Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

569

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัปเดตเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดหุ้นจีน
Key Takeaways:
 PBoC ประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินหลายประการ เช่น ลด RRR 0.5%, ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย, ตั้ง Swap Facility 500,000 ล้านหยวน และยังได้เปิดตัวโครงการสินเชื่อ (Relending Program) มูลค่า 300,000 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้น
 มาตรการผ่อนคลายนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นจีนให้ปรับตัวขึ้นในระยะสั้น เปิดโอกาสให้นักลงทุนซื้อเก็งกำไรได้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนอาจต้องอาศัยภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรในตลาดที่ชัดเจนกว่านี้ ซึ่งต้องมีมาตรการทางการคลังเข้ามาสนับสนุน
รายละเอียด:
เศรษฐกิจจีนในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ยังเผชิญกับความท้าทายหลายเรื่อง แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวในบางภาคส่วน แต่ภาพรวมยังคงไม่ทั่วถึงและมีความเปราะบาง โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดจาก 5.3% YoY ใน 1Q24 เป็น 4.7% YoY ใน 2Q24 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 5.1% ส่งผลให้ GDP ปี 2024 มีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.0%
ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน เราเห็นภาพที่สอดคล้องกับการชะลอตัวโดยรวม จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (NBS Manufacturing PMI) ที่อยู่ในโซนหดตัวที่ 49.1 ในเดือนสิงหาคม ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (NBS Non-Manufacturing PMI) แม้ว่าจะอยู่ในโซนขยายตัวเล็กน้อยที่ 50.3 จากแรงหนุนของกิจกรรมการบริโภคในช่วงฤดูร้อน แต่คำสั่งซื้อใหม่ภาคบริการ (new orders) กลับหดตัวที่ระดับ 46.3 สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะการจ้างงาน โดยองค์ประกอบ employment ของ NBS Non-Manufacturing PMI ยังหดตัวที่ระดับ 45.2 สอดคล้องกับอัตราการว่างงานที่ปรับตัวขึ้นจาก 5% ในเดือนมิถุนายนเป็น 5.3% ในเดือนสิงหาคม และที่น่ากังวลอีกเรื่องก็คือ อัตราการว่างงานในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 16-24 ปีที่พุ่งสูงขึ้นจาก 13.2% ในเดือนมิถุนายนเป็น 18.8% ในเดือนสิงหาคม สะท้อนถึงความท้าทายในการสร้างงานให้กับคนรุ่นใหม่
ปัญหาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงปัจจัยภายในประเทศ แต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้ากับสหรัฐ จะทำให้การส่งออกซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนก็กำลังเผชิญกับอุปสรรคเช่นเดียวกัน แม้การส่งออกในเดือนสิงหาคม 2024 จะเพิ่มขึ้น 8.7% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 6.5% แต่อัตราการเติบโตที่สูงเช่นนี้คงไม่สามารถรักษาโมเมนตัมต่อเนื่องไปในเดือนกันยายนและไตรมาส 4 ได้ เนื่องจาก (1) การส่งออกที่เติบโตดีในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก front-load ดีมานด์ก่อนการขึ้นภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนของอียูและสหรัฐ และ (2) เห็นสัญญาณการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมของโลก พิจารณาได้จากตัวเลข S&P Global Flash Manufacturing PMI เดือนกันยายนของหลายๆประเทศที่อ่อนแอลง เช่น ยูโรโซนที่ระดับ 44.8 ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และสหรัฐที่ 47 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
นอกจากนี้จีนยังเผชิญปัจจัยที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยจำนวนบ้านเริ่มสร้าง (Housing Starts) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2024 ลดลง 23.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงถึง 10.2% YoY ในเดือนกรกฎาคม

