สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 20 กันยายน 2567)---บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 20 ก.ย. 2567 เปิดเผยว่าดัชนีปรับขึ้นตอบรับการลดดอกเบี้ยของเฟด และเข้าใกล้โซนแนวต้านบริเวณ 1460 และ 1470 จุด ตามลำดับ ที่คาดว่ามี upside จำกัด ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ต่างๆ ที่ปรับขึ้นต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ มี upside จำกัดเช่นกัน และกลุ่มธนาคารที่ได้รับ sentiment ลบ จาก NIM ที่ลดลง จากการลดดอกเบี้ย เป็นปัจจัยถ่วงตลาด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1440 และ 1433 จุด หากต่ำกว่า เริ่มเป็นลบ


ประเด็นสำคัญ
• BoE มีมติ 8-1 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.0% มองว่าเฟ้อยังคงมีอยู่ และมีมติระบายพันธบัตร (QT) 1 แสนล้านปอนด์ ภายใน 12 เดือนข้างหน้า
• กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วลดลงสู่ 2.19 แสนราย ต่ำที่สุดในรอบสี่เดือนและต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
• ปริมาณการเดินทางของจีนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลไหว้พระจันทร์อยู่ที่ราว 630 ล้านครั้ง +31.1%YoY โดยส่วนใหญ่เป็นการเดินทางบนถนน
• รมว. ท่องเที่ยวฯ เผยพร้อมสานต่อโครงการเราเที่ยวด้วยกันซึ่งเคยประสบความสำเร็จมาก่อน และมอบหมายททท. จัดทำโครงการเฟสใหม่ และเสนอต่อคกก. ศก. ต่อนายกฯ เพื่อพิจารณาและของบดำเนินการ
• วานนี้เป็นวันสุดท้ายที่ธปท. เปิดยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank โดยมีผู้ยื่นดังนี้ 1) กลุ่ม KTB-ADVANC-OR, 2) กลุ่ม Lightnet-WeLab, 3) กลุ่ม ไปรษณีย์ไทย-สหพัฒน์-BTS-VGI-Sea Group บริษัทแม่ของ Shopee และรอการยืนยันจาก กลุ่ม TRUE-Ant Group ในเครือ Alibaba และ SCBX-KakaoBank-Webank
• สมาคมอาคารชุดมองยอดขายอสังหาฯ ใน 3Q24 จะชะลอลงจากเศรษฐกิจที่ผันผวน บาทที่แข็งค่ารวดเร็วซึ่งกระทบลูกค้าต่างชาติ และการชะลอเปิดโครงการของรายใหญ่ในปีนี้
• เครดิตบูโรเผยภาพรวมหนี้ในเดือนส.ค. พบหนี้ค้างในกลุ่มสินเชื่อบ้าน +18%MoM และสินเชื่อส่วนบุคคล +33%MoM คาดหนี้เสียอาจพุ่งทะลุ 1.2 ล้านลบ. ใน 3Q67
• กบข. เผยปัจจุบันมีการลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในช่วงของการพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรายากาศลงทุนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ดี ต้องจับตาความแตกต่างด้านการดำเนินนโยบายของ BoJ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Yen Carry Trade ที่อาจกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ ท่ามกลางกระแสเงินในตลาด EM ที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

แนวรับ-ต้าน
1440/1433 – 1460/1470

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET อยู่ในช่วงพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีม ดังนี้
1. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ AP GPSC MTC AMATA
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
3. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO

Daily top picks
HANA: คาดได้ sentiment บวกจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงการเปิดวางจำหน่ายไอโฟน 16 วันแรกในไทยที่ยังมีความต้องการสูง ประเมินผลประกอบการ 2H67 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น HoH ตามอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง จากวัฏจักรการเปลี่ยน smart phone โดยเฉพาะการเพิ่ม AI feature ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายด้วย PE ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยที่ 19.1 เท่า กำหนดราคาเข้าซื้อไม่เกิน 41.5 บาท

AWC: ผลประกอบการ 2H24 คาดยังจะเพิ่มขึ้นได้ YoY หนุนโดยการเพิ่มของรายได้ตาม ARR และมาร์จิ้นที่ขยายตัว และการเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม 3 แห่ง ทำให้จำนวนห้องพักเพิ่ม 14% YoY ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการปี 2568 คาดจะเติบโต 23% YoY ดีที่สุดในกลุ่ม แม้หุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ในเชิง valuation วัดจาก PBV ที่ 1.48 เท่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมากกว่า -1SD