Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

507

 

AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งในกรอบ 1450-1470
กลยุทธ์เลือกหุ้นกำไรเตรียมฟื้น Valuation จูงใจ

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1450-1470 จุด การรายงานยอดส่งออกไทยเดือน ส.ค. ที่ดีกว่าคาดมองเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยจำกัด Downside ในการปรับลด GDP ปี67 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน กลยุทธ์วันนี้เลือก HMPRO BJC
การรายงานยอดส่งออกไทยเดือน ส.ค. ขยายตัว 7%YoY ดีกว่าตลาดคาด 6%YoY หนุนหลักจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 17.4% โดยสินค้าที่ขยายตัวเช่น ยางพารา อาหารทะเล อาหารทะเลกระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง โดยกระทรวงพาณิชย์ยังตั้งเป้าส่งออกทั้งปีขยายตัว 1-2% โดย 8M67 ขยายตัวไปแล้ว 4.2%YoY ประเมินยอดส่งออกที่ขยายตัวดีข้างต้นเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside การปรับลด GDP ปี 67 ที่ Consensus คาดการณ์การส่งออกขยายตัวในช่วง 1.5-3%YoY สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการส่งออก รอบนี้ดีต่อ STA NER ITC และ TU เป็นต้น

วานนี้ ธปท. ออกมาส่งสัญญาณพร้อมดูแลค่าเงินบาทหากผันผวนจนเกินไป มองสัญญาณข้างต้นอาจทำให้ค่าเงินบาทในระยะสั้นชะลอการแข็งค่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากทิศทางดอกเบี้ยฯของ FED ที่ยังมีแนวโน้มปรับลง สวนทางบ้านเราที่ยังคงดอกเบี้ยฯ ทำให้แนวโน้มหลักของค่าเงินบาทยังอยู่ในโทนที่แข็งค่าต่อไป ซึ่งบวกต่อFund Flow ไหลเข้า ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์หุ้นกลุ่มผู้นำเข้าสินค้า MOSHI กลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM GPSC GULF

ปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้แกว่งตามกรอบ -0.7% ถึง 0.04% โดยมีการการายงานตัวยอดขายใหม่เดือน ส.ค. หดตัว -4.3% ดีกว่าตลาดคาดและเดือนก่อนที่หดตัว -5.3%/-10.3%YoY ส่วนวันนี้ติดตามความเห็นของประธาน FED และการรายงานตัวเลข GDP2Q67 ที่ตลาดคาดขยายตัว 2.9%QoQ Annualized ส่วนฝั่งจีนล่าสุด Bloomberg รายงานเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมโดยแจกเงินให้กลุ่มผู้ยากจน แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งนี้ตัวเลขกลุ่มผู้ยากจนในจีนในเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 4.74 ล้านคนเทียบกับประชากกรจีนราว 1400 ล้านคนหรือคิดเป็นสัดส่วน 0.34% จึงอาจทำให้ผลต่อเศรษฐกิจจำกัด และตลาดยังคงคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมต่อไป

 


Market Summary
SET ปรับลง 0.52 จุด กลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นกลุ่มที่หวังเศรษฐกิจจีนฟื้น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP +2.7% SCC +2.9% กลุ่มได้ประโยชน์ภาคส่งออกเดือน ส.ค. ขยายตัว ITC +5.9% STA +1.7% NER +1% กลุ่มโรงไฟฟ้าจากบาทแข็ง BGRIM +4.4% GPSC +2.2% กลุ่มที่ Underperform กลุ่มสื่อ VGI -17.9% มี Big lot ช่วงปิดตลาดที่ 2.39 บาท/หุ้นและกังวล Dilution หากเพิ่มทุน PP และ MTC-3% เตรียมออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ต้นทุนสูง 6.875%


