Today’s NEWS FEED

News Feed

เทพหุ้นเมย์แบงก์ ส่องตลาดหุ้นไทยเดือน ก.ย. พักระยะสั้นในรอบขาขึ้น หุ้นเด่น BCP -BBIK-SAK

706

 

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 2 กันยายน 2567)------บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือน ก.ย. น่าจะเริ่มมี Upside ที่เริ่มจำกัด แม้จะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อเนื่องช่วงครึ่งแรกของเดือน แต่คาดว่าจะเผชิญแรงขายทำกำไร sell on fact การปรับลดดอกเบี้ยของ Fed และ ECB รวมทั้งการเมืองในประเทศที่จะกลับมาให้น้ำหนักความเสี่ยงของการดำเนินนโยบายและเสถียรภาพรัฐบาลมากขึ้น

แนวโน้มตลาดน่าจะยังอยู่บนความคาดหวังเชิงบวกทั้งจากปัจจัย 1)ภายในประเทศ ที่รัฐบาลใหม่มีกำหนดแถลงนโยบายวันที่ 11 ก.ย. และประชุม ครม. ครั้งแรกในวันที่ 17 ก.ย. และ 2) ต่างประเทศ ทิศทางดอกเบี้ยโลกน่าจะเข้าสู่วรจรขาลงอย่างเป็นทางการ โดย Fed จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย -0.25% ในการประชุม 18-19 ก.ย. ส่วน ECB จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่สองอีก -0.25% ในการประชุม 12 ก.ย. อย่างไรก็ตามทิศทางตลาดหลังจากนั้นน่าจะเริ่มมี Upside ที่จำกัดจากทั้ง 1) แรงขายทำกำไร sell on fact และ 2) มุมมองตลาดที่จะหันมาให้น้ำหนักด้านความเสี่ยงของการดำเนินนโยบายและเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่มากขึ้น ดังนั้น การเลือกหุ้นเชิงกลยุทธ์จึงมองไปที่หุ้นที่ราคายัง Laggard ในขณะเดียวกันมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
หุ้น Top Picks เดือนกันยายน

• BCP (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62.00 บาท) ปี 68-70 ได้แรงหนุนหลักจากเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) จะสร้างกำไร 2.6-4.1 พันลบ. ต่อปี หรือคิดเป็น 20-30% ส่วนกำไร 2H67 คาดว่าฟื้นตัวตาม GRM ที่ปรับตัวดีขึ้นตามผลของฤดูกาล ขณะที่ราคา Crude Premium ลดลงจะช่วยหนุนต่ออัตราทำกำไรดีขึ้น
• BBIK (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท) คาดกำไรหลักปี 67-69 +28% CAGR จากส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น ได้เปรียบด้านต้นทุนและตลาดซอฟต์แวร์องค์กรในประเทศยังมีขนาดเล็ก ขณะที่การเซ็นสัญญาโครงการใน มิ.ย. 67 ทำให้ backlog ณ สิ้น 2Q67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 905 ลบ. โดย 506 ล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ 2H67 ขณะที่การชนะประมูลโครงการยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ค.-ส.ค. คาดกำไรหลัก 3Q67 ที่ 83 ล้านบาท +10% YoY และ +83% QoQ
• SAK (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.50 บาท) คาดกำไรหลัก 67 จะเติบโต 14% YoY รายได้เติบโต ผสานการควบคุมต้นทุนที่ดี ยังมีโอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยฯในปีนี้ ซึ่ง SAK จะได้ประโยชน์จากสัดส่วนที่สูงถึง 95% ของเงินกู้มาจากการกู้ยืมธนาคารซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ย (ทุกๆ 0.25% ที่ปรับลดดอกเบี้ยฯ จะเป็น Upside ต่อประมาณการ 2% ในปี 67/68)