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ทำให้จีนยังเผชิญกับปัญหาเงินฝืด จากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนสิงหาคมที่อยู่ที่เพียง 0.3% YoY ต่ำกว่า 1.2% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่ทำไว้ของปีนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ก็ลดลง 1.8% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 23 สะท้อนถึงความอ่อนแอของอุปสงค์ภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดธนาคารกลางจีน (PBoC) ได้สร้างเซอร์ไพร้ส์ ด้วยการประกาศว่าจะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินหลายประการ โดยเริ่มจากการปรับลดอัตราส่วนเงินสำรองขั้นต่ำ (RRR) ลง 0.5% ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องในระบบราว 1 ล้านล้านหยวน พร้อมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายตัว เช่น MLF ลง 0.3% และ LPR 1 ปีและ 5 ปีลดลงในกรอบ 0.2-0.25% ซึ่งการลดทั้ง RRR และอัตราดอกเบี้ยพร้อมกันเช่นนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี สะท้อนถึงความเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเฉลี่ย 0.5% ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้กู้ลงรวม 1.5 แสนล้านหยวน พร้อมทั้งลดเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สองจาก 25% เหลือเพียง 15% เพื่อกระตุ้นการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ในส่วนของการสนับสนุนตลาดหุ้น PBoC จะจัดตั้ง Swap Facility มูลค่า 500,000 ล้านหยวน โดยอนุญาตให้ บริษัทประกัน บริษัทจัดการสินทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ใช้พันธบัตร กองทุนหุ้น ETF และหุ้นใน CSI300 เป็นหลักประกันในการแลกกับพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลังที่มีสภาพคล่องสูง นอกจากนี้ PBOC ยังได้เปิดตัวโครงการสินเชื่อ (Relending Program) มูลค่า 300,000 ล้านหยวน ซึ่งช่วยให้ธนาคารพาณิชย์สามารถกู้ยืมที่อัตราดอกเบี้ย 1.75% และปล่อยกู้ต่อที่ 2.25% โดยบริษัทจดทะเบียนสามารถใช้เงินกู้นี้เพื่อซื้อหุ้นคืน ซึ่งทั้งสองมาตรการนี้ PBoC พร้อมที่จะเพิ่มเงินทุนหากจำเป็น โดยเมื่อพิจารณาขนาดของมาตรการสนับสนุนตลาดทุนทั้งหมด พบว่ามีมูลค่ารวม 800 พันล้านหยวน คิดเป็น 1.03 เท่าของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหุ้น A-share ในปีนี้ที่ 774 พันล้านหยวน หรือเทียบเท่า 1.3 เท่าของการซื้อนับตั้งแต่ต้นปี โดย National Team ซึ่งได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐ, บริษัทประกันของรัฐ, ธนาคารพาณิชย์ของรัฐ, บริษัทหลักทรัพย์ของรัฐ และกองทุนรวมที่รัฐบาลสนับสนุน (ที่ผ่านมา National Team จะเข้าซื้อหุ้นในปริมาณมากในบางช่วงเวลา เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดและป้องกันการตกต่ำของราคาหุ้น การดำเนินการของกลุ่มนี้มักถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินและตลาดทุน ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง)
เรามองว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้จะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นจีน “เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรในระยะสั้นได้” อย่างไรก็ตาม หากมองระยะเวลาไปไกลกว่า 2-3 เดือนข้างหน้าหรือข้ามไปถึงปีหน้า การปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจะต้องได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรในตลาด ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยมาตรการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่เข้ามาเสริม แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมักไม่ได้ใช้แนวทางดังกล่าว ทำให้การฟื้นตัวครั้งนี้อาจเป็นเพียง bear rally ที่ยืนระยะไม่ได้ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 - มกราคม 2023 และเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2024

