สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 30 กันยายน 2567)---- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ออกบทวิเคราะห์ MST_Tiger Alert : Update หุ้นได้ประโยชน์จากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เตรียมเข้าสู่ตลาด ระบุว่า เม็ดเงินวายุภักษ์วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท จะทยอยเข้ามาในตลาดหุ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. 67 คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนต่อ SET Index อยู่ในรอบปรับขึ้น แต่เนื่องจาก SET Index บวกไป 12% ตั้งแต่ 14 ส.ค.- 27 ก.ย. 67 หนุนหลักมาจากต่างชาติที่ซื้อสุทธิ 2.6 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิใน NVDR รวม 2.1 หมื่นล้านบาท หากพิจารณาเฉพาะหุ้นที่ถูกซื้อสุทธิใน NVDR พบว่าเม็ดเงิน 75% ซื้อหุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 เดิม สะท้อนถึงมีการเก็งกำไรล่วงหน้าบ้างแล้ว การเลือกลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกองทุนวายุภักษ์จากนี้ จึงต้อง Selective เพื่อลดความเสี่ยง NVDR ขายทำกำไร

ACTION
ในทางกลยุทธ์เราคัดกรองหุ้นที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เข้าหนุน มี Upside ในเชิงพื้นฐาน >10% และเป็นหุ้น NVDR ซื้อสุทธิแต่กำไรไม่มาก (กำไรน้อยกว่า 5%) จะได้หุ้นน่าสนใจเช่น CPN CK BEM BH และ CPF เป็นต้น ส่วนหุ้นไม่ควรไล่ราคาเนื่องจากไม่มี Upside ในเชิงพื้นฐานประกอบกับ NVDR ยังกำไรระดับสูง (>5%) เช่น BSRC BLA BAM และ SPALI เป็นต้น

หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์สูงสุดควรมีองค์ประกอบ 3 สูง 1) หุ้นที่กองทุนวายุภักษ์ปัจจุบันถือครองอยู่สูงทั้งในแง่เม็ดเงินหรือเม็ดเงินเทียบกับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (รายละเอียดตามหน้า 2-3) 2) มีอัตราการจ่ายปันผลสูง(> 3% ต่อปี) และ 3) SET ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป ซึ่งพิจารณาควบคู่กับแรงหนุนทางปัจจัยพื้นฐาน จะได้หุ้นที่เราชอบมากที่สุด 3 อันดับแรก TTB คาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตพร้อมมี Tax Shield ที่ช่วยจำกัด Downside จากการตั้งสำรองในอนาคตพร้อมจ่ายปันผลสูง 7.4%ต่อปี ADVANC การแข่งขันอุตสาหกรรมที่ผ่อนคลายหนุนรายได้/อัตรากำไรดีขึ้นและมี Upside ต่อการปรับประมาณของ Consensus และ SCCC คาดกำไรกลับมาขยายตัวแกร่ง หนุนจากการเร่งเบิกจ่ายภาครัฐฯช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศ ราคาหุ้นปัจจุบันให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 6.7% ต่อปี

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์
ชาญชัย พันทาธนากิจ