-สรุปภาพรวมตลาดในเดือนที่ผ่านมา-

1. ปัจจัยภายในประเทศที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยในเดือนที่ผ่านมา
• การรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียน 2Q67
จากการรวบรวมข้อมูลถึงวันที่ 9 ส.ค. มีบริษัทรายงานกำไร 58% ของ Market Cap ซึ่งโดยรวมมากกว่าตลาดคาดในช่วง 5-7% ทำให้ยังไม่เปิด Downside ต่อการปรับประมาณการกำไรปี 67 ที่เราคาด EPS ที่ 94.7 บาทต่อหุ้นเติบโต 24%YoY
• ความชัดเจนทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น
จากวันที่ 16 พ.ค.67 คุณแพทองธาร ได้โหวตเลือกเป็นนายกฯ คนใหม่พร้อมจับขั้วกับกับพรรคร่วมเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล กระบวนการต่อจากนี้จะเป็นการจัดตั้ง ครม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ/รอโปรดเกล้าฯ ถวายสัตย์ฯnและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งคาดว่าเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนแรกของ ก.ย. ทำให้งบประมาณปี 68 เชื่อว่าจะไม่ล่าช้า ขณะที่นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่างๆเชื่อว่าจะมีการเดินหน้าต่อ
• Vision for Thailand 2024
จัดขึ้นโดยมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ต่อแนวทางการขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ เราให้น้ำหนัก 3 ประเด็นที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดซึ่งจะสร้างแรงขับเคลื่อนต่อหุ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมประกอบด้วย 1) Digital Wallet ที่มีโอกาสจะจ่ายรอบแรกเดือน ก.ย. สำหรับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ 14.5 ล้านคน มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก (ชอบ BJC CPALL COM7) กลุ่มอาหาร (ชอบ OSP ) และกลุ่มไฟแนนซ์ (ชอบ MTC SAK) 2) โครงการวายุภักษ์ที่มีโอกาสเดินหน้าต่อ (ชอบ TTB KTB SCB และ BCP) และ 3) เสนอ ธ.พ. ลดเงินนำส่งเข้ากอง FIDF และตั้งกองทุนซื้อหนี้จากสถาบันการเงินเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร (ชอบ TTB SCB และ BBL) แต่อย่างไรก็ตามการเดินหน้าของโครงการต่างๆ ข้างต้น ยังต้องติดตามท่าทีของรัฐบาลใหม่ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงฟอร์มทีม ครม.
ก็ตามเห็นท่าทีผ่อนปรนลงจากความเห็นของผู้ว่า ธปท. ที่พร้อมยืดหยุ่นมากขึ้นหากนโยบายตึงตัวเกินไปจนกระทบเสถียรภาพการเงินในประเทศ
• GDP2Q67 ดีกว่าคาด
ขยายตัว 2.3%YoY เทียบกับตลาดคาดและ1Q67 ที่ขยายตัว 2.2%YoY และ 1.6%YoY โดยสภาพัฒน์คงค่ากลาง GDP67 ขยายตัว 2.5%YoY แต่ได้มีการปรับการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 0.3%YoY จากเดิม 3.2%YoY และปรับการลงทุนภาครัฐฯ หดตัว -0.7%YoY จากรอบก่อนคาดหดตัว -1.8%YoY โดยการขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีจะมาจากภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ ขณะที่ภาคบริโภคในประเทศจะขยายตัวแต่อัตราชะลอลง
• การประชุม กนง.
คงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ต่อไป แต่สิ่งที่ให้น้ำหนักมากกว่าคือการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป ซึ่งเราเชื่อว่าคณะกรรมการจะยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนต่อการลดดอกเบี้ยฯ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อยังอยู่ในคาดหมาย อีกทั้งยังน่าจะรอประเมินความชัดเจนของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม เห็นท่าทีผ่อนปรนลงจากความเห็นของผู้ว่า ธปท. ที่พร้อมยืดหยุ่นมากขึ้นหากนโยบายตึงตัวเกินไปจนกระทบเสถียรภาพการเงินในประเทศ

 

• SET Index +2.89% ได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกการเมืองในประเทศ หลังสภาฯ คุณแพทองธาร ได้รับโปรดเกล้าเป็นนายกฯ คนที่ 31 ซึ่งถัดไปเป็นช่วงการจัดตั้ง ครม. นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ/รอโปรดเกล้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณและแถลงนโยบายในสภาฯ ซึ่งกระบวนดังกล่าวคาดจะเสร็จสิ้นภายในกลางเดือน ก.ย. จุด นอกจากนี้ยังเห็นภาพนโยบายที่เริ่มชัดเจน หลังจากที่อดีตนายกฯทักษิณ แสดงวิสัยทัศน์ ไอเดียการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยน่าจะนำไปสู่นโยบาย Quick Win ของรัฐบาลใหม่ประกอบด้วย 1) แจกเงิน 10,000 บาท รอบแรกให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ด้วยงบฯปี 67 ภายในเดือน ก.ย. 2) การเดินหน้าจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 3) การแก้หนี้โดยตั้งองค์กรซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน และปรับลด FIFD
• ตัวเลขเศรษฐกิจสะท้อนภาพเชิงบวก 1) GDP2Q67 ขยายตัว 2.3%YoY ดีกว่าตลาดคาดและ1Q67 ที่ขยายตัว 2.2%YoY และ 1.6%YoY โดยสภาพัฒน์คงค่ากลาง GDP67 ขยายตัว 2.5%YoY แต่ได้มีการปรับการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 0.3%YoY จากเดิม 3.2%YoY และปรับการลงทุนภาครัฐฯ หดตัว -0.7%YoY จากรอบก่อนคาดหดตัว -1.8%YoY 2) ส่งออกไทย เดือน ก.ค. ขยายตัว +15.2% YoY สูงกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญที่ +5.9% YoY ได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าเกษตร และอิเล็กทรอนิกส์ 2) การประชุม กนง.มีมติคงดอกเบี้ยฯ 2.5% ตามคาดและยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยฯ เนื่องจากประเมินทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อยังอยู่กรอบที่ประเมิน
• กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นและ Outperform นำโดย กลุ่มสื่อโฆษณา (+12.61%), การเงินและหลักทรัพย์ (+10.26%), สื่อสาร (+5.95%), เกษตร (+5.25%), ธนาคาร (+5%), วัสดุก่อสร้าง (+3.85%), ขนส่ง (+3.46%), พลังงาน (+3.1%), และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (+3.03%)
• กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลงและ Underperform ประกอบด้วย กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (-8.38%), ปิโตรเคมี (-8.28%), ท่องเที่ยว (-6.79%), รับเหมาก่อสร้าง (-0.66%), และ อาหารและเครื่องดื่ม (-0.26%)

 