สรุปภาพตลาดวานนี้
ดัชนีกดไม่ลง แถมแรงหนุนกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเชื่อมโยงเศรษฐกิจจีนอย่าง ปิโตรเคมี แพ็คเกจจิ้ง เดินเรือ ฯลฯ ที่เด้งขึ้นมาเป็นตัวดันตลาดแทนแรงขาย ขณะที่กุ้นขนาดกลางๆ แถว 3-4 (กลายเป็นเลยแถวสองไปหน่อย) ก็สลับมาเด้งแรงหลายๆ ตัววานนี้ เช่น TERA PSTC TRUBB JSP PROEN รวมทั้ง DR หุ้นจีนอย่าง BABA80 PINGAN80 BIDU80 เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
SET กลับจากลาพักร้อน เตรียมทำ OT ต่อ
SET บวกวานนี้เห็นหุ้นกลุ่มเชื่อมโยงเศรษฐกิจจีนก็รีบาวน์ขึ้นมาแรง รับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อน Risk Apatite ตลาดสูงขึ้น พร้อมเล่นกับปัจจัยบวก ดัชนีกดไม่ลง และดัชนีหุ้นกลุ่ม Laggard โลกอย่างฮ่องกง-จีน เมื่อมีปัจจัยกระตุก ก็พร้อมรีบาวน์แรง เหมือนหมดแรงขาย
ส่วนแรงส่งกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มที่เด้งขึ้นมาจากข้างล่างวานนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการเก็งกำไรของ Program trade ที่เข้ามาร่วมวงหลังหุ้นมีกระแส เช่น PTTGC ที่มีสัดส่วน Program trade ถึง 36% ซึ่งโดยปกติวันถัดมามักจะร้อนแรงน้อยลง และตอนนี้เห็นการวาง Short Position ไว้เพิ่มราวๆ 5.9 ล้านหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 8% จากวันก่อนหน้า นอกจากนี้หากมองในอดีตที่เคยมีกระแสข่าวกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนรอบใหญ่ช่วง ก.พ. ก่อนหน้า PTTGC บวกขึ้นไปราว 18% ในเวลา 22 วัน ก่อนย่อ แต่เมื่อวานวันเดียวบวกไปแล้ว 15%
สำหรับภาพรวม SET วันนี้จึงคาดว่าอาจจะเห็น SET ย่ำฐานบริเวณ 1460 +/-10 จุด หลังขึ้นนำจีนมาก่อนแล้ว (แต่คาดว่าจะพักไม่นาน) ก่อนจะสะสมพลังเพื่อไปต่อ ผสมโรงกับความคาดหวังเม็ดเงินจากวายุภักษ์ที่เข้ามาเดือน ต.ค.
อย่างไรก็ดี ระหว่างนี้ที่นักลงทุนมีทั้งกลุ่มเพิ่งหลุดหุ้น (ที่ติดมานาน) และมีกำไรจากการเทรดช่วงที่ผ่านมา กำลังอยู่ในโหมดคึกคัก เราคาดจะเห็นการสลับไปเล่นกลุ่มหุ้นแถว 2 3 4 ที่จะมารับไม้ต่อมากขึ้น ตามที่เห็นสัญญาณในหุ้นหลายๆ ตัว
ดังนั้น กลยุทธ์จึงยังเน้นไปที่ หุ้นกลุ่มรองที่ราคายังนอนไม่ยอมตื่น ฟื้นก็ช้า (หรือเพิ่งจะฟื้นไม่นาน) แต่พัฒนาการพื้นฐานเริ่มดีขึ้น (ให้นึกภาพ ว่ามีหุ้นอะไรบ้างที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม เหมือนอยู่ตอนดัชนีฯ 1300 จุด) กลยุทธ์แนะนำเดินหน้าเลือกซื้อหุ้นต่อ ตามประเด็นลงทุนที่จะนำไปสู่พัฒนาการกำไรที่ดีขึ้น มากกว่าการโฟกัสกับการหมุนกลุ่มเล่น “Sector rotation

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
สรุปภาพ SET daily ไปต่อไม่พอแค่นี้! ถึงแม้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 14.7% หรือกว่า 200 จุด ส่งผลให้โมเมนตัม RSI week เตรียมขึ้นสู่ภาวะความผันผวนสูง overbought อิงจาก pattern ในอดีต ปี 2020-2021 ภายหลังสถานการณ์ Covid คลี่คลายตลาดเปลี่ยนสถานะเป็นกระทิง “Bullish” ขึ้นต่อแม้เกิดภาวะขายมากเกินไป (ไม่ใช่สัญญาณขาย) ส่วนมุมมองสัปดาห์นี้ ดัชนีลุ้นขึ้นต่อ อาจมีสลับพักตัวสั้นๆ ไม่น่ากังวล เส้นชัยรออยู่ที่ 1490 จุด (Fibo 50%) ! ส่วนหุ้นแนะนำ ขอเลือกหุ้นนอกกระแส ราคายังไม่ขึ้นมาก แต่ขาขึ้น!กำลังมา เช่น TOP และ PSL ขณะที่ STA หลังจากย่อวันก่อน ล่าสุดดีดตัวกลับขึ้นมาได้ตามแผน....มีโอกาสขึ้นตามราคายางพารา

 

หุ้นแนะนำวันนี้
GUNKUL ปลดล็อคการเติบโตรอบใหม่จากทั้งการประมูล Renewable ที่ กกพ.เตรียมประมูลล๊อต 2.1GW และล็อตถัดๆ ไป และไปต่อเนื่องด้วย PDP อีกทั้ง Div. yields สูง 5% (รายละเอียดเพิ่มเติมในรายงานพื้นฐานเมื่อวานนี้)(S 2.9 R 3.16 SL 2.7)

