วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Up ตามทิศทางตลาดภูมิภาค ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากธนาคารกลางจีน ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรง และ กกพ. เตรียมรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเฟส 2 ปริมาณ 2,180 MW หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,462.10 จุด +14.20 จุด +0.98% มูลค่าการซื้อขาย 56,774 ลบ. Program Trading +946 ลบ. ต่างชาติ +2,556 ลบ.TFEX +29,351 สัญญา ตราสารหนี้ +627 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 83.57 จุด หรือ +0.20% ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ +1.7% ปิดที่ 71.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับข่าวจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
+ ธนาคารกลางของจีน (PBOC) จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (reverse repurchaserate) ระยะ 7 วันลงจากระดับ 1.7% สู่ระดับ 1.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
+ เซอร์เกย์ รยาบคอฟ รมช.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะไม่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ตราบใดที่สหรัฐอเมริกาไม่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เช่นเดียวกัน
+ ครม. มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น 7,125.63 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (มาตรการ EV3) ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
+ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างศึกษาการออกหลักเกณฑ์ใหม่ให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งที่เป็นผู้บริหารและไม่เป็นผู้บริหารเปิดเผยรายงานกรณีนำหุ้นของบริษัทเป็นหลักประกันการกู้ยืมโดยเฉพาะที่วางกับ Custodian ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดจะสรุป
รายละเอียดการรายงานและช่องทางเปิดเผยข้อมูลได้ภายในปี 67 คาดจะบังคับใช้ได้ภายในปี 68
ปัจจัยลบ
- ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯในเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงจากเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเนื่องจากผู้บริโภคกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน
- สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เปิดเผยว่าชาวเลบานอนหลายหมื่นคนต้องละทิ้งบ้านเรือนเพื่อหลบหนีการโจมตีของอิสราเอลต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
- ส.อ.ท.รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือนส.ค.ลดลง 20.56%YoY ส่วนยอดขายรถยนต์ลดลง 24.98%YoY เนื่องจากปัญหา NPL ในกลุ่มสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น 29%ใน 2Q67 และคาดการณ์ว่าใน 3Q67 จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดและไม่อนุมัติให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อย่างต่อเนื่อง
- สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดใน 14 จังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง (อยุธยา) วานนี้ครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในเดือนก.ย.-ต.ค.นี้
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสพักตัว หลังปรับตัวขึ้นแรงวันก่อน โดยนักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,455-1,470 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
* หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
* หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ าลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
* หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT
* หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
* หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Fed ลดดอกเบี้ย : SAWAD MTC TIDLOR JMT BGRIM GULF GPSC