Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

565

 

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

สรุปภาพตลาดวานนี้ SET ย่อแค่เล็กน้อย แม้จะมีแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่หลายกลุ่มทั้ง CPALL ADVANC PTT KTB PTTEP แต่ก็มีแรงซื้อกลับในหุ้นส่งออก DELTA CPF ธนาคาร TTB BBL และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ DIF TFFIF 3BBIF รวมทั้งรีทอย่าง CPNREIT

แนวโน้มตลาดวันนี้
เล่นหุ้นตรงข้ามน้ำมัน
คงคาดดัชนีฯจะเคลื่อนไหวในกรอบระยะสัปดาห์ ที่เราประเมิน 1,410-1,450 จุด แม้ระยะสั้นจะมีพักฐานจากแรงขายทำกำไรไปบ้าง และหุ้นที่คาดว่าจะเล่นแข็งแกร่งกว่าตลาด
คือ การเทรดหุ้นแถว...สองสามสี่ ซึ่งจะเป็นการเล่นหุ้นเกาะกระแส หรือ เล่นตาม ธีมการลงทุน เช่น (1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฐานราก MTC SAWAD CBG OSP ฯลฯ (2) การลงทุน “เมกาโปรเจค” THCOM TRUE STEC VGI (3) หุ้นรับฤดูกาลหนุนรายได้โตมากกว่าคาด เช่น ลุ้นโครงการช้อปช่วยชาติ, เร่งขนส่งก่อนสิ้นปี, เดินทางท่องเที่ยว COM7, RCL PSL, AAV ERW เป็นต้น
และวันนี้คาดกระแสหลัก คือ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับลงสอดคล้องกับการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบจากโบรกต่างชาติ เราคาดว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันขาลงรอบนี้ เช่น ขนส่ง ปิโตรฯ ซีเมนต์ รับเหมา จะบวกได้ดีกว่าตลาด แม้หุ้นพลังงาน โรงกลั่น จะถ่วงดัชนีวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ลดความดุดัน! ภายหลังทำจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือน มูลค่าซื้อขายยังคงหนาแน่นที่ 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามแนวโน้มระยะสั้นดัชนีอาจดูติดขัดนิดหน่อย กำลังทำทรงออกข้าง “Bullish pennant” เป็นรูปธงเล็กๆ หากสร้างฐานเสร็จสิ้นก็จะขึ้นต่อ! ตามโครงสร้างขาขึ้น (Major uptrend) จับตาภาพระยะกลาง-ยาว โมเมนตัม Golden cross , breakout โซนต้านสำคัญ MACD (month) กำลังจะตัดขึ้น (รูปอยู่ในหน้าถัดไป) บ่งชี้ภาวะกระทิงยังไม่จบง่ายๆ
สรุป: SET ไปต่อ! แนะแผนเล่นรอบ switching idea เทรดหุ้นแถวสองช่วงตลาดพักตัว...ส่วนหุ้นใหญ่ขายไปแล้วรอจังหวะซื้อกลับหรือตั้งราคา bid ต่ำๆ ไว้ ไม่รีบครับ

 

 


What to watch
เงินสด 10,000 บาท จะโอนเข้าบัญชีโดยตรงให้ผู้มีสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการกว่า 14 ล้านคนเป็นกลุ่มแรกก่อน โดยสามารถนำไปซื้อสินค้าใดก็ได้ ไม่ได้มีการจำกัดสินค้า
ด้าน ม.หอการค้าไทย ประเมินว่า การแจกเงินหมื่นบาทในรูปเงินสดภายใต้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะให้กับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกในช่วงเดือนก.ย.นี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ให้เติบโตราว 3.5-4% และในภาพรวมจะช่วยกระตุ้น GDP ของทั้งปีให้เพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.3% เป็น 2.7-2.8% จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 67 จะเติบโตราว 2.5%
เปิดขายกองทุนวายุภักษ์ 16-20 ก.ย.นี้, คลังปรับเป้า GDP ปีนี้ 3%
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 19 ก.ย. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5.25% ธนาคารกลางยุโรป 12 ก.ย. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 3.50%
การประชุม กนง. 16 ต.ค. ตลาดยังคงคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯที่ 2.5%
FTSE Rebalance: FTSE All World หุ้นออก BLA, และกลุ่มขยับจาก Large-Cap ไปเป็น Mid-Cap ได้แก่ OR MINT PTTGC EA CRC สำหรับกลุ่ม Small-Cap หุ้นเข้า BLA CPNREIT และหุ้นออก ITD NER ORI TPIPL (คาดมีผล 20 ก.ย.นี้)
มอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์เป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายสัปดาห์ เนื่องจากอุปสงค์มีความเสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่อุปทานยังคงอยู่ในปริมาณมาก คาดราคาน้ำมันเบรนท์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 4/2567 เทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 80 ดอลลาร์
การทบทวนแนวโน้มราคาน้ำมันของมอร์แกน สแตนลีย์มีความสอดคล้องกับธนาคารรายใหญ่รายอื่น ๆ ที่ได้แสดงความกังวลในเรื่องดังกล่าว โดยโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในเดือนที่แล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะอุปทานที่สูงขึ้นไป และคาดว่าราคาเฉลี่ยของน้ำมันเบรนท์จะอยู่ที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2568 นอกเสียจากว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม

หุ้นแนะนำวันนี้
AAV แนะนำเล่นหุ้นสวนทางราคาน้ำมัน(S 2.54 R 2.7 SL 2.48)

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Thai Market Strategy
คู่มือการลงทุนช่วงวัฏจักรของเศรษฐกิจมหภาคที่เปลี่ยนไป
รายงานฉบับนี้จะเป็นการให้ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค เชื่อมโยงมาที่ตัวกลุ่มอุตสาหกรรม - หุ้น สรุป ดังนี้
1) วงจรเศรษฐกิจมีผลมากต่อภาพกำไรบริษัท ช่วงที่เศรษฐกิจเป็นขาขึ้นกำไรกลุ่ม Cyclical เช่น ธนาคาร, สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer discretionary) มักจะดี แต่ถ้าเศรษฐกิจขาลง กลุ่มที่เป็น Defensive เช่น ค้าปลีกสินค้าจำเป็น (Consumer staple) อาหาร/เครื่องดื่ม โรงพยาบาลมักจะดีแทน
2) รอบนี้ในการบอกว่า เราอยู่ในวงจรไหน อาจจะค่อนข้างซับซ้อนกว่าปกติ ถึงแม้ดูเหมือนว่าไทยกำลังอยู่ในวงจรฟื้นตัว แต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ น่าจะกดดันการฟื้นตัวของไทยอย่างมากในฐานะประเทศพึ่งพิงการส่งออก (60% ของ GDP; ท่องเที่ยวอีกราว 10-20% GDP) ซึ่งทำให้ไทยอาจจะต้องเผชิญภาวะการฟื้นตัวช้านานกว่าที่ตลาดคาด
3) จากการศึกษาภาพกำไรปัจจุบันพบว่า มีความคล้ายกับช่วงปี 2019 ที่เศรษฐกิจโลกเป็นปลายทาง (late cycle) อย่างมาก ทั้งในแง่ของ 1) อัตรากำไร และ 2) earnings revision
4) โดยภาพรวมอัตรากำไรของ SET ปี 2019 หดตัวแรง 170bps จากปีก่อน และอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ 9 จาก 13 อุตสาหกรรมอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี แบ่งเป็น
 กลุ่มที่อัตรากำไรลดลงแรง เช่น ปิโตรฯ วัสดุก่อสร้าง (Construction Material) อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ
 กลุ่มที่ยังมีอัตรากำไรที่ยังแข็งแรง/โดนกระทบน้อยมีแค่ ค้าปลีกสินค้าจำเป็น, อาหารเครื่องดื่ม
5) กลับมาปัจจุบัน ในแง่ของทิศทางการปรับประมาณการณ์กำไร (earnings revision) และ earnings revision breadth มีความคล้ายกับปี 2019 Global late cycle เช่นกัน ได้แก่
 กลุ่มที่ปรับขึ้น/ทรงตัว ได้แก่ ค้าปลีกสินค้าจำเป็น (Consumer staple) อาหาร/เครื่องดื่ม เกษตรและกลุ่ม ICT
 กลุ่มที่ปรับลดลงได้แก่ อสังหาฯ วัสดุก่อสร้าง (Construction Material) ปิโตรฯ
6) มุมมองในเชิงกลยุทธ์อิงปัจจัยฟื้นฐาน ถึงแม้ในระยะสั้น ตลาดกลับมา Risk-on จากความคาดหวังนโยบายกระตุ้นภาครัฐฯ บวกกับกองทุนวายุภักษ์ ยังคาดจะหนุนตลาดได้ใน 1-2 เดือนข้างหน้า (แจกเงิน + Fed cut เดือน ก.ย., วายุภักษ์ ต.ค.) แต่เรายังคงให้ระมัดระวังกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกอ่อนแอกว่าคาดโดยเฉพาะช่วง 4Q24
ดังนั้น เราเลือกใช่กลยุทธ์แบบ Barbel Strategy ในการลงทุน ระหว่าง 1) Domestic และ 2) Quality & Defensive play ซึ่งมักจะมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งในช่วง global late cycle ทั้ง 2 กลุ่ม ได้แก่
(1) Margins leader: อัตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ย และยังมีการปรับประมาณการณ์กำไรขึ้น บวกกับ positive earnings revision breadth ได้แก่ อาหาร/เครื่องดื่ม ค้าปลีกของใช้จำเป็น โรงพยาบาล
(2) Margins recovery: อัตรากำไรผ่านจุดต่ำสุด มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น และมีการปรับประมาณการณ์กำไรขึ้น บวกมี positive earnings revision breadth คือ ICT
Fundamental View: โดยสรุป หุ้นแนะนำ ได้แก่ CBG CPALL CPAXT BDMS BH ADVANC

 

 

 

CBG (Idea)
คาราบาวกรุ๊ป
ปัจจัยบวกมา พร้อมลุย!
วันนี้เราออก Idea call หุ้น CBG เพราะมองว่ารอบนี้ จะมาพร้อมกับปัจจัยบวกหลายประการ
1) ส่วนแบ่งการตลาดขึ้นจาก 21% เมื่อ ก.ย. 2022 มาอยู่ที่ 24.3% ใน ก.ค. 2024 นอกเหนือจากการตึงราคาขนาด 10 บาท แล้วยังมี โปรโมชั่นของ 2 ขวด ราคา 18 บาท (เทียบ M150 โปรฯ 2 ขวด 22 บาท)
2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังของ CBG (29% ของประมาณการรายได้ปี 2024 ของเรา)
3) หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำใน เดือน ต.ค. จะส่งผลให้การบริโภคเพิ่มขึ้น ส่วนด้านต้นทุนค่าแรง เราคาดผลกระทบน้อยกว่า เพราะโรงงาน CBG เป็นแบบอัตโนมัติส่วนใหญ่
4) ช่วงเทศกาลในไตรมาส 4 ที่มาพร้อมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยหนุนรายได้จากการจัดจำหน่ายและบรรจุภัณฑ์สำหรับสุราและเบียร์ (39% ของประมาณการรายได้ปี 2024 ของเรา)
5) โอกาสในการขยายช่องทางจัดจำหน่ายแบรนด์เบียร์ของกลุ่มฯ เข้า 7-Eleven จะหนุนรายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายและบรรจุภัณฑ์ของ CBG
6) ราคาน้ำตาลและอลูมิเนียม ยังคงตัว ช่วยเรื่อง อัตรากำไรขั้นต้น (GM) โดยเฉพาะเมื่อรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024-25 ขึ้น 5.6% และ 5.0% ตามลำดับ
และระยะสั้น เราคาดกำไรของ CBG ใน 3Q24 ที่ 729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% YoY และ 6% QoQ จากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ และรายได้จากการจัดจำหน่ายและบรรจุภัณฑ์ (หลักๆ เหล้าข้าวหอม)
Fundamental View: เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 85 บาท

SPALI
ศุภาลัย
เพิ่มความเชื่อมั่นช่วงเข้าสู่ High Season
วันนี้และวันพรุ่งนี้เรายังมีจัดงาน BLS Investment & Construction Day โดยในวันพฤหัสฯ จะมีช่วงของ SPALI ช่วงเวลา 15.00-16.00
ในงานนี้ เราจะเจาะลึกประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ยังคงเดิม แต่ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวลง บริษัทจะปรับตัวอย่างไร การเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ที่ลดลง ผู้รับเหมาเหลือค้าง เป็นข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ
อย่างไร ภาพ 3Q24 เราประเมินว่าเป็นไตรมาสที่ดีสุดของ SPALI โดยต้องติดตามว่า บริษัทตอกย้ำภาพนี้ได้แค่ไหน เพราะด้วย backlog ในมือกว่า 1.2 หมื่นล้าน อิงจากสถานการณ์อสังหาฯ ตลาดตอนนี้ รวมทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากใน 3Q24 ถือเป็นตัวแทนภาคอสังหาฯ ที่จะส่งสัญญาณเริ่มต้นที่ดีของผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทย เชิญเข้าร่วมรับฟังกันได้ในงาน BLS Investment & Construction Day
Fundamental View: ทั้งนี้ เราปรับคำ แนะนำเพิ่มจากถือ เป็น ซื้อเก็งกำไร จากการเก็งกำไรประเด็น 3Q24 ผลประกอบการดีขึ้น และขยับไปใช้เป้าหมายปี 2025 ที่ 20.50 บาท

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้