Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

453

 

ปรับฐาน แต่ไม่เปลี่ยนแนวโน้ม (ขึ้น)
รูปแบบการปรับฐานของ SET INDEX รอบนี้ดูแล้วก็คล้ายๆ กับรอบที่ปรับขึ้นหลังสภาผู้แทนฯ โหวเลือกนายกฯ เมื่อ 16 ส.ค. โดยปรับขึ้นราว75-80 จุด หลังจากนั้นพักฐานประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนปรับขึ้นไป ส่วนรอบล่าสุดปรับขึ้นมาราว 85 จุด ก่อนที่จะเริ่มปรับฐาน ซึ่งก็น่าจะกินเวลาราว 1 สัปดาห์ หรือจบลงในช่วงกลางสัปดาห์หน้า ด้วยรูปแบบที่เห็นทำให้เรายังเชื่อว่า SET INDEX ยังอยู่ในขาขึ้น ส่วนปัจจัยที่จะขับเคลื่อน SETINDEX ให้ผ่านช่วงปรับฐานคือ การประชุม ครม.นัดแรก 17 ก.ย. และประชุม FED 18 ก.ย. ส่วนกระแสที่ยังอยู่ในความในใจได้แก่เรื่องแหล่งเงินทุนในประเทศที่มีโอกาสไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น ผ่านกองทุนวายุภักษ์ ,THAILAND ESG FUND และอาจมีSSF เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอให้กระทรวงการคลังต่ออายุSSF ออกไปภาพ SET INDEX จนถึงปลายปี เชื่อว่าอยู่ในแนวโน้มขึ้น แต่ระยะสั้นอยู่ระหว่างการพักฐาน ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน คาดกรอบวันนี้อยู่ที่ 1405–1427 จุด หุ้น TOP PICK เลือก GPSC, MTC และ STEC


CORE CPI สหรัฐฯสูงกว่าคาด คาด FED รอบนี้ 0.25%
หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงก่อนหน้านี้ออกมาไม่สดใส ทั้ง JOBSOPENING, NONFARM-PAYROLL และ INITIAIL JOBLESS CLAIM จึงทำให้ตลาดคาดหวังว่า FED จะดำเนินนโยบายทางการเงินแบบ DOVISH มากขึ้น อย่างไรก็ตามวานนี้ดัชนี CPI เดือน ส.ค.67 ออกมา +0.2%MOM/+2.5%YOY เท่าคาดการณ์หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว


อย่างไรก็ตามดัชนี CPI พื้นฐาน (CORE CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน+0.3%MOM/+3.2%YOY สูงกว่าคาดสำหรับ MOM ทำให้ตลาดประเมินว่า FEDอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.67 มากขึ้น โดยล่าสุดFEDWATCH TOOL ของ CME GROUP บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย.67 หลังจากให้น้ำหนัก66% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องติตตามอย่างใกล้ชิด ว่า FED จะลดดอกเบี้ย 0.25% หรือ0.50% ในการประชุมเดือนนี้และการคาดการณ์ DOT PLOT จะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด ซึ่งหาก FED ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบ DOVISH มากเกินไป อาจหนุนให้ความกังวลการเกิด RECEESION มีมากขึ้นตามลำดับ

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงเน้นไปที่หุ้นรับ SENTIMENT เชิงบวกจากภาวะดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลงชัดเจน ทั้งกลุ่ม ธพ.ขนาดกลาง-เล็ก และกลุ่มเช่าซื้อ อย่าง KKPTISCO BAM TIDLOR MTC SAWAD เป็นต้น


TRUMP & HARRIS ดีเบตครั้งแรก
วานนี้ในการดีเบตกันครั้งแรกระหว่าง TRUMP (REPUBLICAN) & HARRIS(DEMOCRAT) ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย จัดขึ้นก่อนวันเลือกตั้งจริง 56 วัน ได้รับความสนในอย่างล้นหลามจากทั่วโลก ซึ่งนโยบายหาเสียงสำคัญที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจค่อนข้างมีมุมองที่แตกต่างกัน สรุปดังรายเอียดด้านล่างนี

 

ขณะที่นโยบายการเก็บภาษีของทั้ง 2 พรรค สวนทางกันอย่างชัด
• DEMOCRAT “หาก HARRIS ชนะการเลือกตั้ง” จะเพิ่ม CORPORATETAX จาก 21% เป็น 28% ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อ EPS GROWTH สหรัฐแต่อาจ
หนุน FUND FLOW อาจไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มต่อก็ได้

• REPUBLICAN “หาก TRUMP ชนะการเลือกตั้ง” จะลด CORPORATETAX เหลือ 15% ซึ่งมีโอกาสที่ EPS GROWTH จะเพิ่มขึ้นดังเช่นปี 2016-
2017 ช่วงที่ TRUMP ขึ้นเป็น ปธน. สหรัฐฯ สมัยแรก อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราสูง อาจทำให้ TRADE WAR เสี่ยงรุนแรงขึ้น


สำหรับ THEME การลงทุน POLICY PLAY มักเหวี่ยงไปตามผล POLL สํารวจว่าพรรคใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน โดยล่าสุดคะแนนเสียงความนิยมของ HARRIS ยังคงนำหน้า TRUMP อยู่ที่ 48.4 ต่อ 47.3ส่วนมุมข้อมูลสถิติในอดีตของผลตอบแทนตลาดหุ้นหลังวัน DEBATE ชิงเก้าอี้ ปธน.
สหรัฐฯ พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค้อนข้างมีความผันผวน เฉพาะอย่างยิ่งช่วง 7 วันหลังการดีเบต กดดัน S&P500 ร่วงลงเฉลี่ยราว 1.5%


สรุป การเลือตั้งสหรัฐฯ 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ย. นี้ ยังต้องติดตามความคืบหน้าอยู่เป็นระยะๆ เนื่องจาก THEME การลงทุน POLICY PLAY มักเหวี่ยงไปตามผล POLL สํารวจว่าพรรใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน

ROADMAP นโยบายรัฐ, วายุภักษ์เดินหน้าต่อ
แม้วานนี้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลง 12 จุด หลังกังวลกองทุนวายุภักษ์สะดุด แต่FUNDFLOW ต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ 2.6 พันล้านบาท ขณะเดียวกันกองทุนวายุภักษ์ยังน่าจะเดินหน้าตาม TIMELINE ปกติ หลังกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า การตั้งกองทุนดังกล่าว อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามสมควร

ส่วนวันที่ 12 ก.ย. 67 นายกฯ เตรียมแถลงนโยบายต่อสภาพ แบ่งออกเป็น 10 นโยบายหลักๆ ทั้งเรื่องปัญหาหนี้สิน รายได้ ค่าครองชีพ รวมทั้งความมั่นคงและปลอดภัยในสังคมเป็นหลัก


โดยนโยบายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนโดยตรง มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อหลักๆ

1) การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรมส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเช่าซื้ออย่าง MTC SAWAD TIDLOR BAM 3)และ 5) การลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงานและเร่งปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน, ค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย และเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ DIGITAL WALLET ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร / ค้าปลีก / เช่าซื้ออย่าง CPF TUCPALL CRC BJC HMPRO COM7 MTC SAWAD TIDLOR BAM 7) ก า รเ ร่ งส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยการสร้าง ENTERTAINMENT COMPLEX ครบวงจรส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มท่องเที่ยว/ การบินอย่าง CENTEL MINTERW AOT AAV BA

สรุป กองทุนวายุภักษ์ยังเดินหน้าตาม TIMELINE เดิม พร้อมกับ10 นโยบายเร่งด่วนจาก ครม.ชุดใหม่ คาดหนุนให้ SET ยังเดินหน้าในแดนบวกต่อได้ โดยมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1427 จุด และมีหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ดังรายละเอียดข้างต้น

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ดันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้