News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

19 ก.ย. 2567 09:44:00 404

Market Wrap-Up

SET วันที่ 18 ก.ย.67 ปิด -0.83 จุด อยู่ที่ 1,435.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,568 ลบ.ต่างชาติซื้อ 3,493 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 164 ลบ.สถาบันขาย 1,860 ลบ. รายย่อยขาย 1,468 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,956 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BBL,TTB,KBANK,KTB,ADVANC และยอดขายในหุ้น SCB,AOT,TOP,JMT,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,849 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HMPRO,BPP,TRUE โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 7,355 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 61,183 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 9,748 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.25%, S&P500 -0.29%, Nasdaq -0.31% โดยกลุ่มสาธารณูปโภค -0.77%, เทคโนโลยี -0.51% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +0.25% หลังเฟดมีมติ 11-1 เสียง ปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกรอบกว่า 4 ปี ลง 0.50% อยู่ที่ 4.75 – 5.0% และปีนี้คาดลดอีก 0.5% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.5% นำโดยกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม -1%, บริการสุขภาพ -0.7% หลังหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ บริษัทยาเดนมารก์ -2.4%

Market View

ตลาดสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังเฟดมีมติ 11 – 1 ลดดอกเบี้ย 0.50% อยู่ที่ 4.75 – 5.0% โดย Fed Dot Plot คาดดอกเบี้ยปีนี้จะลดอีก 0.5% อยู่ที่ 4.4%, ปี 68 คาดลด 1% อยู่ที่ 3.4% และปี 69 คาดลด 0.5% อยู่ที่ 2.9% ส่วน GDP สหรัฐปี 67 – 69 คาดเติบโตที่ระดับ 2.0% , เงินเฟ้อสหรัฐ (Core PCE) ปีนี้คาด 2.6% ปีหน้าคาดลดลงอยู่ที่ 2.2% และอัตราว่างงานปี 67 – 68 คาดที่ 4.4% ซึ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสปรับตัวแบบ Soft Landing และไม่มีความเสี่ยงภาวะถดถอย จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกดัชนี Russell 200 และดัชนีกลุ่มธนาคารภูมิภาค (KBW Regional Bank Index) +0.46% ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ -0.50% ก่อนทราบผลการประชุมเฟด ขณะที่รายงาน UK CPI ส.ค. ทรงตัวอยู่ที่ 2.2% YoYโดยเงินเฟ้อจากภาคบริการ +5.6% สูงกว่าคาด ส่งผลให้การประชุม BOE อังกฤษคาดคงดอกเบี้ยที่ 5.0%
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ทรงตัวระหว่างรอผลการประชุมเฟด ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง & เกาหลีใต้วานนี้ปิดทำการในวันหยุด ส่วนดัชนีนิเกอิเช้านี้ +1.9% ได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่ที่ 143.49 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยวันพรุ่งนี้ติดตามผลการประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และ ธ.กลางจีนว่าจะปรับลดดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลงหรือไม่ หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนมีสัญญาณชะลอตัว
ดัชนี SET วานนี้ -0.06% ปริมาณการซื้อขาย 5.6 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 3,493 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 164 ลบ. สถาบันขาย 1,860 ลบ. และรายย่อยขาย 1,468 ลบ. จากแรงขายกลุ่มค้าปลีก -0.6%, กลุ่มรับเหมา -0.54%จากความกังวลกำไรบางส่วนอาจถูกกระทบจาก ม.ปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท/วัน ทั่วประเทศ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค. นี้ ส่วนกลุ่มธนาคารก็ถูกแรงขายกำไรจากคาดการณ์ NIM ในอนาคตมีแนวโน้มลดลงตามวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็ก ฯ +0.48%, ไฟแนนท์ +0.23% ที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง และกลุ่มท่องเที่ยว +0.15% รับ ม.กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” โดยภาพรวมคาดดัชนี SET จะได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ หลังเฟดเริ่มทยอยลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสหรัฐ & ไทยแคบลง เป็นแรงจูงใจให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเกิดใหม่ โดยวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น TIP รวม 212 ล.ดอลลาร์ ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ การยื่นขอใบอนุญาติ Virtual Bank โดยมีกลุ่มที่ให้ความสนใจ เช่น กลุ่ม SCBX, กลุ่ม KTB,AIS,GULF และกลุ่ม CP

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,425 – 1,430 แนวต้าน 1,440 – 1,450 คาดดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นต่อ จากแนวโน้ม Fund Flow ที่ไหลเข้าลงทุนในกลุ่มตลาดหุ้น TIP หลังเฟดเริ่มทยอยลดดอกเบี้ย แนะนำทยอยซื้อกลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR,KTC,AEONTS ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง/ ท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,MINT,CENTEL,ERW รับ ม.เราเที่ยวด้วยกัน
BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.30 บาท) แนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพราะเป็นช่วงเปิดภาคเรียน และ BEM ปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผลจาก TTW เข้ามาอีกก้อนหนึ่ง ส่วนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกในส่วนของงานโยธามูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และการลงทุนด้านระบบและขบวนรถมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท กำลังเริ่มดำเนินการโดยมีกำหนดเปิดใช้บริการสีส้มตะวันออกก่อใน 71 และเต็มสายตะวันตกด้วยในปี 73 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 3.9 พันล้านบาท +12%YoY และ 4.29 พันล้านบาท +11%YoY
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท) สำหรับ 3Q67 เบื้องต้นเราคาดว่า กำไรปกติของ BDMS จะปรับขึ้น QoQ ตามฤดูกาล(ฤดูฝนเป็นบวกต่อกลุ่มผู้ป่วยไทยและผู้ป่วย Expat) และปรับขึ้น YoY ตามการเติบโต Volume ผู้ป่วยที่เห็นต่อเนื่องมาจากการโต YoY ครึ่งแรกของปี ขณะที่ในเชิงรายได้ 2H67 จะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจาก Capacity ที่สูงขึ้นของร.พ. โดยมี.ค.67 ที่ผ่านมา เปิด พญาไทยศรีราชา 2 (IPD 113 เตียง) ไปแล้ว ส่วน 3Q67 คาดเปิดศูนย์มะเร็งภูเก็ต และ 4Q67 ถัดไป ร.พ.เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล(IPD 100 เตียง) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในตลาดใหม่อย่างซาอุฯ ปัจจุบัน เราประเมินกำไรสุทธิปี67 ที่ 15,824 ลบ.( +10%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ต.ค. -$0.28 อยู่ที่ $70.91 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$0.05 อยู่ที่ $73.65/บาร์เรล จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัว หลังเฟดลดดอกเบี้ย 0.50% โดยราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนเหตุการณ์ Pager, วิทยุ Walkie – Talkie ระเบิดในเลบานอน

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$6.20 อยู่ที่ $2,598.60 /ออนซ์ ปรับขึ้นก่อนทราบผลการประชุมเฟด ขณะที่ Dollar Index แข็งค่า +0.05% อยู่ที่ 100.97

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +211.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +105.10 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +92.81 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +13.88 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.735 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -11 จุด อยู่ที่ 1,890

(+) BitCoinเช้านี้ +2.91% อยู่ที่ 61,866 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

12 ก.ย. หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

ต่างประเทศ

16 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์

17 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์

US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)

18 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

19 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ส.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS