YoY และ 5.8 พันล้านบาท +11%YoY
ERW* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 60 บาท) ระยะสั้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมี sentiment บวกจากโอกาสฟื้น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” รวมถึงวันหยุดยาวของจีน Golden Week ในช่วงวันชาติ 1-7 ต.ค.67 นี้ ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเดือนก.ค.-ส.ค.67 ยัง +22%YoY โดยทาง ERW* วางเป้าปี67นี้ รายได้ +14-15%YoY จากอัตราการเข้าพักราว 80% และ ARR +5-7%YoY/ REVPAR +5%YoY ส่วนการเปิดโรงแรมในช่วง 4Q67 นี้คาด เปิดอีก 2 โรงแรม(สงขลา, พะเยา) ทั้งนี้ BB Consensus คาดกำไรสุทธิปี 67 ของ CENTEL* ที่ 942 ลบ.(+27%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI พ.ย. -$0.01 อยู่ที่ $68.17 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$0.21 อยู่ที่ $71.77/บาร์เรล สัญญา WTI ก.ย. ปรับลดลง -7% MoM ลดลงมากสุดนับตั้งแต่ ต.ค. 66 จากความกังวลอุปสงค์ตลาดโลกชะลอตัว หลัง PMI ภาคการผลิตจีน ก.ย. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และภาคบริการจีน ก.ย. ชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 21 เดือน

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$8.70 อยู่ที่ $2,659.40 /ออนซ์ หลัง ปธ.เฟดเผยยังไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ Dollar Index กลับมาแข็งค่า +0.42% อยู่ที่ 100.86 และข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐในวันศุกร์นี้

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -233.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -29.85 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -204.93 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +1.56 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 32.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 3.778 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -26 จุด อยู่ที่ 2,084

(-) BitCoinเช้านี้ -1.84% อยู่ที่ 63,580 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

(ก.ย.) สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

30 ก.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.ย.)

01 ต.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)

02 ต.ค. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

03 ต.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

04 ต.ค. US อัตราการว่างงาน (ก.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS