AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งตามกรอบ 1400-1420
หุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโต Valuation ยังไม่แพง

Market Strategy
คาด SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1400-1420 จุด จากสัญญาณบวกของทิศทาง Fund Flow ที่ยังมีแนวโน้มไหลเข้า โดยมีปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเมือง การเร่งขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นและความคืบหน้าการจ่ายงบประมาณไม่สะดุด ด้านปัจจัยต่างประเทศยังผันผวนตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งวานนี้แรงกดดันเบาลง กลยุทธ์วันนี้เลือก HMPRO และ GPSC
ความคืบหน้าของกองทุนวายุภักษ์วงเงิน 1-1.5 แสนล้านบาท มีมากขึ้น หลังเตรียมเปิดขายต่อนักลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 16-20 ก.ย.และนักลงทุนสถาบันฯ 18-20 ก.ย. โดยเม็ดเงินจะเข้าสู่ตลาดในช่วง ต.ค. ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นบวกต่อสภาพคล่องในตลาดในระยะถัดไป ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ PTT SCB TBB KTB และ BCP สำหรับมาตรการอื่นๆที่ติดตามคือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศเดือน ต.ค. ล่าสุด รมว. แรงงานเผยเตรียมเดินหน้าแต่จะยกเว้น SMEs และจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตามมา ซึ่งกระบวนจะเป็นการพิจารณาของคณะอนุกรรมการคาดได้ข้อสรุปในวันที่ 9 ก.ย. ระยะสั้น Sentiment ลบต่อกลุ่ม Labour Intensive อย่างรับเหมาฯ ยานยนต์ แต่เป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic Consumption อย่างค้าปลีก (CPALL BJC) ไฟแนนซ์ (MTC SAK)

ปัจจัยต่างประเทศการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งวานนี้ออกมาผสมผสาน โดย ADP Employment เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 9.9 หมื่นต่ำแหน่งต่ำกว่าคาดที่ 1.45 แสนตำแหน่ง แต่ได้ ISM ภาคบริการเดือน ส.ค. ที่ออกมา 51.5 ดีกว่าคาด 51.4 เข้ามาช่วยลดความกังวล ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ชะลอการลงและสุดท้ายปิดผสมผสานในช่วง -0.5% ถึง +0.25% ส่วนวันนี้ติดตามการรายงาน NFP เดือน ส.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.65 แสนตำแหน่งและอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.2% เทียบกับเดือนก่อนที่ 4.3% หากออกมาตามคาดเชื่อว่าจะช่วยหนุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อไป

Market Summary
SET แกว่งขึ้น 2.84% บวกวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี 10 เดือนด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมากที่สุดในปีนี้ 8.17 หมื่นล้านบาท หนุนจากความชัดเจนของกองทุนวายุภักษ์หนุนหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่มี ESG ปรับขึ้นแรง สะท้อนจาก SET50 +3.3% SETESG +3.5% โดยกลุ่ม ICT บวกเด่น ADVANC 7.7% INTUCH +6.3% กลุ่มเครือปูนซิเมนซ์ไทย SCGP +8% SCC 4.8% ต่างชาติซื้อสุทธิสูง 7.48 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ HMPRO GPSC

GPSC กำไรเติบโตแข็งแกร่ง
คาดว่ากำไรปี 67/68 เติบโตแรงที่ 49% และ 51% ตามลำดับ โดยการเติบโตปี 67 จะได้รับแรงหนุนจากราคาก๊าซลดลงและส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ส่วนการเติบโตของกำไรในปี 68 จะได้รับแรงหนุนจากราคาก๊าซลดลงต่อและส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากโครงการ CFXD ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ไต้หวัน
ผลประกอบการ 3Q67E จะเติบโตได้ทั้ง QoQ จากฐานที่ต่ำในงวด 2Q66 และขยายตัว YoY จากประโยชน์ของราคาก๊าซที่แนวโน้มลดลง นอกจากนี้ยังได้ Sentiment บวกต่อ Bond U.S. Yied สหรัฐฯ ที่ปรับลงตามตลาดแนวโน้มดอกเบี้ยฯ สหรัฐฯ ที่คาด FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยฯ เดือน ก.ย.
ในมุม Valuation อยู่บน PER67E 22.2 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -0.76 S.D.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 53.00 บาท

HMPROปันผลสม่ำเสนอและ Valuation ถูก (มาก)
คาดการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. เนื่องจากฐานที่ต่ำและผลกระทบจากการก่อสร้างถนนหน้าร้าน Home Pro สาขาราชพฤกษ์ที่น้อยลง และการย้ายสถานที่ตั้งของ Home Pro รัตนาธิเบศร์ หนุน SSSG จะกลับมาเป็นบวกใน 4Q67
ขณะที่กำไรในครึ่งหลังของปี 67 คาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีและเทียบ YoY เนื่องจากมีการขยายสาขาหลายแห่ง ได้แก่ Home Pro 3-4 แห่งและ Mega Home 1 แห่ง โดยเน้นรูปแบบไฮบริด (การมี Home Pro และ Mega Home ในสถานที่เดียวกัน)
แนวโน้มจะกำไรทำสถิติใหม่ในปี 67 แต่ราคาหุ้นลดลง 17%YTD โดยหุ้นซื้อขายที่ PER67 18.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่เกินกว่า -2 SD และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.5% โดย ESG Rating ระดับ AA จึงประเมินมีโอกาสเป็นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ได้เช่นกัน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.20 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยที่ Outperform จากปัจจัยเฉพาะตัว ตอบรับเชิงบวกการจัดตั้งรัฐบาลที่ได้ ครม. อย่างเป็นทางการ ผสานการเปิดเผยรายละเอียดกองทุนวายุภักษ์เพิ่มเติม สร้างความคาดหวังเม็ดเงินที่จะเข้าหนุนตลาดหุ้นไทยราว 1-1.5 แสนล้านบาท ในช่วงถัดไป ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาเร่งซื้อสุทธิ +7.48 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอดสะสม MTD พลิกเป็นซื้อสุทธิ +4.74 พันล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันฯ ซื้อต่อเนื่องอีก +3.62 พันล้านบาท สะสม MTD ซื้อสุทธิ +5.91 พันล้านบาท
การรายงานตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ การจ้างงานเอกชน ADP เดือน ส.ค. (รายงานเมื่อคืนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียง 9.9 หมื่นตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ +1.45 แสนตำแหน่ง อย่างมีนัยสำคัญ และถือเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ในเดือน ก.พ. 2564 ซ้ำเติมสร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดังนั้น ตัวเลขที่จะรายงานคืนนี้ นำโดย 1) การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Consensus คาด+1.65 แสนตำแหน่ง เร่งตัวจาก +1.14 แสนตำแหน่ง ในเดือน ก.ค.) และ 2) อัตราการว่างงาน (Consensus คาด 4.2% ดีขึ้นจาก 4.3% ในเดือน ก.ค.) ตลาดคาดหวังที่จะเห็นตัวเลขที่ออกมาดีซึ่งจะช่วยปลดล็อคความกังวลดังกล่าว

Eyes On
5 ก.ย. CPI ของไทย เดือน ส.ค., การจ้างงานเอกชน ADP
6 ก.ย. GDP 2Q67 ของ Eurozone, การจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงานสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