-มุมมองตลาดหุ้นไทยเดือน ก.ย. 2567-
• SET Index เดือน ก.ย. พื้นที่การขึ้นเริ่มถูกจำกัดที่บริเวณ 1400 จุด
คาด SET Index ปรับขึ้นแต่กรอบเริ่มจำกัดในช่วงสั้นตามกรอบ 1330-1400 จุด คาดตลาดยังน่าจะมีโมเมนตัมไปต่อโดยแรงหนุนจากความชัดเจนทางการเมืองที่จะได้รัฐบาลใหม่โดยมีแกนนำจากพรรคเพื่อไทยและการเร่งขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและตลาดทุน ส่วนการประชุม FED เดือน ก.ย. คาดจะปรับลดดอกเบี้ยฯครั้งแรกในรอบ 4.5 ปี ส่งผลบวกต่อ Fund Flow ไหลเข้าเอเซียและไทย แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นที่ปรับขึ้นมารวดเร็วในช่วง ส.ค. 67 เกือบ 3% ตอบรับข่าวดีเรื่องมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลและการปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED ไปแล้ว จึงอาจเห็นแรง Sell on Fact เกิดขึ้นเพื่อรอประเมินผลของมาตรการต่างๆต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงและกำไรบริษัทจดทะเบียน ด้านปัจจัยเสี่ยงกดดันตลาดเป็นข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อที่ตรวจสอบคุณสมบัติของนายกฯ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง กลยุทธ์จึงมองไปที่หุ้นที่ราคายัง Laggard ในขณะเดียวกันมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว BCP SAK BBIK
• ตั้ง ครม.คาดแล้วเสร็จช่วงต้นเดือน ตามมาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก
การจัดตั้ง ครม. ภายใต้นายกฯ แพทองธาร โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ถูกคาดหมายว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือน ก.ย. จากนั้นเตรียมนำรายชื่อทูลเกล้า-รอโปรดเกล้า-ถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายในสภาฯ คาดวันที่ 11 ก.ย. 67 และเริ่มประชุม ครม.นัดแรกในวันที่ 17 ก.ย. 67 คาดว่าจะเห็นการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันที โดยนโยบายแรก คือ โครงการ Digital Wallet เฟส 1 ที่จ่ายให้กลุ่มที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ 13-14 ล้านคนและผู้พิการ 1 ล้านคนวงเงินราว 1.45 แสนล้านบาท (เฟส 2 สำหรับกลุ่มผู้ลงทะเบียนผ่าน Application ทางรัฐฯ จะตามรายละเอียดต่อไป) ถัดมาคือการฟื้นกองทุนวายุภักษ์วงเงิน 1-1.5 แสนล้านบาท ที่คาดว่าเผยรายละเอียดอัตราผลตอบแทนและระยะเวลาเริ่มเปิดขายกองทุน ซึ่ง 2 โครงการดังกล่าว มีความคืบหน้า คาดว่าจะเป็นแรงหนุนต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPALL BJC) กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC SAK) กลุ่มธนาคาร (TTB KTB SCB) และกลุ่ม High Dividend Yield (BCP ADVANC)
• ประชุมธนาคารกลางต่างๆ โทนจะผ่อนคลาย แต่ระวัง Sell on Fact ตามมา
แนวโน้มยังดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเริ่มจากด้าน ECB (รู้ผลวันที่ 12 ก.ย.) คาดลดดอกเบี้ยฯ 0.25% หลังจากเงินเฟ้อฯยุโรปเดือน ส.ค. ขยายตัว 2.2% ต่ำกว่าเดือนก่อนที่ 2.6% ตามด้วย FED (รู้ผลวันที่ 19 ก.ย.) คาดลดดอกเบี้ยฯครั้งแรกในรอบ 4.5 ปี 0.25% ตามการส่งสัญญาณของประธาน FED และ BOJ (วันที่ 20 ก.ย.) คาดคงดอกเบี้ยฯ และส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ แบบค่อยเป็นค่อยไปควบคู่ไปกับพิจารณาเสถียรภาพของตลาดทุน คาดว่าจะเป็นแรงหนุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงช่วงก่อนการประชุมธนาคารกลางต่างๆบนความคาดหวังต่อโทนการประชุมที่ผ่อนคลาย แต่อาจต้องระวังแรง Sell on Fact ภายหลังการประชุมหากไม่ได้มีปัจจัยบวกเกินความคาดหมายดังกล่าว
• ทิศทาง Fund Flow ยังเป็นบวก
ประเมินว่านักลงทุนต่างประเทศยังมีโอกาสไหลเข้ามายังตลาดหุ้นไทย จาก FED เริ่มปรับลดดอกเบี้ยฯ โดยมีจุดดึงดูด คือ การเมืองที่เริ่มมีความชัดเจน เศรษฐกิจในประเทศและกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำจากผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยติดลบ -4%YTD สวนทางตลาดหุ้นโลกที่ปรับขึ้น 14%YTD ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเชื่อว่าเม็ดเงินจากกองทุน TESG จะเริ่มทยอยเข้ามา นอกจากนี้หากมีความชัดเจนของกองทุนวายุภักษ์คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินจาก Active Fund เพิ่มน้ำหนักได้อีกระลอก
• ปัจจัยเสี่ยง
ประเด็นการเมืองอยู่ที่การร้องเรียนตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯ หลังเข้ารับตำแหน่งที่อาจสร้าง Sentiment ลบต่อตลาดเป็นระยะๆ แต่จุดที่เริ่มให้น้ำหนักต่อเมื่อศาลฯรับคำร้องเรียนต่างๆไว้พิจารณา ส่วนปัจจัยต่างประเทศอยู่การขยายวงความตึงเครียดตะวันออกกลางนอกเหนือไปจากอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์


-กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.ย. 67 เลือก BCP SAK BBIK -
BCP (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62.00 บาท)
• ธุรกิจเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) จะสร้างกำไรให้กับ BCP ประมาณ 2.6-4.1 พันลบ. ต่อปี หรือคิดเป็น 20-30% ของกำไรหลักในปี 2568-2570 จากที่แต่ละประเทศผลักดันการใช้ SAF และความมุ่งมั่นของสายการบินในการลดการปล่อยคาร์บอนจะทำให้ความต้องการ SAF เพิ่มขึ้น 1.9 พันล้านลิตรในปี 67 เทียบกับ 0.6 พันล้านล้านลิตรในปี 66 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวช่วยหนุนกำไรปกติปี 68 เติบโต 48.6%YoY สำหรับกำไร 2H67 คาดว่าฟื้นตัวตาม GRM ที่ปรับตัวดีขึ้นตามผลของฤดูกาล ขณะที่ราคา Crude Premium ลดลงจะช่วยหนุนต่ออัตราทำกำไรดีขึ้น
• ความคืบหน้ากองทุนวายุภักษ์ใหม่ซึ่งคาด BCP จะเป็น 1 ในเป้าหมาย เพราะซื้อขายบน Valuation ที่ถูกอย่างมาก บน PBV67F ราว 0.75 เท่า และ PER68F ต่ำเพียง 5.8 เท่า จ่ายเงินปันผลสูงระดับ 5-8% ต่อปี
BBIK (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท)
• คาดกำไรหลักปี 67-69 จะเติบโตเฉลี่ย 28% CAGR โดยมีรายได้เติบโต 14% CAGR หนุนจากโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและตลาดซอฟต์แวร์องค์กรในประเทศยังมีขนาดเล็ก ขณะที่การเซ็นสัญญาโครงการใน มิ.ย. 67 ทำให้ backlog ณ สิ้น 2Q67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 905 ล้านบาท โดย 506 ล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ 2H67 ซึ่ง backlog ดังกล่าวสะท้อนว่า 79% ของรายได้ที่คาดการณ์สำหรับปี 67 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+16% YoY) ขณะที่การชนะประมูลโครงการยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ค.-ส.ค. คาดกำไรหลัก 3Q67 ที่ 83 ล้านบาท +10% YoY และ +83% QoQ
• คาดว่า BBIK จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากเศรษฐกิจใน 2H67 ฟื้นตัวที่จะทำให้เอกชนกลับมา กล้าลงทุนมากขึ้น ขณะที่มุม Valuation ซื้อขายบน PEG ต่ำ 0.8 เทียบ HUMAN ที่ 1.8 และ NETBAY ที่ 5.2
SAK (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.50 บาท)
• คาดว่ากำไรหลัก 67 จะเติบโต 14% YoY เนื่องจากรายได้เติบโตแข็งแกร่งและการควบคุมต้นทุนที่ดี สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตโดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และโฉนดที่ดิน ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังบริหารจัดการได้ ดีสะท้อนจากNPL 2Q67 อยู่ที่ 2.5% ลดลง 6 bps เมื่อเทียบกับ 1Q67
• โอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยฯ ในปีนี้ที่ยังไม่ปิดตายหลังจาก ผู้ว่า ธปท. ออกมาส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้นและพร้อมปรับลดดอกเบี้ยฯ ถ้าเสถียรภาพการเงินในประเทศตึงตัวมากเกินไป ทั้งนี้ SAK จะได้ประโยชน์เป็นอย่างมากเนื่องจาก 95% ของเงินกู้มาจากการกู้ยืมธนาคาร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ทำให้ต้นทุนทางการเงินจะลดได้ทันที โดยทุกๆ 0.25% ที่ปรับลดดอกเบี้ยฯ จะเป็น Upside ต่อประมาณการ 2% ในปี 67/68

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

HotNews: PTG ติดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 2 ปีซ้อน สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

PTG ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2025 เป็นปีที่สองติดต่อกัน ...

SKIN ผนึก APM ลุยโรดโชว์ห้องค้า PST มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

SKIN ผนึก APM ลุยโรดโชว์ห้องค้า PST มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

ไฟการเมือง เผาSET By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ อารมณ์คอการเมือง ร้อนทันที เป็นคลิปเสียง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนากับ สมเด็จฯ ฮุน..

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้