What to watch
จีน: PBOC จะปรับลดสัดส่วนเงินทุนสำรอง (RRR) ลง 0.5% (มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน) และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 7 วัน จาก 1.7% เหลือ 1.5% ส่วนมาตรการอื่นๆ เช่น การลดเงินดาวน์ซื้อบ้านหลังที่สอง และเงินกู้ 1 ล้านล้านหยวน ถูกตลาดกลับมาเก็งความคาดหวังกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง
“ทั้งนี้ ระบุว่า PBOC จะประกาศนโยบายดังกล่าวอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์ของธนาคารกลาง แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาอย่างเจาะจง”
ก.ล.ต. - ตลท. คาดเคาะเกณฑ์คุมเข้มผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ นำหุ้นวางกู้ นอกระบบ ภายในปี 2568 (ถ้าเป็นไปตามข่าว วางฯ ปกติในระบบ ไม่ต้องเปิดชื่อ)
การประชุม ครม. วานนี้ ประเด็นสำคัญๆ เช่น เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือกลุ่มน้ำท่วม อย่างไม่เก็บค่าไฟฟ้า ก.ค. และลด 30% เดือน ต.ค. และเคาะงบกลาง 7.1 พันล้านบาท ส่งเสริมการใช้รถยนต์-มอเตอร์ไซค์ ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท พร้อมผลักดัน แต่ก็ต้องอาศัยคณะกรรมการค่าจ้าง
รมช. คลัง เปิดเผยว่าเตรียมออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ แม้ยังไม่มีรายละเอียด แต่อาจเป็นมาตรการที่เตรียมทำตั้งแต่รัฐบาลก่อน // แนะจับตามาตรการเปิดทางต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี และเพิ่มสัดส่วนการถือครองคอนโด
CIVIL ลงนามฯ งานทาง 899 ล้านบาท // นัยฯ ของข่าวนี้ เรามองบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯ ขนาดกลาง-เล็ก รวมทั้งวัสดุก่อสร้างมากขึ้น ในแง่รายได้ปีหน้า-สภาพคล่อง หลังโครงการที่ Bid กลางปี เริ่มออกมาทยอยลงนาม ตามที่เคยมอง
กกพ. ประกาศรับซื้อไฟฟ้าสะอาดรอบสอง 2,180 MW ประกอบด้วยกังหันลม 600 MW และโซลาร์เซลล์ฟาร์ม 1,580 (ที่มี: ข่าวหุ้น)
วันนี้ติดตามรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. โดย BLS’s Economist คาดเติบโต 8.1% YoY แรงหนุนตามการส่งออกจีน แต่ระยะถัดไป ให้น้ำหนักการระวังความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
สมาคมโรงพยาบาลเอกชนแสดงความกังวล หลังจากที่ถูกปรับลดงบค่ารักษาในกลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงลง
AOT แพ้คดี CPN ศาลปกครองกลาง พิพากษาสั่งจ่ายค่าเสียหาย 2.9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี กรณีตั้งเต็นท์ขวางทางเข้า-ออกโครงการเซ็นทรัล วิลเลจฯ เมื่อปี 2562 (ที่มา: ข่าวหุ้น) (ติดตามข่าวต่อ/ผลกระทบไม่มาก)
VAYU1: ผู้ลงทุนสถาบันเริ่มจองซื้อวันที่ 25-27 กันยายน 2567 และคาดว่าหน่วยลงทุนประเภท ก. ของกองทุนฯ จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม 2567
การประชุม กนง. 16 ต.ค. ตลาดยังคงคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯที่ 2.5%
ติดตามข่าวการเตรียมตัดเลือกประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ โดยเฉพาะตัวแทนจากฝั่งกระทรวงการคลัง คาดรู้ผล ก่อน การประชุม กนง. 16 ต.ค.
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า รมว.คลัง ได้นัดหารือผู้ว่าแบงก์ชาติ เพื่อพิจารณากรอบเงินเฟ้อร่วมกัน (ปัจจุบันกรอบเงินเฟ้อ 1-3%) และคุยประเด็นค่าเงินที่แข็งค่าเร็ว