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BJC HMPRO

BJC Valuation ต่ำเกินไป
สวนทางกำไรที่เตรียมกลับมา
กำไรหลัก 2H67 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลที่เข้าช่วงการท่องเที่ยวและประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น และประโยชน์จากมาตรการแจกเงินสด 1 หมื่นบาทกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการและผู้พิการ 14.5 ล้านรายที่เริ่มรับเงินตั้งแต่ 25 ก.ย. 67 คาดว่าจะช่วยหนุนต่อ SSSG ของ BIG C ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
มีสัญญาณบวกจาก SSSG ช่วงครึ่งเดือนแรกของ ก.ย. ขยายตัวขึ้นเป็น 1.5-2% เร่งตัวจากเดือน ส.ค. 67 ที่ขยายตัว 1-2% และ ก.ค. 67 ที่หดตัว -1%-2% ดีต่อยอดขายและกำไร 3Q67 ขยายตัว YoY (แต่ชะลอ QoQ จากฤดูกาล)
ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีติดลบราว -2% Laggard กลุ่มค้าปลีกที่ปรับขึ้น 3% ไปมากจนราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER67E 21 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -1.7 S.D. และซื้อขาย PBV ต่ำเพียง 0.8 เท่าซึ่งต่ำกว่ากลุ่มค้าปลีกที่ 2.3 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 29.00 บาท

 

HMPRO แนวโน้มกำไรใกล้ฟื้น
ผสานปันผลที่สูง
กำไรในครึ่งหลังของปี 67 คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีและเทียบ YoY เนื่องจากมีการขยายสาขาหลายแห่ง ได้แก่ Home Pro 3-4 แห่งและ Mega Home 1 แห่ง โดยเน้นรูปแบบไฮบริด (การมี Home Pro และ Mega Home ในสถานที่เดียวกัน)
คาดการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. เนื่องจากฐานที่ต่ำและผลกระทบจากการก่อสร้างถนนหน้าร้าน Home Pro สาขาราชพฤกษ์ที่น้อยลง และการย้ายสถานที่ตั้งของ Home Pro รัตนาธิเบศร์ หนุน SSSG จะกลับมาเป็นบวกใน 4Q67 นอกจากนี้ยังได้ประโยชนจากการซ่อมแซมบ้านหลัง น้ำท่วมหลายจังหวัดในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
คาดกำไรทำสถิติใหม่ในปี 67 สวนทางราคาหุ้นลดลง 9%YTD โดยปัจจุบันซื้อขาย ที่ PER67 21 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่เกินกว่า -1.6 SD และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.20 บาท

 


KEY FACTOR
ตัวเลขส่งออกไทย เดือน ส.ค. +7.0%YoY ขยายตัวได้เด่นต่อเนื่องและดีกว่าที่ Consensus คาด +6.0% YoY ขยายตัวได้ดีในทุกหมวดอุตสาหกรรม และยังไม่เห็นผลกระทบจากบาทแข็งค่า ซึ่งจะไปเริ่มเห็นผลกระทบในช่วง 4Q67 ขณะที่ทั้งปีกระทรวงพาณิชย์คงเป้าหมายที่ระดับ +2% ประเมินว่าจะได้ อานิสงค์จากความต้องการในตลาดต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัว

กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว พลิกมาขาย -554.94 ล้านบาท ขายเป็นครั้งที่สองใน 15 วันทำการ สอดคล้องกับภาวะตลาดที่ถือว่าตอบรับกับปัจจัยภายในประเทศไปแล้วพอสมควร ซึ่งนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน เริ่มต้นเป็นวันแรกเมื่อวานนี้
ปัจจัยสำคัญในระยะถัดไป น่าจะกลับมาให้น้ำหนักตัวเลขภาคเศรษฐกิจจริงของสหรัฐฯ 1) GDP2Q67 ของสหรัฐฯ(รายงานครั้งที่ 3) คืนนี้ และต่อเนื่องด้วย 2) เงินเฟ้อ (PCE) ของสหรัฐฯ 3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Eurozone 4) กำไรภาคอุตสาหกรรมจีน ซึ่งภาพรวมยังน่าจะตอกย้ำความเสี่ยงในภาคการผลิตของโลก


EYES ON
26 ก.ย. GDP 2Q67 (รายงานรอบที่ 3) ของสหรัฐฯ
27 ก.ย. ดัชนี PCE เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Eurozone, กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีน

 

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้