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Finance Sector
ใครคือตัวเลือกที่ดีสุดในกลุ่มตอนนี้
ตั้งแต่ที่เราออกรายงาน IDEA call กลุ่ม Retail Finance เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ราคาหุ้น MTC ปรับตัวโดดเด่นกว่า (Alpha return) ในหุ้นตัวอื่นในกลุ่มฯ ที่เราศึกษา 1-5% และดีกว่า SET 6% โดยในกลุ่ม Retail Finance เรายังคงธีมการฟื้นตัวของคุณภาพสินทรัพย์บวกกับการได้ประโยชน์สูงสุดจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นนี้มีประเด็นกดดันราคาหุ้น จากกรณีที่ MTC จะออก Social Bond สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่า 335 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.1 หมื่นล้านบาท อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.875% โดยมีการป้องกันความเสี่ยงและ Swap ทั้งอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินทั้งหมด
เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงกว่าการออกหุ้นกู้ของ MTC ในไทยราว 1.9% (ปกติออกราวเกือบ 5%) หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น 210 ล้านบาท (3% ของประมาณการกำไรปี 2025)
ทั้งนี้ จากการคำนวณของเรา เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 5.55% (อิงจากส่วนลดการ swap อัตราดอกเบี้ย 1.32% ซึ่งเป็นความแตกต่างระหว่างผลตอบแทนของพันธบัตร 4 ปี ระหว่างสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท) ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ MTC จะต้องเสนอหากออกพันธบัตรสกุลเงินบาทเพียงประมาณ 0.6% ดังนั้นจะมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพียง 66 ล้านบาทในปี 2568 (คิดเป็น 1% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2568)
เรามองว่านี่เป็นทางเลือกสำหรับ MTC ในการจัดหาทุนเพื่อชำระคืนพันธบัตรมูลค่า 6.4 พันล้านบาท ที่กำลังจะครบกำหนด และออกเงินกู้ใหม่เพื่อขยายธุรกิจใน 4Q24
Fundamental view: เราปรับเป้าหมายการลงทุนไปเป็นสิ้นปี 2568 และเรายังคงชอบ MTC มากที่สุด

 

Agro & Food Sector
ราคายางที่พุ่งขึ้นมา สะท้อนทั้งความต้องการที่สูง และอุปทานที่จำกัด
ราคายางโลกขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี และยังเพิ่มอีก 16% QTD สะท้อนอุปสงค์ในอุตสาหกรรมรถยนต์และ ล้อยางของโลก ขณะที่อุปทานลดลงจากช่วงเอลนิโญ ต่อเนื่องมาถึงฝนตกน้ำท่วม
นอกจากนี้ มีอีก 2 ปัจจัยที่เป็นประเด็นสำคัญของอุตสาหกรรมยางไทย คือ 1) ยาง EUDR 2) การที่สหรัฐขึ้นภาษีถุงมือยางนำเข้าจากจีนจาก 7.5% เป็น 50% ปีนี้ และ 100% ปีหน้า ทำให้ผู้ผลิตยางไทย ได้ประโยชน์จาก 1) ราคายางโลกขึ้น 2) ความต้องการยาง EUDR ซึ่งประเทศไทยมีการเตรียมตัวมาดีและผ่านเกณฑ์ และ 3) ถุงมือยางของไทยไปสหรัฐฯ ไม่โดนภาษีนำเข้า
Fundamental view: โดยภาพรวม บวกต่อ STA และ NER ทั้งปริมาณการขายและราคาขายเพิ่ม YoY, QoQ ใน 3Q-4Q24 และ NER ยังปรับเป้าหมายปริมาณขายยาง EUDR ขึ้นเป็น 10% ของปริมาณขายปีนี้ ซึ่งช่วยผลัก GM ด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้นทุนยางที่สูงขึ้นเช่นกัน จะกระทบ GM ของ STGT ดังนั้น เราควรติดตามเรื่องการผลักราคาขายถุงมือยางใน 2H24 ประกอบการตัดสินใจด้วย


SRS
สิริซอฟต์
เทคฯ รายเล็ก แต่โอกาสเติบโตใหญ่
จากกระแสของ Virtual Bank หนุนกลุ่ม IT Services และ Tech consult ซึ่งโดย Concept แล้วการทำ Open Banking จะยิ่งเป็นตัวหนุนอุปสงค์ เราเชื่อว่าเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจะเติบโตโดดเด่นคือในส่วนของ API solution ในการเชื่อมระบบในและนอก Ecosystem ของระบบการเงินเดิม
ซึ่ง SRS ค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญในส่วนนี้ ประกอบมีทีม Dev & Engineer กว่า 180 คน พร้อมรองรับงานในอนาคต ในด้านของผลประกอบการพลิกฟื้นเป็นกำไรใน 2Q24 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2H24 หนุนโดย Backlog ที่แข็งแกร่งกว่า 500 ล้านบาท มีเงินสด/ฝากธนาคารกว่า 700 ล้านบาทพร้อมขยายในอนาคต เราคาด SRS จะกลับมาในเรดาร์ของเทรนด์เทคโนโลยีอีกครั้ง แต่ยังมีปัญหา ในด้านของสภาพคล่องของปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดที่ยังต่ำ

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้